จากประชาชาติธุรกิจ

สัมภาษณ์

มาบตาพุด นับเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทย โดยมีมูลค่าการลงทุนคิดเป็นครึ่งหนึ่งของการลงทุนทั้งประเทศ จากอุตสาหกรรมหลัก ไม่ว่าจะเป็นปิโตรเคมี-เหล็ก- ยานยนต์/ชิ้นส่วน-โรงแยกก๊าซ-โรงไฟฟ้า แน่นอนว่าอุตสาหกรรมหนักเหล่านี้ได้สร้างความกังวลให้กับชุมชนในพื้นที่ใน แง่ของปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่ง ผลให้ชุมชนในพื้นที่รวมตัวขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครองกลางให้ ระงับการดำเนินการของผู้ประกอบการจำนวน 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง โดยคำสั่งดังกล่าวได้สร้างความตระหนักให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนญี่ปุ่น รวมทั้งการลงทุนของบริษัทไทยในแง่ที่ว่าไม่มี ความชัดเจน ในการปฏิบัติตาม มาตรา 67(2) ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าด้วยประเภทกิจการที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ นายเจษฎา ศรศึก ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในฐานะผู้รับผิดชอบ-ประสานงาน- อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนใน พื้นที่ตะวันออก ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ มาบตาพุดและแนวโน้มทิศทางการลงทุน ในภาคตะวันออก

- ภาพรวมการลงทุนในภาคตะวันออก

ในส่วนของศูนย์การลงทุนภาคที่ 4 ที่ผมรับผิดชอบจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 8 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-นครนายก-ปราจีนบุรี-จันทบุรี-สระแก้ว-ตราด สถิติการลงทุนตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2548-เดือนมิถุนายน 2553) มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในภาคตะวันออกไปแล้วจำนวน 2,268 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 52% ของมูลค่าการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของทั้งประเทศ โดยกิจการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด ได้แก่เคมีภัณฑ์ สาธารณูปโภค ยานยนต์ และอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

- บทบาทหน้าที่ของศูนย์การลงทุน

หน้าที่ของศูนย์การลงทุนหลัก ๆ คือ 1) งานด้านสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุน อาทิ การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร/วัตถุดิบ 2) งานตรวจสอบสภาพโครงการและติดตามให้เป็นไปตามเงื่อนไขของบัตรส่งเสริม 3) การกำกับ ดูแลการทำงานในเรื่องของการอนุมัติการสั่งปล่อยเครื่องจักร วัตถุดิบ และแก้ปัญหาการนำเข้า/ส่งออก 4) จัดอบรมสัมมนา ให้ความรู้ สร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ

5) ให้บริการข้อมูลศึกษาลู่ทางการลงทุนให้กับนักลงทุน อาทิ นโยบายของรัฐด้านการลงทุนใหม่ ๆ กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง สถิติการขอรับส่งเสริมการลงทุน และ 6) การปรับองค์กรเพื่อความ พร้อมด้านบริการที่ดี ประเมินผลทุก ๆ 6 เดือนจากความพึงพอใจของผู้ติดต่อ ลดระยะเวลาการอนุมัติให้ รวดเร็วขึ้น จัดเจ้าหน้าที่แก้ปัญหากรณี เร่งด่วน

ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จะเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรต่าง ๆ และการประท้วงของภาคแรงงานในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมาก สหภาพแรงงานที่นี่ค่อนข้างจะเข้มแข็งกว่าที่อื่น เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เช่น กรณีของการเรียกร้องแรงงานของบริษัทฟอร์ด/มาสด้า

แต่ก็สามารถ เคลียร์ให้ผ่านพ้นไปได้ โดย BOI ได้เข้าไปช่วยเป็นพี่เลี้ยง ช่วยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างแรงงานกับเจ้าของโรงงาน ผู้ประกอบการก็คลายความกังวล ไม่ทำให้นักลงทุนหยุดหรือหันไปลงทุนที่อื่น

- กรณีมาบตาพุด

ในเรื่องของมาบตาพุด ภาครัฐจะต้องแก้ไขปัญหาให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการเสียโอกาสเกิดแล้วต้องแก้ แม้จะมีการประท้วง อย่างต่อเนื่อง เราต้องแก้ปัญหา หรือเคลียร์ให้ได้ เมื่อเกิดแล้วต้องแก้ไขให้จบ ผมคิดว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญ กับปัญหา ไม่ตีกันเชียงหนี มีความจริงใจรู้ปัญหาอยู่แล้ว ผมคิดว่า น่าจะผ่านไปได้ เงื่อนไขต่าง ๆ จะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถปฏิบัติตามได้

- ทิศทางการลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก

ใน 10 ปีข้างหน้า พื้นที่ภาคตะวันออกยังคงเป็นหัวใจการลงทุนไทยอยู่ การลงทุนไม่ลด แม้บางอุตสาหกรรมอาจจะขยาย ต่อได้ยากขึ้น เพราะติดเงื่อนไขด้าน สิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมาก แต่เราก็สามารถดึงอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ เข้ามาลงทุนได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขณะนี้เกือบทุกยี่ห้อมาลงทุนเมืองไทย จัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่มีปัญหามลภาวะ ถือเป็นจุดแข็งของการลงทุน ในไทย มีการเชื่อมโยงการผลิตได้ ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานก็เอื้ออำนวย แรงงานไทยมีความเชี่ยวชาญ มีการบริการที่ดี

จากการพูดคุยกับนักลง ทุนญี่ปุ่น บางกลุ่มบอกว่า ในช่วง 10 ปี ไม่ย้ายฐานการผลิตจากไทย และโดยส่วนตัวผมก็ยังมองว่า การถอนตัวลงทุนจากแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย การลงทุนในพื้นที่ตะวันออกจึงมีแนวโน้มที่ดีอยู่