สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ดร. วีระชัย วีระเมธีกุล มองจีนแล้วเหลียวดูไทย

จากประชาชาติธุรกิจ

ดร. วีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   เชี่ยวชาญเรื่องประเทศจีนเป็นอย่างดี   และยังมีคอนเนกชั่นอย่างดีกับนักธุรกิจจีน รวมถึงคนในรัฐบาลจีน  เป็นรัฐมนตรีที่เดินทางไปปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ บ่อยครั้ง  
  
ล่าสุด  ดร. วีระชัย  ได้รับเกียรติให้เดินทางมาบรรยายเรื่อง "Asian Century (จีน)" บนเวที โครงการอบรม "ผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง"  ของเครือมติชนและมูลนิธิสัมมาชีพ
   
นี่คือ เรื่องเล่าสนุก ๆ แต่แฝงไว้ด้วยสาระและความรู้ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้นำจีน จากรัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ฯ ประเทศไทย 
    -------------
    การเปลี่ยนแปลงผู้นำของจีนจากรุ่นสู่รุ่น  ตั้งแต่จีนสร้างประเทศใหม่มีความน่าสนใจมาก ผู้นำรุ่นแรกของจีนซึ่งนำโดย "เหมา เจ๋อตุง"  และ "โจวเอินไหล"   เจเนอเรชั่นนี้ทั้งเจเนอเรชั่น  มาจากนักปฏิวัติ งานที่เขาให้ความสำคัญคือเรื่อง "งานการเมือง และเรื่องการปฏิวัติ"   หรือแปลจากภาษาจีนว่า "ปฏิวัติตลอดไป"  คือ พูดเน้นในเรื่องการปฏิวัติตลอดเวลา
       สิ่งที่น่าสนใจคือ ก่อนที่ "เหมา เจ๋อตุง"  จะเสียชีวิต เขาได้วางอำนาจผู้นำในการสืบทอดของเขา แต่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด คนแรกสุดที่ได้รับการวางตัวไว้ที่จะเป็นผู้นำในการสืบทอดอำนาจของเขาก็คือ ท่าน "หลิวเซ่าฉี"   คนนี้เป็นคนที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษ  แต่คำพูดหนึ่งที่เขาพูดเอาไว้ก่อนตาย  เป็นภาษาจีน  ตีความหมายได้ว่า  "ในประวัติศาสตร์ผมจะดีหรือไม่ดี"   ในอนาคตให้พี่น้องประชาชนมาเขียน  เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณทำกับผมไม่ถูกต้องและไม่ยุติธรรมเลย แต่สุดท้ายท่านก็เสียชีวิตโดยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
      คนที่สองคือ "หลินเปียว"  เขาตายในการปฏิวัติวัฒนธรรม  ส่วนคนสุดท้ายที่เหมา เจ๋อตุง เลือกขึ้นมา  คือ "หัว กั๊วเฟิง"   แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่ เหมา เจ๋อตุง  ได้วางแผนเอาไว้  เพราะหัว กั๊วเฟิง  ก็ไม่เข้มแข็งพอ  ที่จะนำประเทศจีนต่อไป
      หลังจากนั้น  "เติ้ง เสี่ยวผิง"   ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นที่ 2     ท่าน เติ้ง เสี่ยวผิง  ถึงแม้จะเป็นผู้นำที่มาจากการปฏิวัติ แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง  สิ่งที่เขาทำไม่ได้เน้นแค่เรื่องการปฏิวัติหรือเรื่องการเมืองเพียงอย่าง เดียว   สิ่งที่คนจดจำ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้มากที่สุด คือ นโยบายการเปิดประเทศจีนสู่โลกภายนอก
      นอกจากนี้  สิ่งที่ เติ้ง เสี่ยวผิง  ได้ทำไว้ในฐานะผู้นำก็คือ การวางฐานอำนาจ หาผู้นำในการสืบทอดอำนาจของเขาต่อไปในอนาคต   เพราะเขาเห็นในช่วงชีวิตเขาว่า หลังจาก เหมา เจ๋อตุง เสียชีวิต  ประเทศจีนมีการต่อสู้กันอย่างมากมาย จนก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
      ฉะนั้น สิ่งที่ เติ้ง เสี่ยวผิง  ทำมันยิ่งใหญ่มาก   เขาวางฐานอำนาจเลยว่า เขาวางผู้นำรุ่นที่ 3 ซึ่งก็คือ "เจียง เจ๋อหมิน"  และยังวางไปถึงผู้นำรุ่นที่ 4 ซึ่งก็คือ "หู จินเถา"  ผู้นำจีนคนปัจจุบัน   
        เติ้ง เสี่ยวผิง วางรูปแบบในการสืบทอดผู้นำเป็นระบบการนำของพรรค โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ เจียง เจ๋อหมิน  "หลี่ เผิง"  และ "จูหลงจี"     แล้วสิ่งที่เติ้ง เสี่ยวผิง   ทำอีกอันหนึ่งแล้วมีคุโณปการมาก ก็คือ เขาตัดสินใจเลือกกลุ่มคนพวกนี้ขึ้นมาเป็นผู้นำ  กลุ่มที่อาจจะมีปัญหา    เติ้ง เสี่ยวผิง  จะต้องให้เกษียณ  ไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรผิดนะ มีบทบาทสร้างการเปลี่ยนแปลงในประเทศจีน แต่วันนี้ เติ้ง เสี่ยวผิง  ตัดสินใจแล้วว่าให้กลุ่มนี้ขึ้นมานำ  ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ ต้องถอย  ถ้ายังมีรุ่นผู้นำในการปฏิวัตินั่งอยู่ ในคณะกรรมการกรมการเมือง  ผู้นำรุ่นที่ 3 อย่าง เจียง เจ๋อหมิน  ก็คงจะทำงานลำบาก ฉะนั้น ผู้นำในการปฏิวัติ จึงเปิดทางให้ เจียง เจ๋อหมิน  หลี่ เผิง  และ จูหลงจี    ขึ้นมาบริหารประเทศ  
       สิ่งที่ผู้นำรุ่นที่ 3 ทำส่วนใหญ่ ที่เราจดจำกันได้ก็คือการสร้างอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และการสร้างเมืองใหญ่  ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากสมัย เติ้ง เสี่ยวผิง แล้วสิ่งที่
เติ้ง เสี่ยวผิง ทำอีกก็คือ  วางผู้นำรุ่นที่ 4 ไว้เลย ให้คนเห็นเลยว่า   พวกนี้ รุ่นนี้ จะเป็นแกนนำ รุ่นที่ 4 ซึ่งก็คือรุ่นปัจจุบัน นำโดยท่าน  "หู จินเทา" และ "เวิน เจียเป่า"   สิ่งที่ผู้นำจีนทำตอนนี้ก็คือ  เขากำลังพยายามลดเรื่องช่องว่างของความร่ำรวย ความเจริญ  ระหว่างเมืองที่ค่อนข้างเจริญแล้ว กับเมืองที่ยังยากจน   
     สำหรับแกนนำพรรครุ่นที่ 5 ซึ่งจะเป็นรุ่นต่อไป   ที่จะเกิดขึ้นภายใน 2-3 ปีข้างหน้า   ก็มีการวางตัวไว้เรียบร้อย  คาดว่าจะนำโดยท่าน "สี จิ้นผิง"  และท่าน "หลี่ เค่อเฉียง"
    ผมเชื่อว่า สิ่งที่จีนจะเน้นต่อไปของผู้นำรุ่นนี้ก็คือ เรื่องเทคโนโลยี  และตอนนี้เริ่มมีการมองกันแล้วว่า ผู้นำรุ่นที่ 6 น่าจะมีใครขึ้นมา 
     ฉะนั้น  สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ  ผู้นำจีนแต่ละยุคแต่ละสมัย  มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง การวางตัวผู้นำมีความสำคัญอย่างมาก จึงขอฝากไว้ว่า ท่านที่จะเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงในวันนี้และต่อไปในวันข้างหน้า  ผมคิดว่ามีความสำคัญ ต้องวางแผนไว้ในระยะยาว  
    
เมื่อกลับมามองไทย  เราคงมองจีนได้  แต่จะทำแบบเขาทั้งหมดคงไม่ได้   แต่ถามว่าประเทศไทย ควรจะ engage   ประเทศจีนต่อไปอย่างไรในอนาคต   เพราะปัจจุบัน จีนเป็นประเทศที่มีการส่งออกมากที่สุดในโลก   เป็นประเทศที่มีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากที่สุดในโลก   และเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
    
  ฉะนั้น วันนี้ต้องถือว่า จีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแล้ว   แต่เราชอบพูดกันเสมอว่า ไทยจีนพี่น้องกัน    เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ 50: 50  แต่วันนี้ต้องกลับมาดูว่า มันเป็นอย่างที่เราพูดกันจริงหรือเปล่า 
      ไทยจีนพี่น้องกัน แน่นอนว่าเป็นอยู่   มีความสัมพันธ์อันดี เพียงแต่เวลาจะมาร่วมมือกัน   เราต้องยอมรับก่อนว่าปัจจุบันจีน  มีฐานะไม่เหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนแล้ว   ผมไม่ได้บอกว่าเขาใหญ่กว่าหรือเล็กกว่า หรือเราใหญ่กว่าหรือเล็กกว่า    แต่เราจะ  engage จีนยังไง  นั่นต่างหากที่สำคัญ
      ผมจะไม่ตอบว่า เราจะต้องทำตัวเราให้เป็นจุดเด่นของอาเซียน  ให้ประเทศจีนใช้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียน     ผมจะไม่ตอบในลักษณะที่บอกว่า  เราจะทำตัวให้เป็นสะพานกลางที่จะเชื่อมโยงระหว่างเอเชียตะวันออก  ได้แก่  จีน ญี่ปุ่น เกาหลี  แล้วเชื่อมไปถึง เอเชียใต้ เช่น อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ  หรือ  ศรีลังกา ถ้าตอบอย่างนี้ ผมว่าไปหาอ่านได้ในหนังสือ
       แต่ผมจะตอบสั้นๆ ว่า  ปัจจุบัน ในบทบาทที่เขาเปลี่ยนแปลงไปของจีน จนกลายเป็นมหาอำนาจ บางทีมันมีบางเรื่องที่เขาทำไม่ได้  หรือบางเรื่องเขาอยากทำ แต่ถามเราว่า  คุณลองไปถามคนอื่นดูก่อนว่าเขาเอาด้วยหรือเปล่า  ทำกันหรือเปล่า
         ฉะนั้น ผมมองว่า เราจะทำอย่างไร ที่จะเล่นบทเป็นผู้รู้ใจจีน อันนี้สำคัญ มีแต่บวกกับบวก  ถ้าจะถามว่า  engage ยังไง  เรื่องมันเยอะมาก   แต่ส่วนใหญ่คนจะพูดในประเด็นที่ผมเล่าให้ฟังไปแล้วว่าเราต้องทำตัวเป็นจุด เด่นของอาเซียน   แต่ผมถามกลับนิดเดียวว่า แล้วจีนจะคบกับสิงคโปร์โดยตรงไม่ได้เหรอ  จีนจะคบกับอินโดนีเซียโดยตรงไม่ได้เหรอ 
     
 กระนั้นก็ตาม ผมเชื่อว่า จีนจะยังยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคต   

Tags : ดร. วีระชัย วีระเมธีกุล มองจีน เหลียวดูไทย

view