สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปิยะวัฒก์ปูดคดีแชร์หลุด-ธาริตโต้ใครอธิบดี

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

มือปราบ"แชร์ลูกโซ่"แฉในเฟซบุ๊ก คนดีเอสไอทำตามใบสั่งการเมืองช่วยแชร์ปูแดงได้ประกันตัว2ล้าน-ไม่ฟ้อง "ธาริต"โต้ต้องฟังดุลยพินิจผุ้บังคับบัญชา
จากกรณี พันเอกปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โพสต์ข้อความลงเฟชบุ๊ค แสดงความคิดเห็นต่อคดีดีเอสไอสั่งไม่ฟ้องคดีแชร์ปูแดง และสั่งไม่ฟ้องอีก 2 คดีสำคัญ พร้อมตั้งข้อสังเกตมีการวิ่งเต้น และมีใบสั่งทางการเมืองมาถึงหน่วยงาน

ขณะที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดได้ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาสำนวนที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ การทำงานของดีเอสไอมีลำดับขั้นตอนโดยเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นจากชุดพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนพร้อมความเห็นเบื้องต้นเห็นควรส่งฟ้อง จากนั้นสำนวนถูกส่งผ่านมาที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งมีคณะทำงานพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง ทั้งหลักทฤษฎีและการศึกษาตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา จึงได้มีความเห็นว่าแชร์ปูแดงไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากไม่มีเจตนาฉ้อโกงมาตั้งแต่ต้น

จากนั้นเมื่อสำนวนถูกส่งมายังตนในฐานะผู้บังคับบัญชาการสูงสุด จำเป็นต้องเลือกความเห็นไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งตนพิจารณารายละเอียดสำนวนอย่างรอบคอบแล้วเห็นตามพ.ต.อ.ณรัชต์ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง

"ผมได้อ่านข้อความในเฟซบุ๊คแล้ว ผู้โพสต์ต้องรับผิดชอบเอง โดยหลักการทำงานผู้ใต้บังคับบัญชาต้องยอมรับการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่เก็บมาคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ทำอะไรก็ต้องเป็นผู้ใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงต้องมาเป็นอธิบดีเอง และเรื่องนี้คงไม่ต้องเรียก พันเอกปิยะวัฒก์มาพูดคุย เพราะต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คนเราทำอะไรต้องเป็นผู้ใหญ่ มิเช่นนั้นต้องมาเป็นอธิบดีดีเอไอ” นายธาริต กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความขัดแย้งภายในองค์กรดีเอสไอยังไม่สงบ ล่าสุด พันเอกปิยะวัฒก์ เจ้าของฉายามือปราบแชร์ลูกโซ่ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คหัวข้อ“ปูแดงไคโตซานทำผิดหรือเปล่า” พร้อมแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับคดีไว้ 9 ประเด็น และมีการเปิดเผยถึงเจ้าหน้าที่ในดีเอสไอพยายามเสนอผลประโยชน์เพื่อให้ช่วยเหลือทางคดีให้ผู้ต้องหา ข้ออ้างถึงใบสั่งจากฝ่ายการเมืองให้ประกันตัวผู้ต้องหาในวงเงิน 2 ล้านบาท การข่มขู่คุกคามพยานหลังได้ประกันตัว และพิรุธในการแอบส่งสำนวนสั่งไม่ฟ้องคดีไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด

สำหรับประเด็นความผิดของแชร์ปูแดงที่ พันเอกปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ มีดังนี้ 1.บริษัท เบสท์ 59 จำกัด นำสินค้าเกษตร 2 ชนิด คือ ปูแดงไคโตซาน และผงชูรสตราปูแดง ไปแจ้งกรมสรรพากรเพื่อขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอ้างว่าเป็นปุ๋ย จากนั้นนำสินค้าเกษตร 2 ชนิดดังกล่าวซึ่งเป็นปุ๋ยไปจดทะเบียนขายตรงกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) อ้างเป็นสารปรับปรุงดิน ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วยปุ๋ย การผลิตและจำหน่ายปุ๋ยจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร กรมวิชาการเกษตรจึงร้องทุกข์กล่าวโทษกับ DSI ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย....ปูแดงฯ ทำผิดหรือเปล่า

2.บริษัท เบสท์ 59 จำกัด ได้รับอนุญาตจาก สคบ.ให้ประกอบธุรกิจขายตรงสินค้าเกษตร 2 ชนิด คือ ปูแดงไคโตซาน และผงชูรสตราปูแดง แต่นำสินค้าที่ยังมิได้รับอนุญาตจาก สคบ.เข้ามาในธุรกิจขายตรงอีก 45 รายการ และปรับแผนการตลาดและแผนการจ่ายผลตอบแทนแตกต่างไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้กับ สคบ. โดยเฉพาะการดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องรักษายอดขาย ยิ่งหาสมาชิกสร้างเครือข่ายขยายองค์กรได้มากเท่าใด ก็ได้ผลตอบแทนมากเท่านั้น ในที่สุดสคบ.ก็เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุกิจขายตรง ... ปูแดงฯ ทำผิดหรือเปล่า

3.ผู้ร้องรายแรกได้รับความเสียหายจากการใส่ปุ๋ยไคโตซานสำหรับสัตว์ลงไปในบ่อเลี้ยงปลา ทำให้เกิดสาหร่ายหางกระรอกมากมายในบ่อ จนปลาไม่สามารถโผล่ขึ้นมาหายใจได้ เมื่อนำไปใส่ต้นมะพร้าวน้ำหอม ปรากฏว่า มะพร้าวแตกข้างในและไม่มีน้ำ... สินค้าดีจริงหรือเปล่า... ภายหลังเข้าร้องเรียนกับ สคบ.ก็ถูกข่มขู่คุกคามทำร้ายร่างกายจนขณะนี้ตาข้างซ้ายยังมองเห็นไม่ชัดเจน ผู้ถูกทำร้ายเป็นสุภาพสตรี ปัจจุบันไม่สามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่ได้ตามปกติ ต้องหลบหนีไปอยู่ที่อื่น...อย่างนี้โหดร้ายเกินไปหรือเปล่า... ปูแดงฯ ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า

4.สำนักป้องปรามการเงินนอกระบบ วิเคราะห์แผนการตลาดแล้ว เข้าข่ายเป็นการเสนอผลตอบทนเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ จึงเรียกนายสมปองฯ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ เข้ามาชี้แจง พบว่าปูแดงมีสมาชิกอยู่ประมาณ 10,000 คน แต่มีรหัสสมาชิกมากถึง 1,100,000 รหัส ผู้มีรหัสสมาชิกแล้วก็ไม่สามารถซื้อซ้ำได้ ต้องสมัครสมาชิก 300 บาท ทุกครั้ง รายได้หลักมิได้มาจากการขายสินค้า แต่มาจากการหาสมาชิกเข้าร่วมเครือข่ายเป็นหลัก การเสนอผลตอบแทนสูงเป็นการนำเงินจากสมาชิกใหม่ไปจ่ายหมุนเวียนให้กับสมาชิกเก่า ... อย่างนี้เป็นการระดมทุน เป็นแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า

5.วันเข้าตรวจค้นจับกุม (วันที่ 19 มกราคม 2553 ) มีการจัดเตรียมฝูงชนไว้ปิดล้อมและขัดขวางการปฏิบัติการตรวจค้นตามหมายของศาลอาญา มีการยกเครื่อง Server ของบริษัทฯ ออกไปจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ก่อนการตรวจค้นเพียง 1 วัน ความลับรั่วไหลหรือ และในวันรุ่งขึ้นฝูงชนยังใจดีรวมตัวกันเดินขบวนไปวางหรีดให้ DSI และ สคบ.อีกด้วย ... อย่างนี้ทำเกินไปหรือเปล่า ... ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า

6. ถัดมาอีก 2 วัน มีการสั่งการจากฝ่ายการเมืองมายังผู้บริหารของ DSI และสั่งการให้กระผมรับมอบตัวผู้ต้องหา และอนุญาตให้ประกันด้วยเงินสด 2 ล้านบาท ในที่สุดก็ต้องปล่อยตัวนายสมปองฯ กับพวกไป ผลของการปล่อยตัวผู้ต้องหาไป มีการข่มขู่คุกคาม เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ขัดขวางการปฏิบัติงานของ DSI และให้ร้ายป้ายสีพนักงานสอบสวน DSI ต่าง ๆ นานาในการลงพื้นที่ ... ฝ่ายการเมืองแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและก้าวก่ายข้าราชการประจำหรือเปล่า ... อย่างนี้เป็นหน้าที่ของนักการเมืองหรือเปล่า

7.อีก 1 - 2 วันต่อมา มีข้าราชการ DSI บางคนตามไปพบกระผมที่รัฐสภาขณะกำลังชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการฯ และบังอาจเสนอผลประโยชน์ให้กระผมเพื่อให้ความช่วยเหลือทางคดี โดยบอกว่ามีผู้ใหญ่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่แล้วทุกฝ่าย ... พฤติกรรมอย่างนี้เป็นการเสนอให้สินบนกับเจ้าพนักงานหรือเปล่า กระผมจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนไปว่าอย่าประพฤติเช่นนี้อีก กระผมให้ได้เพียงความเป็นธรรมเท่านั้น มีพยานหลักฐานใดที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ขอให้นำมามอบให้พนักงานสอบสวนโดยเร็วที่สุด

8.พนักงานสอบสวนได้ให้โอกาสนายสมปองฯ ส่งพยานหลักฐานมาตรวจสอบอีกครั้งเช่น ข้อมูลจำนวนสมาชิก และรหัสสมาชิกที่มีอยู่จริงทั้งหมด ข้อมูลรายรับ-รายจ่ายของบริษัท งบดุลทางบัญชี เป็นต้น เพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจของบริษัท เบสท์ 59 จำกัด นั้น เป็นกิจการที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงินทั้งหลายหรือไม่ แต่นายสมปองฯ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานเป็นครั้งที่สอง... อย่างนี้ปูแดงผิดหรือเปล่า

9.พนักงานสอบสวนส่งสำนวนเสนอความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ไปยังผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ใช้เวลาในพิจารณาเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน ทั้ง ๆ ที่ได้ให้ข้อมูลแล้วว่า จะครบ 6 เดือนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะต้องเร่งส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ พอมีหนังสือเตือนไป ก็ถูกสวนกลับว่า ขอให้ส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ พ.ต.อ.ณรัชต์ฯ รองอธิบดีดีเอสไอ โดยด่วน พนักงานสอบสวนจึงไม่สามารถถ่ายเอกสารในสำนวนเก็บไว้เป็นหลักฐานได้ทั้งหมด ที่มีพิรุธน่าสงสัยคือ พ.ต.อ.ณรัชต์ฯ ให้หน้าห้องแอบนำสำนวนไปส่งให้พนักงานอัยการโดยที่กระผมในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนฯ รวมทั้งพนักงานสอบสวนในคณะทุกคนไม่ทราบเรื่อง ... ไม่ทราบความเห็นทางคดี ... ไม่ได้เป็นผู้ส่งสำนวน และไม่ทราบว่าพยานหลักฐานในสำนวนส่งไปครบถ้วนหรือไม่ ใครเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารในสำนวน คดีนี้เป็นคดีแรกที่แอบส่งสำนวนแบบนี้ ... มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า

เมื่ออ่านรายงานการสอบสวนทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า ก็พบว่าปูแดงผิดแล้วผิดอีก ผิดกฎหมายหลายฉบับ หากปูแดงไม่ผิด พวกมันจะวิ่งเต้นกันหาพระแสงอะไร สู้กันไปตามกรอบกระบวนการยุติธรรมซิ ที่สำคัญคนของ DSI เองที่ช่วยวิ่งเต้น ไม่ฟ้องคดีเดียวไม่เป็นไร แต่นี่มันเป็นคดีที่ 4 ติด ๆ กันแล้วนะ ... ไม่ให้เครียดได้อย่างไร คงได้แต่ให้กำลังใจตัวเองและผู้ใต้บังคับบัญชาให้สู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต่อไป และพวกเราก็ทำดีที่สุดแล้ว จะพยายามปล่อยวาง แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ เพราะตั้งแต่กระผมรับราชการในกรมพระธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมทหาร ไม่ว่าจะเป็นอัยการทหาร หรือตุลาการพระธรรมนูญ แล้วโอนมา DSI กระผม “ ไม่เคยปล่อยคนผิดลอยนวล ” ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใคร

Tags : ปิยะวัฒก์ ปูดคดีแชร์หลุด ธาริตโต้ ใครอธิบดี

view