สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แม่ฮ่องสอนโมเดล ต้นแบบ...บ้านของพ่อ เมืองแห่งความสุข

จาก โพสต์ทูเดย์

จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดตัวอย่างที่ได้ริเริ่มแนวทางการ ปรองดองโดยภาคประชาชนตามแนวทาง “ที่นี่แม่ฮ่องสอน .....บ้านของพ่อ เมืองแห่งความสุข”

โดย..ปริญญา  ชูเลขา  
               

นับเป็นครั้งที่ 2 สำหรับโครงการโครงการโฆษกสัญจรที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใต้หัวข้อ “ที่นี่แม่ฮ่องสอน.....บ้านของพ่อ เมืองแห่งความสุข”  ระหว่างวันที่ 3-5 ก.ย.นี้ ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายอภิรักษ์  โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นหัวขบวนนำคณะสื่อมวลชนทุกแขนงลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาเพื่อนำมาเป็นแนว ทางในการจัดทำแผนปรองดองแห่งชาติ และการปฏิรูปประเทศไทย เพื่อขจัดความขัดแย้งทางการเมืองและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองด้วย 

ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดตัวอย่างที่ได้ริเริ่มแนวทางการ ปรองดองโดยภาคประชาชนตามแนวทาง “ที่นี่แม่ฮ่องสอน .....บ้านของพ่อ เมืองแห่งความสุข” โดยมีความโดดเด่นโดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการนำความหลากหลายทางด้าน วัฒนธรรมการยึดมั่นในหลักศาสนา มาใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการใช้ชีวิตร่วมกันแม้จะมีความเห็นที่แตกต่าง กัน และมีตัวแทนจากภาคต่างๆจากภาคประชาสังคมได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาความ เหลื่อมล้ำ เช่น นโยบายโฉนดชุมชน การดูแลแหล่งน้ำ และปัญหาความไม่สะดวกการเดินทางเพราะเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่การคมนาคมทาง อากาศหรือสายการบินจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางนาน จึงส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต จึงกลายเป็นปัญหาเชื่อมโยงไปยังปัญหาการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และปัญหาความเหลื่อมล้ำคุณภาพการศึกษาและการรักษาพยาบาล ที่สำคัญปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งในวันนี้ได้นำตัวอย่างแนวทางที่คนในจังหวัดแม่สอนที่เริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ปีก่อน ภายใต้ชื่อ ปายโมเดล และ แม่ฮ่องสอนโมเดล ซึ่งทั้งสองโมเดลมีลักษณะคล้ายคลึงกับจังหวัดเลย และเชื่อว่าโครงการนี้รัฐบาลจะร่วมผลักดันให้คนในพื้นที่ทำงานร่วมกันอยู่ ร่วมกันอย่างบูรณาการดึงพลังในสังคมเดินหน้าสู่แผนปรองดองการปฏิรูปประเทศ ไทยเพื่อให้ประเทศไทยกลับมาสู่ภาวะปกติเช่นเดิม

“ทางรัฐบาลจะเร่งรวบรวมผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้แล้วเสร็จภาย ในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากนั้นประมาณเดือน ต.ค.และพ.ย.นำมารวมเป็นแนวนโยบายเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อให้จัดเวทีการระดมสมองกับผู้ที่เกี่ยวข้องและภายในสิ้นปีนี้ อาจจะมีแผนเกี่ยวกับการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยส่วนเรื่องใดที่เป็นปัญหา เร่งด่วนทางรัฐบาลจะไปดำเนินการทันที” นายอภิรักษ์ กล่าว  

นายจรูญ  คำนวณตา ตัวแทนภาคประชาสังคม กล่าวเสนอแนะว่า สิ่งที่ทางรัฐบาลจะต้องทำดังนี้ 1.ต้องปฏิรูปความเท่าเทียมในการเข้าถึงการบริการภาครัฐให้ทั่วถึงแก่ประชาชน คนแม่ฮ่องสอนด้วย โดยเฉพาะด้านการศึกษา สาธารณสุขและสวัสดิการด้านอื่นๆ

2.ควรยกระดับการบริหารราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นการบริหารพื้นที่แบบ พิเศษ 3.การปฏิรูปเศรษฐกิจพอเพียงให้ทั่วถึง เพราะประชาชนคนแม่ฮ่องสอนยังมีฐานะยากจนและการศึกษาต่ำอยู่ 4.การปฏิรูปในการเร่งฟื้นฟูขนบธรรมเนียบ ประเพณี และวัฒนธรรมดั่งเดิมของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่กำลังสูญหาย โดยเฉพาะวัฒนธรรม ทั้ง 8 ชนเผ่า  5. การปฏิรูปที่เน้นการดูแลสภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้มีการตัดไม้ ทำลายป่า 6. ควรให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีมหาวิทยาลัย 1 แห่งเป็นของตัวเอง ตามนโยบายหนึ่งจังหวัดหนึ่งมหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น และ 7. การสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อกระจายรายได้แก่คนในชุมชน เช่น เดินป่า หรือ  Home stay  และการฝึกอบรมคนในชุมชน เป็นต้น

นายประยงค์  วงค์ปาผา ผู้แทนภาคประชาสังคม กล่าวว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่ภายใต้กรอบของ กฎหมายและรัฐธรรมนูญไม่ว่ารัฐบาลชุดใดเข้ามาบริหารประเทศ และอยากให้ทางรัฐบาลเปิดใจกว้างไม่มีทิฐิ จึงควรเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงออกทางการเมืองภายใต้กรอบของกฎหมาย
นาย ณรงค์  สิทธิเวช ผู้แทนภาคประชาสังคม กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มเพื่อปลุกจิตสำนึกความถูกต้องให้เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่อยากฝากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลคือการส่งเสริมการอนุรักษ์รักษา วัฒนธรรมเดิมๆเอาไว้ไม่ให้สูญหายรวมถึงการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมด้วย

นายกำธร  ถาวรสถิตรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่าประชากรในจังหวัด 80% เป็นคนที่มีความหลากหลายทางชนเผ่าและเชื้อชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยใหญ่ และมีชนเผ่าอื่นๆปะปนกันไป ที่ถือว่ามีความแตกต่างและหลากหลายแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปรองดองและ สมานฉันท์
“แม้คนในจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีความหลากหลายทางศาสนา ขนบธรรมเนียบประเพณีและวัฒนธรรม ที่ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างมากที่จังหวัดอื่นๆควรจะนำไปเป็นแบบอย่าง” นายกำธร กล่าว

ทั้งนี้บรรยากาศของเมืองแม่ฮ่องสอนเป็นธรรมชาติเหมาะสมกับการท่องเที่ยว และประชากรที่นี้เคร่งครัดในการนับถือศาสนาอย่างมาก ดังนั้นจึงทำให้คนแม่ฮ่องสอนเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน รักสงบและนับได้ว่าเป็นจังหวัดแรกและจังหวัดเดียวที่คนเสื้อแดงและคนเสื้อ เหลืองจับมือกันปรองดอง

และสิ่งสำคัญคือ ทางภาคราชการเคารพในอัตลักษณ์และความแตกต่างทางความคิดทางการเมืองของ ประชาชน บทบาทภาครัฐคือจะต้องเข้าไปช่วยเหลือปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนเป็น อันดับแรก เพราะหากประชาชนอยู่ดีกินดีก็จะเกิดความสุข และเมื่อประชาชนมีความสุขก็จะเกิดความสงบสุขตามมาด้วย

“2 สิ่งสำคัญที่ภาครัฐเน้นหนัก คือ การทำทุกอย่างโดยคิดถึงคนรุ่นหลัง และการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนคนแม่ฮ่องสอนมีอยู่ประมาณ 2 แสนคน ประมาณ 8 ชนเผ่า แต่กลับยึดคติสำคัญ คือว่า รวมกันเราอยู่แยกหมู่เราตาย และยึดแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการดำรง ชีวิต”   ผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าว

นายสุเทพ นุชทรวง นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน กล่าวว่าแม้จังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีดัชนีรายได้ต่ำกว่าทุกจังหวัดในประเทศ แต่ดัชนีความสุขของคนแม่ฮ่องสอนสูงที่สุดในประเทศ เนื่องจากคนเมืองแม่ฮ่องสอนมีนิสัยเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ตัวอย่างเช่น การจัดตั้งสภาผู้สูงอายุ นอกจากนี้ทางจังหวัดมีนโยบายเรื่องการสร้างพิพิธภัณฑ์ชีวิต โดยจะให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มีความหลากหลายทางขนบธรรมเนียบประเพณีวัฒนธรรม ทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่หรืออาคารบ้านเมืองรวมเป็นพิพิธภัณฑ์ใหญ่ระดับ จังหวัดแห่งแรกของประเทศ

พระครูอนุยุต  สังฆกิจ เจ้าคณะตำบลปางหมู กล่าวว่าการปฏิรูปประเทศไทย ถ้าคิดจะปฏิรูปควรจะเน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั่งเดิมของเมืองแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้สอนให้นักศึกษาให้นิยมเรื่องของความสุขเป็นพื้นฐานด้วยการพอใจในความ เป็นอยู่โดยไม่ให้มีความขัดแย้งกับวิถีชีวิตที่เป็นอยู่โดยเน้นให้เชื่อใน ศาสนาและความเชื่อของชนเผ่า โดยควรใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหา การรักษาจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วยการปฏิรูปในสิ่งที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องการ จริงๆไม่ใช่นำความขัดแย้งทางการเมืองเข้ามา ไม่ใช่ให้ในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง

Tags : แม่ฮ่องสอนโมเดล ต้นแบบ บ้านของพ่อ เมืองแห่งความสุข

view