ชำแหละแผนซื้อฮัทช์พิรุธเพียบ คลัง-สำนักงบ-สภาพัฒน์ขวาง
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืน ตามศาลปกครองกลางให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ระงับการมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz
ซึ่งเป็นคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3 จี ประเด็น การซื้อกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA ส่วนกลาง ใน 25 จังหวัดจาก บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด (กลุ่มบริษัทฮัทชิสัน) ถูกจุดประกายขึ้นโดยทันที จากคนในรัฐบาล
ทั้งๆ ที่โครงการนี้ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักมานานหลายเดือน หลังจากเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จาก ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี จากพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นนายจุติ ไกรฤกษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์
อีกทั้งยังเป็นโครงการเจ้าปัญหาที่ทำให้ นายนัที เปรมรัศมี ประธานกรรมการ บมจ. กสท ประกาศลาออกจากตำแหน่งกลางที่ประชุม เพราะไม่เห็นด้วยกับฝ่ายบริหาร ที่เสนอให้บอร์ด กสท อนุมัติให้ บมจ. กสท ลงนามในสัญญาซื้อ CDMA จากฮัทช์ ในมูลค่า 7,500 ล้านบาท เนื่องจากร่างสัญญาดังกล่าวยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากอัยการสูงสุด อีกทั้งยังอยู่ในในช่วงที่กำลังปรับเปลี่ยน ครม. ซึ่งถือเป็นช่วงสุญญากาศทางการเมือง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตรวจสอบถึงความเป็นมาของโครงการกลับพบว่าก่อนที่ บมจ. กสท จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ "คณะทำงานเพื่อดำเนินการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ CDMA ในส่วนกลาง" ตามคำสั่งที่ 99/2552 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2552
ก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน คณะทำงานชุดดังกล่าวได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานย่อย เพื่อดำเนินการเข้าซื้อ และควบรวมกิจการ CDMA ในส่วนกลาง พร้อมกับลงนามคำสั่งที่ 95/2552 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2552 เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานย่อย 4 คณะ
ประกอบด้วย คณะทำงานย่อยด้านกฎหมาย คณะทำงานย่อยด้านเทคนิค คณะทำงานย่อยด้านการเงินและการให้บริการเชิงพาณิชย์ และคณะทำงานย่อยด้านทรัพยากรบุคคล
หลังจากนั้น คณะทำงานและคณะทำงานย่อย ได้จัดทำข้อเสนอซื้อกิจการ CDMA ส่วนกลาง ให้ที่ประชุมคณะกรรมการ กสท ครั้งที่ 27/2552 พิจารณาเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2552 สองประเด็นสำคัญ
ประเด็นแรก คือ การเข้าซื้อกิจการ CDMA ในส่วนกลาง โดยการซื้อเฉพาะสินทรัพย์และไม่มีการรับโอนหนี้สินใดๆ จากฮัทชิสัน ในวงเงิน 7,500 ล้านบาท โดยคณะทำงานอ้างว่าได้ตรวจสอบมูลค่ากิจการแล้ว และข้อเสนอในการซื้อกิจการยังได้รวมเงื่อนไขให้กลุ่มฮัทชิสัน รับภาระในการปรับปรุงประสิทธิภาพโครงข่าย CDMA ในส่วนกลาง 25 จังหวัด ให้เทียบเท่ากับคุณภาพของโครงข่าย CDMA ส่วนภูมิภาค 51 จังหวัด ที่เป็นระบบใหม่เทียบเท่ากับ 3 G ก่อนที่จะส่งมอบให้กับ บมจ. กสท ด้วย
ทั้งนี้ บมจ. กสท ได้กำหนดเงื่อนไขชำระเงิน ในส่วนที่กลุ่มฮัทชิสันลงทุนไว้ 1,000 ล้านบาท รวมอยู่ในวงเงินซื้อกิจการ 7,500 ล้านบาท เพื่อให้ดำเนินการปรับปรุงโครงข่ายให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน
ประเด็นที่สอง คือ เสนอให้มีการจัดตั้งบริษัทในเครือของ กสท จำนวน 4 บริษัท เพื่อรองรับการซื้อทรัพย์สินและการให้บริการธุรกิจสื่อสารไร้สาย ได้แก่ บริษัท CAT Wireless Holding จำกัด ทำหน้าที่พิจารณาแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในเครือ
บริษัท CA Wireless Network ทำหน้าที่รับโอนทรัพย์สินโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA ส่วนกลาง 25 จังหวัด ที่ซื้อมาจากกลุ่มฮัทชิสัน พร้อมพนักงานของ BFKT จำนวน 118 คน มาเป็นพนักงาน
บริษัท CAT Mobile จำกัด ทำหน้าที่รับโอนทรัพย์สินและกิจกรรมด้านการตลาดจากฮัทชิสัน พร้อมพนักงานอีก 707 คน มาเป็นพนักงาน
บริษัท CAT contract Center จำกัด ทำหน้าที่รับโอน Call Center ที่ได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของฮัทชิสัน พร้อมพนักงานจำนวน 267 คน
คณะกรรมการ บมจ. กสท พิจารณาแล้วมีมติ 11 ข้อ คือ 1. เห็นชอบผลการประเมินมูลค่า และรูปแบบในการเข้าซื้อกิจการ CDMA ในส่วนกลาง โดยวิธี ซื้อทรัพย์สิน และจัดตั้งบริษัทในเครือตามโครงสร้างที่คณะทำงานเสนอ 2. เห็นชอบสาระสำคัญและเงื่อนไขในสัญญาซื้อทรัพย์สิน และกิจการเพื่อเสนอต่อผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา
3. เห็นชอบรูปแบบโครงสร้าง ขอบเขตและหน้าที่ และนิติสัมพันธ์ ของบริษัทในเครือทั้ง 4 บริษัท ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อดำเนินธุรกิจหลังการเข้าซื้อ CDMA ในส่วนกลางตามที่เสนอ
4. เห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่ออนุมัติจัดตั้งบริษัทในเครือทั้ง 4 บริษัท และให้บริษัททั้ง 4 ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตาม คำสั่ง ระเบียบ และข้อบังคับคณะรัฐมนตรี ที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจทั่วไปมาบังคับ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ และสามารถแข่งขันกับเอกชนได้
5. เห็นชอบแนวทางการดำเนินการด้านทรัพยากรบุคคล หลังจากการเข้าซื้อกิจการตามขั้นตอน
6. เห็นชอบแนวทางการให้บริการเชิงพาณิชย์ หลังการเข้าซื้อกิจการตามแนวทางที่คณะทำงานเสนอ
7. เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานด้านเทคนิค การบริหารโครงข่าย และระบบ IT หลังจากการเข้าซื้อกิจการ
8. รับทราบประเด็นของค่าใช้จ่ายหลักที่อาจเกิดขึ้น ภายหลังการเข้าซื้อกิจการ
9. จัดทำข้อมูลรายละเอียดของความคุ้มค่า และประโยชน์ที่ กสท จะได้รับ จากการดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA
10. เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ CDMA ในส่วนกลาง ได้แก่ การส่งเรื่องให้กระทรวงไอซีทีพิจารณา นำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และคณะรัฐมนตรี ตามเวลาที่กำหนด รวมทั้งให้ส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดคู่ขนานไปด้วย
11. ให้ฝ่ายจัดการและฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ถือว่าเรื่องการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ CDMA ในส่วนกลางเป็นความลับทางธุรกิจ จึงไม่ควรเปิดเผย และขอให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร
จากนั้น กสท ได้มีหนังสือที่ กสท ผว. (วผ.)/080 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2553 เพื่อนำเอกสารโครงการการเข้าซื้อ CDMA ในส่วนกลาง โดยวิธีการเข้าซื้อทรัพย์สิน เสนอให้กระทรวงไอซีทีพิจารณา
อีก 8 วันหลังจากนั้น วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ทก 0202/676 ถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอเรื่องให้ ครม.พิจารณาเป็นวาระพิจารณาจร โดยกระทรวงไอซีทีขอให้ ครม.อนุมัติสองประเด็น
ประเด็นแรก คือ อนุมัติให้ กสท ดำเนินโครงการซื้อกิจการ CDMA ในส่วนกลาง โดยการเข้าซื้อทรัพย์สิน และจัดตั้งบริษัทในเครือตามโครงสร้างที่ กสท เสนอ
ประเด็นที่สอง คือ อนุมัติให้บริษัทในเครือทั้ง 4 บริษัท ได้รับการยกเว้น การปฏิบัติตามคำสั่ง ระเบียบ ข้อบังคับ และมติ ครม. ที่ใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจทั่วไป เช่นเดียวกับที่ กสท ได้รับอนุมัติ เมื่อครั้งเปลี่ยนสภาพจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท จำกัด (มหาชน)
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ ครม.ไม่ได้บรรจุเรื่องที่กระทรวงไอซีทีเสนอให้ ครม.พิจารณาในวันนั้น เพราะข้อเสนอของกระทรวงไอซีที ยังขาดความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการตัดสินใจของ ครม.
เลขาธิการ ครม.จึงมีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2553 ถึงสำนักงบประมาณ สศช. กระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อขอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.
หลังจากได้รับเรื่องจากสำนักเลขาธิการ ครม.แล้ว หน่วยงานต่างๆ ทยอยส่งหนังสือให้สำนักเลขาธิการ ครม. เหลือเพียงกระทรวงการคลังเพียงแห่งเดียว ที่ยังไม่ส่งความเห็นให้สำนักเลขาธิการ ครม. จากนั้นในวันที่ 7 เมษายน 2553 สำนักเลขาธิการ ครม.ได้มีการนำโครงการซื้อกิจการ CDMA ในส่วนกลาง เข้าสู่วาระการประชุม ครม.
กระทรวงการคลังได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 08083/6791 ลงวันที่ 7 เมษายน 2553 ส่งให้สำนักเลขาธิการ ครม. เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม.ในวันนั้นด้วย
สาระสำคัญของหนังสือที่กระทรวงการคลังเสนอ คือ มูลค่ากิจการ CDMA ส่วนกลาง 25 จังหวัด จำนวน 800 สถานี ที่ บมจ. กสท จะเข้าไปซื้อจากฮัทชิสัน วงเงิน 7,500 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับราคาที่ บมจ. กสท ได้ลงทุนด้วยวิธี e-Auction ใน 51 จังหวัด จำนวน 1,600 สถานี ในราคา 7,900 ล้านบาท
กระทรวงการคลัง เสนอว่าราคาซื้อทรัพย์สินจากกลุ่มฮัทชิสันไม่ควรเกินครึ่งหนึ่งของราคาที่ บมจ. กสท ลงทุนในโครงการ CDMA 2000 1X EV-DO Rev.A จำนวน 7,900 ล้านบาท หรือไม่เกิน 3,950 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มฮัทชิสันได้เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ CDMA ส่วนกลางมาตั้งแต่ปี 2538 หรือประมาณ 15 ปี ขณะที่ทรัพย์สินโครงข่ายและประเภทเทคโนโลยีโทรคมนาคม ก็มีการตัดราคาค่าเสื่อมประมาณ 15 ปีเช่นกัน
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังไม่เห็นด้วยที่ บมจ. กสท จะจัดตั้งบริษัท Holding company เนื่องจากในเรื่องของการกำกับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในเครือต่างๆ ถือเป็นบทบาทของ บมจ. กสท อยู่แล้ว อีกทั้งการจัดตั้งบริษัทดังกล่าวยังทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกิด ขึ้นโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม หนังสือเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของกระทรวงการคลัง กลับไม่ถูกนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ซึ่งตามหนังสือที่นายธวัชชัย สวัสดิ์สาลี รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งให้กระทรวงไอซีทีรับทราบ ระบุว่า "ความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักเลขาธิการ ครม.ได้รับภายหลังจากที่ ครม.ได้พิจารณาเรื่องนี้ไปแล้ว"
กระทั่งวันที่ 7 มิถุนายน 2553 ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ฝ่ายบริหารของ บมจ. กสท ได้เสนอให้ที่ประชุมบอร์ด กสท ลงนามในสัญญาจัดซื้อ CDMA จากกลุ่มฮัทชิสันโดยเร็ว แต่ถูกกรรมการที่มาจากคนนอก เช่น พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ คัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า สำนักอัยการสูงสุด ยังไม่ส่งร่างสัญญากลับมา จึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการทำสัญญา แม้การซื้อโครงข่ายของฮัทช์จะจำเป็นสำหรับ กสท แต่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อมิให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือฉบับอื่นๆ
จนนำไปสู่การประกาศลาออกจากประธานบอร์ดกลางที่ประชุม ของนายนัที เปรมรัศมี เพื่อล้มไม่ให้มีการอนุมัติลงนามในสัญญาซื้อ CDMA จากกลุ่มฮัทชิสัน มูลค่า 7,500 ล้านบาท
แน่นอนแผนนี้คงต้องงัดกลับมาใหม่หลัง 3 จีต้องชะลอออกไป แต่จะเป็นรูปแบบไหนและลูกเข้าทางใคร !