จาก โพสต์ทูเดย์
การตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคทั้งของ กกต. และเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ยังมีอีกหลายคำถามที่เชื่อว่าแกนนำไม่สามารถตอบได้.....
โดย...ธนก บังผล
อะไรจะมาดุเด็ดเผ็ดมันเท่า “เผากันเอง” แบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ เป็นไม่มีอีกแล้ว
กรณีเสื้อแดงออกมาแฉกันเองนี้ก็ไม่เว้นเรื่องเงินๆทองๆ ที่ว่ากันว่าแม้จะเป็นของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ก็มีมนุษย์บางจำพวกที่พอเห็นเงินเยอะๆซึ่งไม่ใช่ของตัวเองแล้วก็มีอัน กิเลสแตกออกอาการมูมมามจนน่าเกลียด
แรกเริ่มจาก บอร์ด 4 ปีแห่งความสุข ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของพรรคเพื่อไทย มีกระดาษเขียนข้อความหลายแผ่นเขียนชำแหละพฤติกรรมและความไม่ถูกต้องของ ผู้ใหญ่ในพรรคและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
โดยมี นางเอ (ชื่อสมมติ) เล่าให้ผู้สื่อข่าวว่า ตนเองและสามีศรัทธาการต่อสู้ของคนเสื้อแดง จึงได้มาร่วมชุมนุมตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม
ระหว่างนั้นก็ร่วมระดมเงินบริจาคกับเพื่อนๆช่วยการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อ แดงวันละ 1-2 หมื่นบาท รวมไปถึงช่วยค่าฌาปนกิจศพหลังเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม
ถามว่าเสียไปเท่าไร นางเอ ตอบว่า จนถึงวันนี้ได้ช่วยเหลือไปเกือบ 2 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินส่วนตัวของพวกตนทั้งหมด
เล่าไม่เล่าเปล่า เธอแสดงสมุดบันทึกรายละเอียดการบริจาคเงิน และ สลิปการโอนเงินตั้งแต่ช่วงที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่าในการบริจาคเงินให้กับการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา มีการหลอกลวงต้มตุ๋นหลายลักษณะ
เริ่มตั้งแต่ การหลอกลวงมีตั้งแต่น้องสะใภ้นายวีระ มีชื่อเล่นว่า" แหม่ม" ได้ร่วมมือกับตั๋ม เช่น ครั้งหนึ่งแหม่มบอกว่า ยังมีศพค้างอยู่ 33 ศพที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ตอนแรกพวกตนก็หลงเชื่อ ช่วยเหลือค่าทำศพให้แต่พบว่า เงินไม่ถึงญาติผู้เสียชีวิต โดยเรื่องนี้ได้เข้าไปสอบถาม พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย สส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ถึงที่สภาโดยตรง ก็ได้รับคำตอบว่า พรรคเพื่อไทยและนปช.ได้ช่วยเหลือศพละ 1 แสนบาทไปแล้ว
ซึ่งถ้าหากยังจำได้ เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยแสดงความประสงค์ว่าจะช่วยอยู่ก่อนแล้ว
นางเอ แฉต่อว่า ในระหว่างที่ชุมนุมอยู่นั้นมีผู้หญิงผมสีขาวรายหนึ่งที่อยู่บนเวทีร่วมกับ แนวร่วมนปช. ซึ่งหญิงคนนี้เป็นผู้หักหัวคิวเงินบริจาคโดยเป็นที่รับรู้กันทั่ว
หากมีคนใส่ซองบริจาคช่วยจำนวน 3,000 บาท ผู้หญิงคนนี้ได้เก็บออกไปจนเหลือแค่ 500 บาท พอถูกจับได้คาหนังคาเขาก็มีการประกาศว่าไม่ให้ผู้หญิงหัวขาวคนนี้เข้าพรรค เพื่อไทย แต่หญิงผมขาวก็ยังไปหากินอยู่ที่อิมพิเรียล ลาดพร้าว ที่ล่าสุดเพิ่งมีการเปิดศูนย์ช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในการ ชุมนุมของคนเสื้อแดง และยังพบตามงานเสื้อแดงในเวทีต่างๆ
นี่เป็นเพียง “ออเดิร์ฟ” เล็กๆน้อยๆในการหากินของกลุ่มที่ต้องเรียกว่า “มิจฉาชีพ” ในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อาศัยช่วงชุมนุมเป็นโอกาสตักฉวยเงินเข้ากระเป๋าของตนอย่างไร้ยางอาย
ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่ถูกกล่าวอ้างนั้น ในเวลาต่อไปเราก็คงจะเห็นกันออกมาสาธยายกันพัลวันยกใหญ่
แต่มีอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนไม่ได้ให้ความสนใจนัก แต่ขณะนี้ก็มีการเข้าไปฉกฉวยผลประโยชน์กันบ้างแล้วแบบลับๆ นั่นคือ “เงินบริจาคพรรคการเมือง” ที่ต้องแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ในปี 2553 ก่อนจะเกิดเริ่มมีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ตั้งแต่เดือนมกราคม- มีนาคม มีผู้บริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ไปแล้ว 4,711,947.82บาท
ต่อมาในเดือนเมษายน ยอดเงินบริจาค 2,211,947.82บาท โดยปรากฏชื่อนายปัญจิน ธนารักษ์โชค 1 หมื่นบาท และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ โต้โผใหญ่ควักให้ 2 ล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์ เหลืองวิจิตร บริจาค 195,947 บาท ,นายสิทธิชัย สิ้นเคราะห์ บริจาคไปอีกจำนวน 6 พันบาท
เดือนพฤษภาคม ยอดเงินบริจาค1,058,530.00บาท นายภาณุ เล็กสุนทร 58,530 บาท พร้อมด้วยนายพชร นริพทะพันธุ์ 1 ล้านบาท
พอเหตุการณ์สงบ เงินบริจาคที่เวทีอันฉาวโฉ่ก็กลับตาลปัตร เพราะว่าในเดือนมิถุนายน ไม่มีผู้บริจาคให้พรรคเพื่อไทย
ส่วนเดือนกรกฎาคม มียอดบริจาคทั้งเดือน 2,010,600.00 บาท โดยนายองอาจ เอื้ออภิญญากุล ควักกระเป๋าไปคนเดียวแล้ว 2 ล้านบาท
ในขณะที่เดือนสิงหาคม ไม่มีผู้บริจาคเงินให้พรรคเพื่อไทย ทำให้ยอดรวมเงินบริจาคพรรคการเมือง ปี 2553 ของพรรคเพื่อไทยรวมทั้งสิ้นจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 7,781,077.82 บาท
แล้วคำถามคือ เงินบริจาคในเวทีชุมนุมเข้ากระเป๋าเงินใคร ต้องเสียภาษีหรือไม่ เฉพาะที่นางเอเสียไป 2 ล้านบาท เงินไปอยู่ที่ไหน แล้วใครเอาไปใช้อะไรบ้าง
เช่นเดียวกับเดือนที่ไม่มีผู้บริจาคนั้นช่างเหมาะเจาะบังเอิญเหลือเกินให้ชวนสงสัยหลายประเด็น
การตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคทั้งของ กกต. และเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ยังมีอีกหลายคำถามที่เชื่อว่าแกนนำไม่สามารถตอบได้
เพราะกรณีเช่นนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการชุมนุมทางการเมือง เรื่องเงินคือเรื่องเดียวที่สามารถจะทำให้ม็อบแตกได้ และเงินทองไม่เข้าใครออกใคร
เข้าข่าย...ว่าให้เขา อิเหนาเป็นเองทั้งนั้น