สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เจาะดีลผนึก 2 ตลาดหุ้นเอเชีย ถึงจุดเปลี่ยน...ตลาดทุนภูมิภาค ?

จากประชาชาติธุรกิจ

คำ ประกาศของบริษัทตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ที่เสนอซื้อกิจการ ASX บริษัทบริหารตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียในมูลค่า 8.2 พันล้านดอลลาร์ เป็นดีลยักษ์ที่ต้องจับตามอง เพราะจะทำให้เกิดศูนย์กลางการค้าหุ้นสำคัญแห่งหนึ่ง ในตลาดเอเชีย-แปซิฟิก แข่งขันกับตลาดฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้

เอพีระบุ ว่า หากควบรวมกิจการสำเร็จ จะสร้างตลาดหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด อันดับ 5 ของโลก และเป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของเอเชีย เมื่อดูจากจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาด ซึ่งมีประมาณ 2,700 บริษัท แต่หากพิจารณาจากดัชนีชี้วัดอื่น ตลาดหุ้นนี้ยังเป็นรองตลาดหุ้นโตเกียว ฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้

วอลล์สตรีต เจอร์นัล วิเคราะห์ว่า การควบรวมจะสร้างตลาดที่มีมูลค่าประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อตลาดหลักทรัพย์ อื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น ฮ่องกงและโตเกียว โดยดึงลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมรายหลัก ๆ เช่น เทรดเดอร์ที่ทำการซื้อขายบ่อย และบริษัทที่ต้องการระดมทุนในตลาดที่ลึก และมีสภาพคล่อง

ขณะที่ นีล แคทคอฟ หัวหน้าฝ่ายเอเชียของบริษัทที่ปรึกษาคีเลนท์ มองว่า ดีลครั้งนี้อาจเป็นก้าวแรกของการปรับ โครงสร้างตลาดหุ้นในเอเชีย




ข้อ เสนอควบรวมกิจการแสดงถึงการเดินเกมรุกของสิงคโปร์ ที่จะช่วยผลักดัน ให้ประเทศกลายเป็นศูนย์กลางการเงินโลก ซึ่งแมกนัส บ็อกเกอร์ ซีอีโอของ SGX ที่จะนั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทใหม่ ชี้ว่า การควบรวมจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนเกาะกระแสการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ของเอเชีย อย่างไรก็ตาม การควบรวมนี้จะต้องรอการอนุมัติจากทางการของทั้งสองประเทศ ที่คาดว่าอาจเผชิญอุปสรรคด้านข้อบังคับในออสเตรเลีย เนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SGX และการที่ต่างชาติเข้าถือหุ้น ในบริษัทออสซี่ก็เป็นประเด็นที่อ่อนไหวมาก แต่ แกรม ซามัว ประธานคณะกรรมการผู้บริโภคและการแข่งขันของออสเตรเลีย ไม่เชื่อว่าการควบรวมจะสร้างปัญหากีดกันการแข่งขัน

ทั้งนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเอเชียเริ่มสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังเผชิญกับข้อจำกัดด้านภาษา และอุปสรรคทางวัฒนธรรม ตลอดจนความหลากหลายของสกุลเงิน ระบบจับคู่การแลกเปลี่ยนที่ไม่มีประสิทธิภาพ และกลไกเคลียริ่งที่ซับซ้อน

ในส่วนของพันธมิตรคู่นี้ ASX และ SGX กำลังเริ่มรู้สึกถึงต้นทุนเทคโนโลยีที่สูงขึ้น และการแข่งขันจากแหล่งเทรดหุ้นใหม่ในตลาดท้องถิ่น ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวทำให้ เกิดการจับมือเป็นพันธมิตรและควบรวมกิจการมาแล้วในสหรัฐและยุโรป

สำหรับ สถานการณ์ในออสเตรเลีย ASX กำลังใกล้เสียเอกสิทธิ์คุมตลาดหุ้น หลังจากคาดว่าไค-เอ็กซ์ โกลบอล จะได้รับอนุมัติตั้งตลาดหุ้นมาแข่งอย่างเร็วที่สุดในไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งจะกลายเป็นคู่แข่งที่น่าจะชิงมูลค่าการซื้อขายจาก ASX ไปได้

ส่วน สิงคโปร์กำลังพยายามแข่งกับฮ่องกงดึงลูกค้าองค์กรให้มาจดทะเบียนในตลาดแห่ง นี้ ซึ่งข้อมูลของนักวิเคราะห์และเอกสารของบริษัทต่าง ๆ ระบุว่า ในปี 2552 บริษัทระดมทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงมากกว่าในสิงคโปร์กว่า 16 เท่าตัว นอกจากนี้สิงคโปร์ยังพยายามดึงนักลงทุน ที่เทรดบ่อย แต่ก็ประสบความสำเร็จไม่มากนัก โดยตลาดหุ้นสิงคโปร์มีบริษัท จดทะเบียนเพียง 2 รายที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 50 ล้านดอลลาร์ต่อวัน เทียบกับฮ่องกงที่มีมากถึง 18 บริษัทและสหรัฐที่มี 699 บริษัท และออสเตรเลียมี 21 บริษัท ดังนั้น การควบรวมตลาด ครั้งนี้จะทำให้ตลาดดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับเทรดเดอร์ที่มีการซื้อขายสูง

นอก จากนี้ ตลาดหุ้นที่เปิดทำการ เวลา 9.00 น. ในซิดนีย์ และปิดทำการ 11 ชั่วโมงต่อมาในเวลา 17.00 น. ในสิงคโปร์ ย่อมดึงดูดใจมากพอใช้ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีเวลาซื้อขายเพียง 4 ชั่วโมงต่อวัน แม้ว่าจะมีความพยายามผลักดันให้ขยายเวลาเป็น 5.5 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็ถูกต่อต้านจากเทรดเดอร์ที่ไม่อยากเสียชั่วโมงพักกลางวัน 2 ชั่วโมงไป

หาก มองในแง่นวัตกรรม SGX เดินเกมรุกมากกว่าตลาดหุ้นฮ่องกงในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น ระบบการซื้อขาย Dark Pool และการซื้อขายที่มีความถี่สูง และหลังอัพเกรดระบบในปีหน้า คาดว่าตลาดหุ้นฮ่องกงจะใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อขายหุ้นภายในราว 9 มิลลิวินาที

แต่เจพี มอร์แกน ระบุว่า ภายในปีหน้า SGX จะทำให้การซื้อขายเร็วกว่านั้นราว 100 เท่าตัว และการร่วมมือกับไค-เอ็กซ์ กรุ๊ป ในการทำดาร์ก พูล จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเทรดหุ้นลอตใหญ่ โดยไม่เปิดเผยชื่อได้ ขณะที่ระบบนี้ค่อย ๆ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในตลาดฮ่องกง

Tags : เจาะดีล ผนึก2ตลาดหุ้นเอเชีย ถึงจุดเปลี่ยน ตลาดทุนภูมิภาค

view