สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เศรษฐีที่ดินควรเลือกตกกระไดพลอยโจน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

โดย : ดร.ไสว บุญมา


เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการปฏิรูปได้เสนอผลงานชิ้นสำคัญ อันได้แก่ การปฏิรูปที่ดินต่อรัฐบาลหลังจากทำงานมาหลายเดือน

คน ไทยโดยทั่วไปควรขอบคุณและสนับสนุนคณะกรรมการที่มีความกล้าหาญสูงยิ่งเสนอ สิ่งที่จะถูกโจมตีจากบรรดามหาเศรษฐีที่ดินทั้งในและนอกวงการเมือง ข้อเสนอมีส่วนประกอบหลัก 5 ข้อ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสังคมไทยอย่างใหญ่หลวง หากรัฐบาลมีความกล้าหาญสูงพอที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างรวดเร็ว คือ
 

1. จำกัดเพดานการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรไม่เกินครอบครัวละ 50 ไร่
 

2. จัดให้มีระบบข้อมูลการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตรทั่วประเทศเป็นข้อมูลสาธารณะ
 

3. จัดตั้งธนาคารเพื่อซื้อที่ดินซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือที่เกินเพดานการถือครองมาจัดสรรให้เกษตรกรซึ่งขาดที่ดินทำกิน
 

4. จัดเก็บภาษีที่ดินเกษตรกรรมในอัตราก้าวหน้า เพื่อลดแรงจูงใจในการถือครองที่ดินไว้โดยไม่ทำประโยชน์
 

5. กำหนดเขตการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างชัดเจน โดยผู้ถือครองที่ดินจะต้องทำเกษตรกรรมด้วยตัวเอง  
 

นอกจากนั้น คณะกรรมการเสนอสิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ทันที นั่นคือ ระงับการจับกุมประชาชนในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ จนกว่าการแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินจะลุล่วง
 

ข้อเสนอเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์เท่าที่ควร เพราะราว 90% ตกอยู่ในครอบครองของคนเพียง 10% เท่านั้น ส่วนใหญ่ถือครองไว้เพื่อการเก็งกำไร มิใช่การลงทุนเพื่อสร้างผลิตผล แต่ในขณะเดียวกัน  เกษตรกรเกือบ 5 ล้านครัวเรือน ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
 

คงเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ทันทีที่คณะกรรมการปฏิรูปประกาศข้อเสนอออกมา มหาเศรษฐีที่ดินคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาแสดงธรรมชาติธาตุแท้ด้วยการดูแคลนคณะกรรมการแบบไร้ยางอาย ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีหน้าที่ประสานงานด้านการปฏิรูปประเทศ ก็ออกมาแบ่งรับแบ่งสู้ โดยบอกว่าจะนำข้อเสนอไปสู่การปฏิบัติหากพรรคประชาธิปัตย์ได้รับโอกาสจัดตั้ง รัฐบาลอีกครั้ง
 

สิ่งที่น่าแปลกใจได้แก่ความเห็นของนายกรัฐมนตรีที่บอกว่าควรมีการศึกษา เพิ่มเติมก่อนที่จะมีการปฏิรูปที่ดิน นายกฯ แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาและให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปประเทศอย่าง จริงจัง การเสนอให้มีการศึกษาจึงเป็นการหาทางออกของคนขลาด ซึ่งแทนที่จะถือโอกาสทำสิ่งที่มีประโยชน์สูงยิ่งกลับหาทางออกแบบมักง่าย โดยการปัดปัญหาออกไปข้างหน้าจนกว่าตัวเองจะหมดอำนาจ
 

หากนายกรัฐมนตรีไม่เปลี่ยนท่าทีและนำข้อเสนอชิ้นนี้ไปสู่การปฏิบัติอย่าง รวดเร็ว มันย่อมแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดอีกครั้งหนึ่ง ว่า นายกฯ  ขาดภาวะผู้นำดังที่หลายฝ่ายพยายามบอกกล่าว คงจำกันได้ว่าตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อสองปีกว่า นายกฯ ย้ำนักย้ำหนาว่าจะแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำและความยากจนพร้อม กับจะน้อมนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นกรอบของการพัฒนาประเทศ แต่เมื่อคณะกรรมการเสนอการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งเป็นปัจจัยหมายเลขหนึ่งทั้งของเศรษฐกิจพอเพียง และของการแก้ปัญหาอันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำและความยากจน นายกรัฐมนตรีกลับบอกให้มีการศึกษาเพิ่มเติม นั่นหมายความว่า นายกฯ ไม่ต่างกับนักการเมืองฉ้อฉลคนอื่นๆ ซึ่งดีแต่ปาก หากนายกฯ ยังไม่เปลี่ยนใจ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าขอเสนอว่าอย่าสนับสนุนให้เขากลับมารับตำแหน่งนายกฯ อีกเด็ดขาด
 

ในทางตรงข้าม ถ้านากยกฯ เปลี่ยนใจและเริ่มนำการปฏิรูปที่ดินไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง รวมทั้งสั่งห้ามจับกุมประชาชนมาดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐ ทุกฝ่ายควรให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มกำลัง
 

ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป กระบวนการเคลื่อนไหวที่ใช้สัญลักษณ์เป็นสีต่างๆ ควรออกมารณรงค์อย่างกว้างขวางและเข้มข้น เพื่อส่งคนที่สนับสนุนการปฏิรูปที่ดินเข้ารัฐสภาให้มากที่สุด การรณรงค์เช่นนั้นจะเป็นการใช้กระบวนการประชาธิปไตยแบบสร้างสรรค์อย่างแท้ จริง ซึ่งดีกว่ากระบวนการทำลายหลายๆ อย่าง รวมทั้งการเผาบ้านเผาเมืองและการปิดสนามบินนานาชาติที่กลุ่มเสื้อแดงและ เสื้อเหลืองใช้ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา
 

ในขณะนี้ บรรดาเศรษฐีที่ดินส่วนใหญ่คงคิดไม่ต่างกับอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการ คลัง ซึ่งดูจะตั้งใจที่จะทำลายแนวคิดและกระบวนการปฏิรูปที่ดินให้ย่อยยับลงกับตา ขอเรียนว่า แทนที่จะทำเช่นนั้น เจ้าของที่ดินควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เพราะพวกคุณอาจสามารถต่อรองเพดานของการถือครองที่ดินเกิน 50 ไร่ได้ และส่วนที่เก็บไว้ไม่ได้ก็จะได้รับค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม อีกประการหนึ่ง สังคมไทยจะไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างยั่งยืนตราบใดที่การกระจายที่ดินยัง เป็นดังเช่นที่เห็นอยู่ ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ จะนำไปสู่ความแตกแยกเพิ่มขึ้นจนถึงวันหนึ่งข้างหน้า คนยากจนและคนไร้ที่ทำกินก็จะลุกฮือขึ้นมายึดที่ดินจำนวนมากโดยปราศจากการให้ ค่าตอบแทน วันนั้นมาถึงเมื่อไร มันย่อมสายเกินไปที่เมืองไทยจะพัฒนาต่อไปแบบยั่งยืน ตรงข้ามเมืองไทยมีโอกาสกลายเป็นรัฐล้มเหลว
 

ฉะนั้น เจ้าของที่ดินจำนวนมากทั้งหลายควรเลือกตกกระไดพลอยโจนเสียตั้งแต่วันนี้ แทนที่จะเสี่ยงต่อการสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในวันข้างหน้า

Tags : เศรษฐีที่ดิน ควรเลือก ตกกระไดพลอยโจน

view