ทหาร-กมธ.ป.ป.ช.สภาฯลุย'สวนผึ้ง' พบนายทุนการเมืองรุกกว่าหมื่นไร่
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
โดย : ทีมข่าวการเมือง
ทหารช่างนำ กมธ.ป.ป.ช.สภาฯ ลุยตรวจพื้นที่ราชพัสดุสวนผึ้ง หลังจากสู้อิทธิพลนายทุนนักการเมืองไม่ไหว นำภาพถ่ายทางอากาศพิสูจน์รุกป่าชัดเจน
พบที่ดินพ่อรัฐมนตรีรายหนึ่งยังบุกแผ้ว ทางเพื่อทำประโยชน์ ทั้งที่ผู้ว่าฯราชบุรี ส่งหนังสือแจ้งให้รื้อถอนภายใน 30 วัน ทหารจ่อดำเนินคดี "วิลาศ" ลั่นไม่เว้นการเมือง หากไม่คาย บี้นายกฯ จัดการแน่ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ใน จ.ราชบุรี ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหน่วยงาน
ที่รับผิดชอบจะพยายามแก้ปัญหา แต่ข้อกฎหมายและบทลงโทษที่ไม่รุนแรง กลับทำให้ผู้บุกรุก โดยเฉพาะนายทุนนอกพื้นที่ที่มีอำนาจไม่เกรงกลัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางปี 2553 ที่ผ่านมา หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนว่ามีนายทุนจ้างให้เข้าไปแผ้วถางและจับจองที่ดิน มากกว่า 3,000 ไร่ ซึ่งมีทั้งที่ขออนุญาตใช้ประโยชน์ทำการเกษตร แต่รุกไปมากกว่าที่ขออนุญาตไว้ กรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี จึงร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ นำโดย พล.ต.วีระศักด์ รักษาทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ช่วยราชการกรมการทหารช่าง และ พ.อ.ทนงศักดิ์ มหาวงศ์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ สนธิกำลังทหารเข้าตรวจสอบที่ดินบริเวณป่าเหนืออ่างเก็บน้ำทุ่งศาลา หมู่ 4 ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
กระทั่งได้สอบถามนายสนอง แดนนา และนายสุเมศ เรนชนะ คนงานเฝ้าที่ดิน จึงทราบว่าเจ้าของพื้นที่ทั้งหมด คือ นายสมพงษ์ ชวาลตันพิพัทธ์ นายกสมาคมเหมืองแร่ จ.ระนอง บิดาของนางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ซึ่งเข้าไปทำประโยชน์ก่อนแล้ว ทั้งนี้ ทางทหารได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด พบว่าบางแปลงของพื้นที่ ยังไม่มีการขออนุญาตเช่า แต่นายสมพงษ์ได้เข้าไปแผ้วทางแล้ว จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมพงษ์ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2553
ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวแบ่งเป็น 5 โซน มีการยื่นหนังสือขออนุญาตใช้ประโยชน์จากกรมธนารักษ์ 3 โซนแต่กลับแผ้วถางพื้นที่ป่าเกินกว่าที่ขออนุญาต เจ้าหน้าที่จึงได้ทำเรื่องขอเพิกถอนที่ดินที่ขออนุญาตทั้งหมด ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้ขออนุญาต ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว
แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2553 นายสมพงษ์ ชวาลตันพิพัทธ์ ได้โดยนำเอกสารสัญญาการซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว รวม 3,000 ไร่ เข้าแจ้งความที่ สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ต่อ พ.ต.ท.วีระ สกุลกรุณา พนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ทหาร ที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ในข้อหาบุกรุกที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมิ่นประมาทด้วยการให้ข่าวเรื่องของการครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหาย
โดยนายสมพงษ์ ยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวซื้อมาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ในปี 2531 และทำเรื่องขอเช่าถูกต้องตามกฎหมายทุกแปลง โดยเป็นชื่อของ น.ส.ศิริอร ชวาลตันพิพัทธ์ ลูกสาว โดยเสียภาษีทุกปีและหนังสือสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ รวม 7 แปลงมาเป็นหลักฐาน จำนวนรวม 1.3 พันไร่
ความคืบหน้าในล่าสุด หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ประกอบด้วย ธนารักษ์พื้นที่ กรมการทหารช่าง และกองพลพัฒนาที่ 1 ได้พยายามหาหลักฐานและเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้กลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ป่ารายใหญ่หลายรายออกจากพื้นที่ หลังตรวจสอบพบว่าการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ขอเช่า กลับมีการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่มากกว่าจำนวนที่ขอเช่า เนื่องจากบริเวณพื้นที่ด้านหน้ามองเห็นเป็นที่ราบ แต่ด้านหลังที่ลึกเข้าไปอยู่หุบเขาล้อมรอบจึงทำให้การเข้าไปตรวจสอบเป็น เรื่องยาก เพราะห้ามบุคคลภายนอกเข้า ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าบุกรุกเกินไปจำนวนเท่าไร
ล่าสุด นายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ทำหนังสือลงวันที่ 28 ม.ค.แจ้งต่อผู้ที่เข้ามาแผ้วถางทำประโยชน์ในพื้นที่บริเวณหุบคุบอนนับพันไร่ รวมทั้งหมด 6 ราย ซึ่งรวมทั้งรายนายสมพงษ์ด้วย โดยแจ้งว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่อนุญาตให้เช่า และให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกถ้ามีภายใน 30 วัน แต่ปรากฏว่าในพื้นที่ยังคงมีการแผ้วถางเพื่อเข้าทำประโยชน์อย่างต่อเนื่อง
ทำให้กรมการทหารช่าง ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและ ประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ให้เข้ามาร่วมตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ของนายทุน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าป่าไม้จะถูกบุกรุกเป็นวงกว้างมากกว่านี้สนธิกำลังทุกฝ่ายลงตรวจสอบพื้นที่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2554 ที่ผ่านมา กมธ.ป.ป.ช. นำโดยนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ประธาน กมธ.ป.ป.ช. นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ กมธ. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษา กมธ. พร้อมทั้งคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับตัวแทนกองทัพบก ประกอบด้วยกรมการทหารช่าง กองพลพัฒนาที่ 1 และธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ฯลฯ
โดย กมธ.ป.ป.ช.สภา ได้นัดประชุมรับฟังและซักถาม ผู้เกี่ยวข้อง ณ ที่ว่าการอำเภอสวนผึ้ง ประกอบด้วย นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายอำเภอสวนผึ้ง นายก อบต.สวนผึ้ง นายก อบต.ป่าหวาย กำนัน ต.สวนผึ้ง กำนัน ต.ป่าหวาย ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง กลุ่มอนุรักษ์สวนผึ้ง
ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม จ.ราชบุรี นายไสว วนัสบดีกุล ธนารักษ์พื้นที่ราชบุรี พล.ต.ปัฐมพงษ์ ประถมภัฏ รองเจ้ากรมการทหารช่าง 1 พล.ต.วีระศักด์ รักษาทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ช่วยราชการกรมการทหารช่าง พ.อ.อนุสรณ์ ปัญญะบูรณ์ เสนาธิการกรมการทหารช่าง พ.อ.มนิต ศิริรัตนากูล เสนาธิการกองพลพัฒนาที่ 1 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก พ.อ.ดนัย บุญต้น รองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ พ.อ.กสิณ จ้อยประดิษฐ์ กอ.รมน.ราชบุรี พ.อ.สุขสันต์ บุญชิต ผอ.กองอสังหาริมทรัพย์ กบ.ทบ.ตัวผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พ.ต.อ.ฉัตรชัย เสือสมิง ผู้กำกับการ สภ.สวนผึ้ง เป็นต้น
พบแปลงใหญ่ 6 รายถางป่าเรียบ
จากนั้นคณะทั้งหมดได้เข้าตรวจสอบ พื้นที่บริเวณทุ่งศาลาและบ้านถ้ำหิน และพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณบ้านหุบคุบอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง ซึ่งต้องใช้รถโฟร์วีลเดินทางเข้าไปในพื้นที่ซึ่งเป็นภูเขา และพบว่าบริเวณทุ่งศาลาและบ้านถ้ำหิน มีการแผ้วถางเตรียมพื้นที่ปลูกพืชเสร็จแล้ว มีการปลูกปาล์มบางส่วน โดยทหารช่างได้นำแผนที่ทางการอากาศสัดส่วน 1 ต่อ 50,000 ในปี 2546 มาเปรียบเทียบกับปี 2552 พบว่าป่าไม้ทั้งในที่ราบและภูเขาถูกบุกรุกเป็นจำนวนมาก
จากนั้นได้เดินทางไปยัง บริเวณบ้านหุบคุบอน ซึ่งเป็นที่ราบและหุบเขา พบว่าถูกแผ้วถางทำประโยชน์เกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว สภาพยังมีซากต้นไม้ใหญ่ถูกโค่น และเพิ่งถูกเผายังไม่หมด มีบ้านคนงาน 5-6 หลัง มีรถไถจอดอยู่หนึ่งคัน โดยก่อนหน้าที่คณะ กมธ.และทหาร รวมทั้งทางจังหวัดจะเข้าไป ได้มีการเคลื่อนย้ายรถไถบางส่วนออกไปก่อน
จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวที่ เคยเป็นป่าสมบูรณ์ อยู่ในเขตพื้นที่ราชพัสดุ ดูแลโดยกรมการทหารช่าง และมีผู้ขอเช่า 6 รายแต่ไม่ได้รับอนุญาตเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ 1 A และ 2 แต่กลับถูกแผ้วถางเตรียมปลูกพืชโดยเฉพาะปาล์มน้ำมัน โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้นำภาพถ่ายทางอากาศปี 2546 มาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศในปัจจุบัน คือ ในปี 2552 เช่นกัน จึงพบว่ามีการบุกรุกป่าหลายพันไร่ จนไม่มีต้นไม้เหลืออยู่ อีกทั้งที่ผ่านมายังห้ามบุคคลภายนอกเข้ามา รวมทั้งไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบด้วย ทั้งที่ทางจังหวัดหนังสือแจ้งให้ยุติการบุกรุกและให้ออกจากพื้นที่แล้วลุยผลักดันรายใหญ่การเมืองก่อน
ระหว่างตรวจสอบ นายวิลาศ ให้สัมภาษณ์ว่า "ถ้าเป็นที่ดินของฝ่ายการเมืองก็ดี กมธ.ก็ชอบอยู่แล้ว เพราะตลอดการสอบสวนที่ผ่านมา ถ้าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองด้วยแล้ว ไม่มีการถอยให้ ไม่ว่าจะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราสอบหมด ซึ่งหลายกรณีตัวอย่างอยู่ใน ป.ป.ช. ที่สอบทั้งฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล กรณีนี้ กมธ.พยายามติดตามเรื่อง และให้กำลังใจ ฝ่ายทหาร ธนารักษ์ และทางจังหวัด ที่พยายามดำเนินการมาตลอด และถ้ามีอุปสรรค เราก็พร้อมจะบุกทะลวงให้"
ประธานกมธ.ป.ป.ช. กล่าวอีกว่า "สำหรับปัญหาที่สวนผึ้ง ที่ต้องแก้ก่อน คือ แปลงใหญ่ๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะบริเวณหุบคู้บอนนี้ ซึ่งเป็นต้นน้ำลำธาร แปลงใหญ่ๆ ต้องเอาก่อน อย่างน้อยๆ อบต.สวนผึ้ง อบต.ป่าหวาย และประชาชน ก็บอกว่า เขาขาดน้ำทั้งสองตำบล วันนี้ถ้าสามารถไล่ผู้บุกรุกออกให้หมดแล้วทำฝายกักเก็บน้ำให้ 2 ตำบลนี้ได้ ก็จะเป็นผลดีต่อชาวบ้านในพื้นที่"เตรียมชงเรื่องนายกฯ-ก.ทรัพยากร
ทั้งนี้ ประธาน กมธ.ยืนยันว่า "จากวันนี้ไปจะดูว่าผู้ทรงอิทธิพลเริ่มถอยหรือยัง ในเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เดินหน้าเต็มที่แล้ว ถ้าพวกบุกรุกยังไม่ถอย ก็ต้องค่อยๆ ไล่ขึ้นไปยังรัฐบาล ผลที่สุดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทั่งนายกรัฐมนตรี ก็ต้องโดดลงมารับผิดชอบ ซึ่งตนเชื่อว่าวันนี้ นายกฯ พร้อมจะรับฟังและชนปัญหาเหล่านี้ สำหรับข้อมูลในการลงพื้นที่ครั้งนี้ กมธ.จะเขียนรายงานส่งไปยังรัฐบาลโดยตรงว่ามีปัญหาการบุกรุกที่ป่า และรัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขให้ได้ นอกจากนี้ กมธ.ก็จะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ดินแปลงใหญ่ในส่วนนี้ เกี่ยวข้องกับ รมต.ชัดเจนหรือไม่ ประธาน กมธ.กล่าว "ก็เป็นพ่อของรัฐมนตรีคนหนึ่ง ฝ่ายการเมืองก็น่าจะมีคนเดียว และที่เหลือก็มีหมอคนหนึ่ง และอีกคนหนึ่งที่เสียชีวิตไปแล้ว"
เมื่อถามว่า ที่ดินของพ่อ รมต.คนดังกล่าวมีจำนวนเท่าไร นายวิลาศ กล่าวว่า " มี 7 แปลง ซึ่งมีการขอเช่าแล้ว แต่จำนวนพื้นที่ไม่แน่นอน เพราะรุกดะ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าที่ขอเช่าถูกต้องประมาณ 1,300 ไร่ ส่วนที่บุกรุกเพิ่ม ยังไม่ได้นับ เฉพาะที่รุกตามจุดอื่นๆ กระจายไปตามหุบเขาต่างๆ สภาพบนเขาก็กั้นลวดหนามไว้ล้อมรอบเป็นที่ส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า น่าจะบุกรุกรวมแล้วกว่าหมื่นไร่"ชี้หาก 30 วันไม่ออกจากพื้นที่มีสิทธิ์แจ้งจับ
ทั้งนี้ นายวิลาศ ระบุว่า "หากผู้บุกรุกไม่ออก ทหารก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีได้ เพราะมีความผิดชัดเจนแล้ว จะอ้างว่าครอบครองทำผลประโยชน์มาก่อน มันทำไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ ไม่ได้ครอบครอง เพราะทหารได้เอาแผนที่มายืนยัน ซึ่งหลายแปลงบุกรุกเพิ่ม จากที่ขอเช่าไปหลายพันไร่ และกระจายไปตามจุดต่างๆ มีการส่งฟ้องศาลไปแล้วหลายคดี และมีคดีตัวอย่างที่ศาลเพิ่งสั่งจำคุก 5 เดือน หลังจากที่ทหารไปร้องดีเอสไอ แต่รายนั้นกลับมาแจ้งจับทหารหมดเลย เมื่อเขารู้สึกว่า ทำหน้าที่แล้วยังโดนอิทธิพล กมธ.จึงต้องเร่งเข้ามาตรวจสอบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารสามารถดำเนินการต่อไปได้""ตัดถนนเตรียมรุกข้ามแนวเขาอีก
ทางด้านเจ้าหน้าที่กรมการทหารช่างผู้ หนึ่ง ให้ข้อมูลด้วยว่า "บริเวณหุบคุบอน มีผู้เข้ามาทำประโยชน์เฉพาะบริเวณนี้ 6 ราย มีการบุกรุกเป็นแนวต่อเนื่อง โดยตัดถนนเข้ามา และกำลังจะเชื่อมเข้าไปยังบ้านถ้ำหิน แต่เจ้าหน้าที่มาหยุดไว้ได้ก่อน ตอนนี้เขาคงจะหยุดแล้วรอดูว่าเราจะดำเนินการอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ ทางจังหวัดก็ได้ยื่นหนังสือแจ้งเจ้าของไปแล้ว ขอให้หยุดการบุกรุกเมื่อ 28 ม.ค.ตามกฎหมายให้เวลา 30 วันในการออกจากพื้นที่ แต่จะครบกำหนดแล้วปรากฏว่าทุกวันนี้ก็ยังมีการแผ้วถาง โดยเฉพาะในหุบคู้บอนนี้ เพียงแค่ 2 วันป่าก็หาย กลายเป็นที่ราบไปแล้ว"