การสงเคราะห์กันในหมู่ผู้ประกอบการทางอินเทอร์เน็ต
โดย : โกศล อนุสิม www.kobizco.com
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ผู้ประกอบการทาง อินเทอร์เน็ต (Internet Entrepreneur) มีการสงเคราะห์แบ่งปันข้อมูล ความรู้ ข่าวสาร และโปรแกรมการใช้งานต่างๆ กันอย่างกว้างขวาง
และ หลากหลายรูปแบบ มีทั้งให้เปล่าและจำหน่ายราคาถูก หรือมีเงื่อนไขการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก ดังในหมู่บล็อกเกอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มักเผยแพร่ข้อมูลและความรู้ หรือแจกจ่ายโปรแกรมการใช้งานของตนผ่านบล็อก รวมทั้งหนังสืออีเล็กทรอนิกส์ หรือ eBook โดยไม่คิดมูลค่า
ตัวอย่างเว็บไซต์โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ทั้ง กูเกิล ยาฮู เฟซบุ๊ค มายสเปซ ทวิตเตอร์ ฯลฯ ต่างก็มีเครื่องมือมากมายให้คนใช้งานฟรี กล่าวเฉพาะกูเกิลเจ้าเดียวก็มีบริการฟรีต่างๆ ให้งานเป็นจำนวนมาก เช่น เว็บไซต์ยูทูบ (youtube.com) ที่ให้คนอัพโหลดวีดิโออย่างไม่อั้น เว็บไซต์บล็อกเกอร์ (blogspot.com) ที่ให้พื้นที่เขียนบล็อกแก่คนทั้งหลายอย่างไม่มีจำกัด เป็นต้น (ทั้ง youtube.com และ blogspot.com เป็นของกูเกิล) ของไทยก็มีหลายเจ้า รวมทั้ง oknation.net ของเครือเนชั่น ก็ให้บริการพื้นที่เขียนบล็อกฟรีแก่คนทั่วไปเช่นกัน
โปรแกรมคอมพิวเตอร์แทบทุกประเภทในปัจจุบัน มีการพัฒนาขึ้นมาให้ใช้กันแบบฟรีทั้งหมด (freeware) ก็มี หรือให้ซื้อหาในราคาถูกในลักษณะช่วยกันและกัน (shareware) ก็มี ซึ่งดำเนินงานโดยองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ การพัฒนาระบบปฏิบัติการ (Operation System - OS) ขึ้นมาแจกจ่ายและเปิดให้มีการพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ และแจกจ่ายกันไปอย่างกว้างขวาง ที่รู้จักเป็นอันดีได้แก่ ระบบปฏิบัติการ Linux ซึ่งกลายเป็นคู่แข่งของระบบปฏิบัติการ Window ของบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นต้น
ในส่วนของเครื่องมือการสืบค้นข้อมูลเว็บไซต์ (Web Browser) ก็มีการพัฒนาแจกจ่ายให้ใช้กันแบบฟรี ที่มีส่วนแบ่งผู้ใช้งานมากเป็นลำดับต้นๆ (รองจาก Internet Explorer-IE ของไมโครซอฟท์ที่พ่วงมากับระบบปฏิบัติการ Window) ได้แก่ Firefox, GoogleChrome, Opera เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการข้อมูล (Content Management System) ของเว็บไซต์และบล็อกที่มีการพัฒนาแจกจ่ายให้งานโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ ได้แก่ Wordpress, Joomla, OScommerce เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือที่กล่าวมานี้มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากในประเทศต่างๆ ทั่วโลก หนึ่งในจำนวนนั้นก็มีผู้เขียนอยู่ด้วย
นอกจากโปรแกรมและระบบปฏิบัติการต่างๆ ที่เรียกว่าซอฟต์แวร์แล้ว ตัวอักษรหรือ font ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการใช้งานอินเทอร์เน็ต การประดิษฐ์ตัวอักษรก็ไม่สามารถทำได้อย่างง่ายๆ เพราะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งความรู้ด้านศิลปะบวกความรู้ด้านกราฟฟิกด้วยจึงจะทำได้ แม้จะทำยากแต่ก็มีผู้ทำออกมาแจกจ่ายให้งานกันโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งในหมู่นักออกแบบตัวอักษรไทยก็มีแจกจ่ายกันที่เว็บไซต์ f0nt.com (เลขศูนย์ 0 ไม่ใช่อักษรโอ O) ได้มีคนนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั้งในอินเทอร์เน็ตและป้ายโฆษณาต่างๆ
การแจกจ่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่กล่าวมานี้ ย่อมจัดเข้าในการสงเคราะห์กันตามหลักสังคหวัตถุซึ่งสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมา สัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี 4 อย่าง ซึ่ง พระพหรมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ได้อธิบายไว้ในหนังสือ พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ว่าสังคหวัตถุ 4 ธรรมเครื่องยึดเหนี่ยว คือยึดเหนี่ยวใจบุคคล และประสานหมู่ชนไว้ในสามัคคี, หลักการสงเคราะห์ ได้แก่
1. ทาน การให้ คือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละ แบ่งปัน ช่วยเหลือกันด้วยสิ่งของตลอดถึงให้ความรู้และแนะนำสั่งสอน
2. ปิยวาจา หรือ เปยยวัชชะ คือ วาจาเป็นที่รัก วาจาดูดดื่มน้ำใจ หรือวาจาซาบซึ้งใจ คือกล่าวคำสุภาพไพเราะอ่อนหวานสมานสามัคคี ให้เกิดไมตรีและความรักใคร่นับถือ ตลอดถึงคำแสดงประโยชน์ประกอบด้วยเหตุผลเป็นหลักฐานจูงใจให้นิยมยอมตาม
3. อัตถจริยา การประพฤติประโยชน์ คือ ขวนขวายช่วยเหลือกิจการ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ตลอดถึงช่วยแก้ไขปรับปรุงส่งเสริมในทางจริยธรรม
4. สมานัตตตา ความมีตนเสมอ คือ ทำตนเสมอด้วยปลาย ปฏิบัติสม่ำเสมอกันในชนทั้งหลาย และเสมอในสุขทุกข์โดยร่วมรับรู้ร่วมแก้ไข ตลอดถึงวางตนเหมาะแก่ฐานะ ภาวะ บุคคล เหตุการณ์และสิ่งแวดล้อม ถูกต้องตามธรรมในแต่ละกรณี
การแจกจ่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทั้งหลายก็สังเคราะห์เข้ากับข้อที่ 1 คือ ทาน การให้ได้อย่างชัดเจน การให้ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ของบรรดาบล็อกเกอร์ทั้งหลายก็สังเคราะห์เข้ากับทุกข้อได้อย่างไม่ ต้องสงสัย ผลที่ตามมาก็คือ สาธารณชนได้ประโยชน์จากการสังเคราะห์ดังกล่าวนี้อย่างมากมายมหาศาล เพราะเมื่อคนนำความรู้และเครื่องมือไปใช้ประโยชน์แก่ตนเองได้มากเพียงใด ประโยชน์ทางอ้อมที่จะตกแก่สาธารณะก็มากขึ้น เช่น การนำซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการและระบบจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ที่ได้มาฟรีๆ ไปใช้ในการประกอบอาชีพทางอินเทอร์เน็ต จนมีรายได้นำมาใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ นอกจากประโยชน์จะเกิดขึ้นแก่ตนเองแล้วยังเกิดขึ้นแก่สังคมและสาธารณะด้วย
และผลโดยตรงที่เกิดขึ้นแก่ผู้ให้การสงเคราะห์ ที่แน่ๆ ก็คือความสุขในฐานะผู้ให้ ส่วนผลตอบแทนอื่นๆ นั้นก็เป็นไปตามกฎของกรรม นั่นคือ ทำดีย่อมได้ผลดีตอบแทน ส่วนจะช้าจะเร็วเพียงใดก็ไม่อาจทราบได้ ที่เห็นและเป็น อยู่ก็คือ ผู้ที่ให้คนอื่นใช้ของของตนฟรีๆ ก็ได้ผลตอบแทนโดยทางอื่นจนรวยเป็นมหาเศรษฐีได้เช่นกัน
