จาก โพสต์ทูเดย์

การเมืองที่ร้อนแรงหลังมีประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่

 
โดย...ทีมข่าวการเงิน

การเมืองที่ร้อนแรงหลังมีประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจของไทยในช่วงรัฐบาลรักษาการจะจับไข้ จะตก “หลุมอากาศ” หรือลอยเคว้งอยู่ในคลื่นกลางทะเลอย่างน้อย 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มองข้ามช็อตแอบพกความมั่นใจเล็กๆ ว่า หลังการเลือกตั้งจะชิงเหลี่ยมกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง จึงใส่เกียร์ห้าขนมาตรการปูพรมเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนที่เหลือชนิดไม่มีกั๊ก

ที่เห็นได้ชัดและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก คือ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดสุดท้ายสั่งลาข้ามวันข้ามคืน มีการอนุมัติงบประมาณใช้โครงการลงทุนต่างๆ เป็นมูลค่านับแสนล้านบาท

ในจำนวนนี้เป็นการอนุมัติงบกลางวงเงิน 1.37 หมื่นล้านบาท กระจายลงไปในกระทรวงต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นโครงการมาตรการเพื่อ “คนฐานราก” ที่ยังมีปัญหาว่าเศรษฐกิจขยายตัวดี แต่รากหญ้ายังจนลำบากรายได้ลดลงเพราะของแพงขึ้น

โครงการที่ได้รับการอนุมัติ ทั้งการประกันรายได้เกษตรกร การประกันภัยพืชผล โครงการสินเชื่อเกษตร รวมทั้งหมดแล้ววงเงินประมาณ 1 แสนล้านบาท จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้กระชุ่มกระชวยใน ช่วงสุญญากาศหลังยุบสภา

นอกจากนั้น ยังมีโครงการบ้าน 0% อีก 2.5 หมื่นล้านบาท ที่จะมาช่วยลดภาระคนรายได้ชั้นกลาง ขณะเดียวกันก็เป็นตัวกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคัก ซึ่งถือเป็นภาคอุตสาหกรรมสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

สอดคล้องกับคำชี้แจงของรัฐบาลที่ต้องอนุมัติงบประมาณจำนวนมาก เพราะดูแลและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่รักษาการ หากไม่ดำเนินการทำให้เศรษฐกิจชะงักมีปัญหาได้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยหลังยุบสภา ยังได้ “ยาโด๊ป” จากเงินที่ใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ทั้งในส่วนของเงินภาครัฐที่ใช้จัดการเลือกตั้ง 4,000 ล้านบาท และเงินที่บรรดานักการเมืองทุ่มหาเสียงชิงชัยอีกนับหมื่นล้านบาท จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการบริโภคการลงทุนของเศรษฐกิจระยะสั้นได้ อย่างดี

เมื่อคิดเงินในส่วนของการเลือกตั้งไปผสมกับเงินที่รัฐบาลทิ้งทวนถม เศรษฐกิจไว้ ทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจของไทยในช่วง 23 เดือนข้างหน้าไร้ปัญหา เดินหน้าได้ลิ่ว

ที่ผ่านมากระทรวงการคลังประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาสแรก 2554 จะทำได้ถึง 4% แม้ว่าเศรษฐกิจเจอมรสุมปัญหาต่างๆ นานา ส่วนเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะขยายตัวได้น้อยกว่าไตรมาสแรก และไตรมาส 3 ที่อยู่ในช่วงของการเลือกตั้งเศรษฐกิจจะเด้งกลับมาขยายตัวได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทั้งปีการขยายตัวเศรษฐกิจทำได้45% ตามที่ตั้งเป้าไว้

ในส่วนของงบประมาณปี 2555 ที่คาดว่าจะล่าช้าไป 45 เดือน เพราะต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณา ทำให้คาดว่าใช้ไม่ทันเดือน ต.ค. 2554 แต่ก็ไม่น่าส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ เนื่องจากรัฐบาลเก่าสามารถใช้กรอบงบประมาณเก่าไปได้ก่อน

ขณะที่การส่งออกที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจไทย มีสัดส่วนถึง 70-80% ของจีดีพี ก็ยังพึ่งได้ไม่มีปัญหา ไตรมาสแรกขยายตัวได้ถึง 28% ทั้งปีขยายตัวได้ 15% แบบไม่มีปัญหา สามารถรองรับเศรษฐกิจรวมถึงเศรษฐกิจช่วงหลังยุบสภาให้ตลอดรอดฝั่งได้

ปัญหาที่รัฐบาลรักษาการที่ต้องรับมือหลังการยุบสภา ก็คือ ปัญหาเงินเฟ้อ ที่มาจากราคาน้ำมันและสินค้าต่างๆ ที่แพงขึ้น เพราะหากไม่ควบคุมปล่อยทิ้งไว้ 23 เดือน ในช่วงหลังยุบสภาก็อาจจะเป็น “ไฟลามทุ่ง” ดับได้ยาก เกิดความเสียหายในวงกว้าง

อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังมีสินค้าที่รอคิวขอขึ้นราคา ไม่ว่าจะเป็นเหล็กเส้นที่เป็นวัสดุสำคัญของการก่อสร้าง หากเหล็กขึ้นราคาก็จะกระทบเป็นลูกโซ่ บ้านราคาแพง คนซื้อบ้านต้องรับภาระเพิ่ม ขณะที่สินเชื่อบ้านแนวโน้มดอกเบี้ยก็สูงขึ้น หากเป็นเช่นนั้นอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์หยุดชะงัก เศรษฐกิจไทยก็ยุบได้ง่ายๆ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลนี้ถือว่ามากับโชค ราคาน้ำมันที่พุ่งไม่หยุด แต่ 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างแรง ทำให้ปัญหาเงินเฟ้อเบาลง การขึ้นราคาวัสดุก่อสร้างก็ยังดึงเวลา ช่วยเศรษฐกิจในระยะสั้นออกไปได้อีกระยะหนึ่ง

ทั้งหลายทั้งปวงของเศรษฐกิจไทยหลังการยุบสภา น่าจะออกมาสดใส เพราะทั้งการเตรียมออกมาตรการเทกระจาดไว้ล่วงหน้า กับโชคที่มาพอดิบพอดี ทำให้เศรษฐกิจไทยในภาพใหญ่ผ่านไปได้ฉลุย

ขณะที่รัฐบาลก็เหลือแต่ลุ้นผลการเลือกตั้งว่าจะได้กลับมาบริหารประเทศอีก ครั้งหรือไม่ เพื่อที่จะสานต่อนโยบายเศรษฐกิจ โดย กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ประกาศจะมาเป็น รมว.คลัง อีกรอบ เพื่อสานนโยบายของรัฐบาลต่อภายใต้สโลแกน “เราคิด เราทำแล้ว และเราจะทำต่อไป”