สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดชื่อต้องห้าม รมต. แม้ว แจก ใบแดง คู่แค้น

เปิดชื่อต้องห้าม"รมต." "แม้ว"แจก"ใบแดง"คู่แค้น

จาก ประชาชาติธุรกิจ

มติชนวิเคราะห์   (มติชนรายวัน ฉบับ8ก.ค.2554)




บรรยากาศ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) ถนนเพชรบุรี อบอวลไปด้วย "ฝุ่น"

หลัง "พรรค 265 เสียง" ประกาศความสำเร็จในการจัดตั้ง "รัฐบาลผสม 5 พรรค"

หลัง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 จ่อขึ้นเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรีคนที่ 28" ของไทย

หลัง คนการเมืองทั้งใน-นอกพรรค พากันปล่อยชื่อจริง-ชื่อลวง-ชื่อล่อให้หลงทางออกมาทางหน้าสื่ออย่างสนุกสนาน โดยหมายเตะตัดขา "คู่แข่ง" ให้สะดุดลงกลางทาง เพื่อให้ตนวิ่งเข้าเส้นชัย-ได้ครอบครองเก้าอี้ "คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่ 60" สมใจ

อย่างไรก็ตาม หากรู้จักคนอย่าง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี-นายใหญ่ พท. ย่อมรู้ว่าเขามีวิธี "บริหารคน" ที่ไม่ธรรมดา

สาย ตรง "ดูไบ" แจ้งว่า การจัดสรรโควตา ครม. 35 ตำแหน่ง และประธานสภาและรองประธานสภา 3 ตำแหน่ง รวม 38 ตำแหน่ง อยู่ภายใต้เงื่อนไข-หลักเกณฑ์อย่างน้อย 5 ข้อ ดังนี้

หนึ่ง ปูนบำเหน็จให้ "มือทำงานพรรค-ผู้จงรักภักดีนายใหญ่" ตลอดห้วง 2 ปีที่ผ่านมา

สอง ส่ง "ลูกน้องคนสนิท" ไปคุมกระทรวงที่ต้องบริหารจัดการเป็นพิเศษ

สาม เปิดทางให้ "คนนอก" เข้ามารั้งเก้าอี้กระทรวงด้านเศรษฐกิจ (บางส่วน) และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของรัฐบาล เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมที่เปิดทางให้ "คนในเครื่องแบบ" ส่งชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีมา เพื่อบริหารความสัมพันธ์กับกองทัพ

สี่ เน้นหยิบคนการเมืองจากบัญชีรายชื่อ (โดยให้ลาออกจากการเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นเป็น ส.ส.แทน) บัญชี 2 และบัญชี 3 ของ พท. เป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อ "เสียงในสภา"

และห้า ปิดโอกาสบรรดา "คนเคยรักที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน" ไม่ให้ขึ้นแท่นเสนาบดี

ว่า กันว่า "เงื่อนไขข้อ 5" นี้เป็น "เงื่อนตาย" ที่ทำให้ "ความฝัน" ของ "ใครหลายคน" สลายลงในชั่วพริบตา เพราะรู้ว่างานนี้ "นายใหญ่" เอาจริง

หลังมีตัวอย่างให้เห็นจากการ "แจ้งเตือน-แจกใบเหลือง" ให้คนเหล่านี้มาแล้วก่อนการเลือกตั้ง!

ใน ขณะที่ "บัญชีแคนดิเดต รมต." กำลังถูกคนใน พท. รุมเขย่าอย่างเมามัน "บัญชีบุคคลต้องห้ามดำรงตำแหน่ง รมต." ก็ถูกจารึกติดอยู่ที่ข้างฝา "คนดูไบ" โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก

"กลุ่มแรก" หนีไม่พ้น "กลุ่มมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่สร้างความคับแค้นใจให้ "นายใหญ่" หลายกรณี ไล่ตั้งแต่การตั้งก๊กต่อรองตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ โดยจ่ายเงินให้ "ลูกก๊วน" รายละ 1 แสนบาท/เดือน

จากนั้นเมื่อมานำทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล "อภิสิทธิ์" ก็สร้างผลงานได้แบบไม่น่าประทับใจ จนหลายคนบ่นเสียดายเวลาและโอกาส

แต่ ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ "มิ่งขวัญ" โดน "ใบเหลือง" คือการเปิด "ปฏิบัติการ 3 ประสาน" ด้วยความร่วมมือจาก "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตประธาน พท. และ "เสนาะ เทียนทอง" อดีตหัวหน้า ป.ช.ร. ในการ "ปั่นหัว" คน พท. ให้ "แปรพักตร์" ออกไปร่วมงานกับพรรคประชาราช (ป.ช.ร.)

ทำให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" โกรธมาก และได้ "สั่งสอน" ด้วยการแสร้งทำ "ชื่อตก" จากบัญชีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั้ง 2 ระบบในวันเปิดนโยบาย "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" เมื่อวันที่ 23 เมษายน

แม้สุดท้ายชื่อ "มิ่งขวัญ" จะกลับมาอยู่ในบัญชี (จริง) ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของ พท. แต่เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ยอมมาสุมหัวร่วมคิดนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรค ไม่ย่างกรายขึ้นเวทีปราศรัยแม้แต่หนเดียว

กระทั่ง พท. คว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง "มิ่งขวัญ" ถึงโผล่มาร่วมงานแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาล-รับประทานอาหารกับผู้แทนพรรคร่วม รัฐบาล ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม

นอกจาก "หัวหน้ามุ้ง" ต้องเผชิญวิบากกรรมแล้ว บรรดา "คนใกล้ชิด" ที่เคยออกอาละวาดในช่วง "ปลายฝ่ายค้าน พท." ก็พลอยถูกหางเลขด้วยเช่นกัน

ไม่ ว่าจะเป็น "สุพล ฟองงาม" ว่าที่ ส.ส.อุบลราชธานี เจ้าของไอเดีย "ก้าวข้ามตระกูลชินวัตร" ซึ่งยกโขยงแกนนำ ส.ส.อีสาน 9 คนเดินทางไปเหยียบจมูก-กดดัน พ.ต.ท.ทักษิณถึงถิ่น พร้อมประกาศสนับสนุนให้ "มิ่งขวัญ" ถึงฝั่งฝันบนเก้าอี้นายกฯ

ทำให้ชื่อ "สุพล" หลุดจากบัญชีเสนาบดีนับตั้งแต่นาทีนั้นเป็นต้นมา และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้ชะตากรรมดี หลังถูกลดชั้นจาก "ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับดี" เป็น "ผู้สมัคร ส.ส.เขต"

เช่นเดียวกับ "สามารถ แก้วมีชัย" ว่าที่ ส.ส.เชียงราย ที่ถูกหมายหัวเอาไว้ เพราะมีความสนิทสนมกับ "มิ่งขวัญ" เป็นพิเศษ ถึงขั้นเปิดห้องรองประธานสภาเป็น "ศูนย์บัญชาการของนายมิ่ง"

รวมถึง "กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์" ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ "ดวงเข้าเคราะห์" ก็คราวนี้ เนื่องจากเป็นคนสนิทของ "เฮียมิ่ง" และยังแนบแน่นกับ "เจ๊ตุ๋ย" ที่เชื่อกันเป็น "ท่อน้ำเลี้ยงใหญ่" สายมิ่งขวัญ แม้เป็นผู้แทนฯอาวุโส แต่ก็ไม่มีชื่อติดโผ ครม.

หลายเสียงใน พท. ยืนยันว่า "3 สหายมิ่ง" ถูกบันทึกลง "บัญชีกรรมทักษิณ" เรียบร้อยแล้ว

แต่ สำหรับตัว "มิ่งขวัญ" เอง ได้รับคำยืนยันจากแกนนำ พท. รายหนึ่งว่าถือว่า "รับเคราะห์-โดนใบแดง" จากการห้ามเป็นแคนดิเดตนายกฯไปแล้ว จากนี้จึงมีสิทธิลงชิงเก้าอี้ รมต.ในกระทรวงด้านเศรษฐกิจ (ที่ไม่ใช่หัวใจหลัก)

โดยแว่วมาว่าอาจได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น "พีอาร์ไทยแลนด์" ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในกรณี "นายห้าง" ไม่โยนให้พรรคร่วมดูแล

"กลุ่มที่ 2" คือ บรรดาลูกน้องคนสนิทของ "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" อดีตประธาน พท. ที่ขย่มพรรคด้วยการสร้างปรากฏการณ์ "พ่อใหญ่ลา"

ทำ ให้บรรดา "ลิ่วล้ออาวุโส" ที่ทั้ง "ชื่อ" และ "มือ" ถึงขั้น ส่อเค้าโดนสั่ง "แบน" อาทิ ไพจิต ศรีวรขาน ว่าที่ ส.ส.นครพนม พีรพันธ์ พาลุสุข ว่าที่ ส.ส.ยโยธร พล.ต.ศรชัย มนตริวัต ว่าที่ ส.ส.กาญจนบุรี

ก่อนหน้านี้ ทั้ง "พล.ต.ศรชัย" และ "ชวลิต วิชยสุทธิ์" ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถูก "ใบเหลือง" จากการไม่มีรายชื่อใน "บัญชีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส." ขณะไปร่วมงานเปิดนโยบายพรรคเมื่อวันที่ 23 เมษายนแล้วเช่นกัน จนออกอาการ "เต้นผาง"

แม้สุดท้ายจะได้เป็นว่าที่ ส.ส. แต่โอกาสลุ้นเก้าอี้ รมต. เหลือน้อยนิด

และ "กลุ่มที่ 3" คือ กลุ่ม "คนเคยปันใจ" อาทิ "ปานปรีย์ พหิทธานุกร" ที่เคยลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้า พท. ด้วยเงื่อนไขส่วนตัว แม้ พ.ต.ท.ทักษิณจะพอใจ "วิธีคิด" แบบ "เสี่ยตั๊ก" แต่บริวารใกล้ชิดอดีตนายกฯ คอยยุยงส่งเสริมว่า "ไว้วางใจไม่ได้"

เช่นเดียวกับ "พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ" อดีต ผบ.ตร. ที่เคยมีชื่อในโผหัวหน้า พท. คนใหม่ แต่ด้วยอุปสรรคจาก "ฟ้า" ทำให้ "บิ๊กโก" เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย ทั้งที่ลงทุนบินไปดูไบ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2553

ทำให้การปรับโครงสร้างภายใน พท. เสียขบวนไปช็อตหนึ่ง

ทั้งหมดนี้คือชื่อรายชื่อบุคคลต้องห้ามเป็น รมต. หลังถูก "บิ๊กแม้ว" แจกใบแดง!!!


"แม้ว"ห้าม 7 คนเป็นรมต. "พท.กาฬสินธุ์"ฉะพวกอยากได้ตำแหน่ง แคนดิเดตรมต. 3 จังหวัดล็อบบี้ ส.ส.หนัก

จาก ประชาชาติธุรกิจ

นายประเสริฐ บุญเรือง ว่าที่ ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ถึงความเคลื่อนไหวในการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีว่า  ขอให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่อ้างตัวว่าเป็นคนวิ่งเต้นช่วยเหลือผู้สมัคร ส.ส.คนอื่นๆ จนได้รับชัยชนะ โดยเฉพาะที่ได้ ส.ส.ยกจังหวัด เพื่อนำไปต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกับผู้ใหญ่ในพรรค หยุดพฤติกรรมดังกล่าวได้แล้ว เพราะความเป็นจริง สถานการณ์ที่พรรคไม่มีทุน ก็ไม่มีใครดูแลใคร ทุกคนต่างดูแลตัวเองทำพื้นที่เฉพาะตัว บวกกับกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทย บรรดาผู้ที่เสนอตัวอยากเป็นรัฐมนตรีทั้งหลายควรดูตัวเองว่ามีความเหมาะสม หรือไม่ ประชาชนคาดหวังกับพรรคเพื่อไทยไว้มาก ไม่ควรไปวิ่งเต้นสร้างความลำบากใจให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ควรให้เป็นอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พิจารณาตามความเหมาะสมกับเนื้องาน


"แต่คนที่ช่วยเหลือพรรคอย่างจริงจังเช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ไปช่วยปราศรัยในภาคอีสานทั้งหมดอย่างนี้พรรคก็ต้องดูแล แต่คนที่ไม่มีความเหมาะ เช่น เคยเป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการสัญจร แต่ไม่มีผลงาน อย่ามาเสนอหน้า อย่ามาชเลียร์ ทำให้พรรคมีปัญหา" นายประเสริฐกล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เรียกประชุมว่าที่ ส.ส.ที่เป็นแกนนำแต่ละภาค รวมกว่า 40 คน อาทิ นายสุพล ฟองงาม ว่าที่ ส.ส.อุบลราชธานี ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธุ สุนทรชัย ว่าที่ ส.ส.หนองคาย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ว่าที่ ส.ส.ชัยภูมิ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น เพื่อประเมินผลการเลือกตั้งและวางกรอบการทำงาน


นพ.สุรวิทย์เปิดเผยว่า ในที่ประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ย้ำว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือพรรคเพื่อไทยต้องเร่งทำนโยบายเพื่อเตรียมแถลง ต่อรัฐสภา โดยได้ให้ว่าที่ ส.ส.ที่มีความถนัดในงานแต่ละด้านให้มาช่วยดูนโยบายที่กำลังจะยกร่างเพื่อทำ นโยบายให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด

 

ขณะที่รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ซึ่งแม้มีแนวโน้มได้ถึง 30 ตำแหน่ง แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของ ส.ส.ทำให้บรรดาแคนดิเดตของภาคต่างๆ ต้องขับเคี่ยวชิงตำแหน่งกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะภาคอีสานที่คาดว่าจะได้ประมาณ 10 ตำแหน่ง แต่มี ส.ส.ถึง 104 คน ทำให้บรรดาตัวเก็งเริ่มเคลื่อนไหวขอเสียงสนับสนุนจากเพื่อน ส.ส.ในกลุ่ม หรือในจังหวัดเดียวกันแล้ว อาทิ จ.ชัยภูมิมี ส.ส.6 จาก 7 คน แต่มีผู้เสนอตัวถึง 2 คนคือ นายเจริญ จรรย์โกมล จากกลุ่มอีสานพัฒนา ต้องแข่งขันกับ นพ.สุรวิทย์ แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น นพ.สุรวิทย์ เนื่องจากเป็นเลขานุการภาคอีสาน และเป็นเพื่อนสนิทของนายพายัพ ชินวัตร  ขณะที่ จ.ขอนแก่น ที่กวาด ส.ส.ยกจังหวัด 10 คน มีแคนดิเดตถึง 3 คนคือ 1.นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ที่มีชื่อติดโผประธานสภาผู้แทนราษฎรในดวงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ อีก 2 คนคือ นายพงศกร อรรณพพร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายภูมิ สาระผล ว่าที่ ส.ส.ขอนแก่น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นายภูมิจะได้รับตำแหน่ง เพราะความอาวุโส และได้รับการสนับสนุนจากนายสมศักดิ์


แหล่งข่าวกล่าวว่า จ.เชียงราย มีการปล่อยชื่อแคนดิเดตมา 2 คนคือ นายสามารถ แก้วมีชัย และนายอิทธิเดช แก้วหลวง แม้ว่านายสามารถจะมีภาษีดีกว่า เนื่องจากเคยเป็นรองประธานสภา แต่ที่ผ่านมานายสามารถมีท่าทีที่สนับสนุนนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่วางใจ อีกทั้งนายสามารถยังไม่เคยดูแล ส.ส.ในจังหวัด ทำให้บรรดา ส.ส.เชียงรายอีก 5 คนพากันสนับสนุนนายอิทธิเดช ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกฎหมายนั้น ปรากฏชื่อของนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ว่าที่ ส.ส.ยโสธร อย่างไรก็ตาม ชื่อนายพีรพันธุ์ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพราะมีข่าวอีกกระแสว่า พ.ต.ท.ทักษิณอาจดึงนักกฎหมายภายนอกที่เคยใช้บริการมาก่อนเข้ามารั้งเก้าอี้ เนื่องจาก พท. มีแผนจะปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด


แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า นอกจากการโผแคนดิเดต รมต.ที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังเปรยกับคนใกล้ชิดว่าได้จัดทำบัญชีบุคคลต้องห้ามไม่ให้ดำรง ตำแหน่ง รมต.ไว้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยสร้างปัญหาในอดีต จนมีการวิจารณ์ภายใน พท.ว่าเป็นการชิงแจกใบแดงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีรายชื่อ 7 คน จาก 3 กลุ่มหลักได้แก่ 1. กลุ่มนายมิ่งขวัญ 2.กลุ่มความหวังใหม่ ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตประธานพรรค และ 3.กลุ่มที่เคยทิ้งพรรค อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายมิ่งขวัญมีการวิเคราะห์ว่าถือว่าโดนใบแดงจากกรณีไม่ได้เป็นแคน ดิเดตนายกฯมาแล้ว ครั้งนี้จึงเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะให้โอกาสเข้ามาทำงานบริหาร แต่ไม่ได้อยู่ในกระทรวงเศรษฐกิจที่เป็นหัวใจหลัก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะส่งไปเป็น "พีอาร์ไทยแลนด์" ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา


แดงยึดเบ็ดเสร็จ นอกสภา ใน สภา ครม.

จาก โพสต์ทูเดย์

ความยิ่งใหญ่ของขบวนการเสื้อแดงที่ออกมากดดันขับไล่พรรคประชาธิปัตย์และชนชั้นนำตลอดหลายปีที่ผ่านมา

โดย...ทีมข่าวการเมือง

ความยิ่งใหญ่ของขบวนการเสื้อแดงที่ออกมากดดันขับไล่พรรคประชาธิปัตย์และ ชนชั้นนำตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนกล่าวได้ว่า เป็นพลังสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งท่วมท้น กำลังเป็นบูเมอแรงที่กลับมาบ่อนแซะพรรคเพื่อไทยเอง

เป็นพรรคเพื่อไทยจากฝ่ายค้านที่ได้อำนาจรัฐ เป็นรัฐบาลด้วยชัยชนะเบ็ดเสร็จ ท่วมท้นไร้ข้อกังขา

แต่อำนาจมันหอมหวน ใครๆ ก็ช่วงชิง อยากได้กันทั้งนั้น...

ระหว่างที่รอคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลรับรอง สส. พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า คาดว่าจะเปิดประชุมสภาเพื่อเลือกประธานสภาได้ในช่วงต้นเดือน ส.ค. และการจัดตั้ง “ครม.ปู 1” จะเสร็จกลางเดือน ส.ค.

ช่วงเดือนกว่า พรรคเพื่อไทยจะฝุ่นตลบอบอวลไปด้วยการต่อรอง กดดันขอตำแหน่งรัฐมนตรี

ทั้ง สส.ที่เป็นแกนนำจังหวัด เรียกร้อง กดดัน โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีประจำภาค กลุ่มแกนนำระดับสูงของพรรคก็หวังจะได้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ

แค่นี้ก็เหนื่อยสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ดูจะไม่มีอำนาจเต็ม เพราะทุกคนต่างบินไปหานายใหญ่ผู้มีอำนาจจริงกันที่บรูไนและดูไบ

แต่ที่จะสร้างปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา คือ กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาเรียกร้องเก้าอี้รัฐมนตรี

พรรคเพื่อไทยวางไว้ 2 แนวทางในการตั้ง ครม.

1.เอาให้สวยเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือ สมกับความงามของ “สาวปู” โดยอาจเปิดให้คนนอกมาร่วมนั่งในกระทรวงสำคัญเพื่อให้ ครม.ใหม่น่าเชื่อถือ

2.จัดตามโควตากลุ่มมุ้งและเสื้อแดง เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในพรรค และสร้างเสถียรภาพในเพื่อไทยและเสื้อแดง เป็นฐานเข้มแข็งสำหรับการบริหารประเทศที่เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายข้างหน้า

เสนาะ เทียนทอง ตัวเต็งเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ เรียกร้องว่า ครม.เที่ยวนี้ต้องสวย และต้องไม่มีเสื้อแดงร่วมเป็นรัฐมนตรี เกรงจะเป็นสายล่อฟ้า

เป็นคำพูดที่หยามน้ำใจ บาดลึกกับเสื้อแดง เล่นเอาแกนนำ นปช.ในพรรคเพื่อไทยออกมาสวนกลับ ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น ทำนอง “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล”

สำหรับกองกำลังเสื้อแดง ทักษิณ ชินวัตร ตกรางวัลมาก่อนหน้านี้ที่สร้างผลงานจัดม็อบล้มรัฐ โดยให้ขึ้นเป็นผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ถึง 22 คน และลงสมัคร สส.เขตอีกเกือบ 10 คน จนได้มาเป็น สส.ทั้งหมดเกือบ 30 คน มากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค

จนมาถึงคิวสำหรับการจัด ครม. แกนนำเสื้อแดงไม่ว่า ก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ ชินวัฒน์ หาบุญพาด ยื่นคำขาดว่า เสื้อแดงต้องได้โควตา 2 เก้าอี้ คือ จตุพร พรหมพันธุ์ เป็น รมช.มหาดไทย และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็น รมต.ประจำสำนกนายกฯ คุมสื่อ

ด้วยผลงานการต่อสู้อย่างเข้มข้นในช่วง 2 ปีกว่า ทั้งจัดม็อบ ยึดท้องถนน 69 วันขับไล่อภิสิทธิ์ และโค่นล้มระบอบอำมาตย์ จนเกิดสมรภูมิเดือด “ผ่านฟ้า-ราชประสงค์” แกนนำเสี่ยงตาย ทั้งสไนเปอร์ ติดคดีล้มเจ้า คดีผู้ก่อการร้ายโทษถึงประหารชีวิต หลายคนเข้าคุกตะรางเป็นว่าเล่น แม้ม็อบจะแพ้ในเหตุการณ์พฤษภาเลือด แต่แกนนำ นปช.ก็รวมพลังฟื้นขบวนการเสื้อแดงกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้มวลชนเสื้อแดงกลายเป็นหัวคะแนนเกรดเอ ให้กับพรรคเพื่อไทยจนชนะได้เป็นรัฐบาล

นี่จึงทำให้แกนนำ นปช.อ้างผลงาน ที่ลูกพรรคหรือแกนนำพรรคเพื่อไทยก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า ทุกคนต่างได้มาเพราะเสื้อแดง ไม่ใช่มาด้วยความสามารถของ สส. โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือ ที่กระแสแดงถล่มแบบสึนามิ เจาะทะลวงหลังบ้านแกนนำพรรคฝ่ายตรงค้านทั้งบุรีรัมย์ สุพรรณบุรี นครราชสีมา

เสื้อแดงจึงค้ำคอพรรคเพื่อไทย!

ถ้า ครม.รอบนี้ไม่มี “ตู่-เต้น” เป็นรัฐมนตรี ก็จะเกิดปัญหากับพรรคเพื่อไทย จึงเชื่อว่าทักษิณต้องยอมปูนบำเหน็จแกนนำ นปช.อย่างสาสม ขณะที่ ณัฐวุฒิ ก็พร้อมรับตำแหน่ง ไม่สนว่าจะ ติดคดีผู้ก่อการร้ายเหมือนที่เคยกล่าวหา กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ หรือไม่

ปัญหาที่ต้องติดตามจากนี้ เมื่อแกนนำเสื้อแดงที่ชิงการนำจากแกนนำเพื่อไทย เหมือนพรรคหรือกองกำลังใหญ่ที่ครอบพรรคเพื่อไทยอยู่ และแยกจากกันไม่ออก ทุกอย่างจึงตกอยู่ภายใต้การควบคุมของแกนนำ นปช.

แน่นอนว่า ทักษิณ คือเจ้าของพรรคเพื่อไทย ส่วน ยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกฯ เป็นแค่หุ่นเชิด แต่การเติบใหญ่ของมวลชนเสื้อแดงอยู่ใต้การชี้นำของ “ตู่-เต้น” ได้เข้ามายึดกุมการนำในพรรคเพื่อไทยจนทักษิณก็ยังเกรงใจ ซึ่งหลายคนในพรรคไม่ชอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องพึ่งคะแนนเสื้อแดง

สภาพของเสื้อแดง จึงยึดทั้งมวลชนนอกสภา มี ธิดา ถาวรเศรษฐ์ เป็นประธาน นปช. ที่ยังมีภารกิจตรวจสอบรัฐบาล เรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่อำมาตย์ โดยเฉพาะการเอาคนผิดในเหตุการณ์ความรุนแรงมาลงโทษพุ่งเป้าไปที่ “อภิสิทธิ์สุเทพ” ในสภาก็มี สส.เสื้อแดงถึง 15 คน หนึ่งในนั้นมี นพ.เหวง โตจิราการ สามีธิดา เป็นสส.ใน ครม.ฝ่ายบริหาร ก็มีแนวโน้มที่ “สองผู้นำแดง” จะเป็นรัฐมนตรี

สรุป เสื้อแดงคุมอำนาจเบ็ดเสร็จ นอกสภา ในสภา และอนาคตใน ครม.อีก

อย่างว่า อำนาจไม่เข้าใครออกใคร องค์กร นปช.กับพรรคเพื่อไทย เป็นเครือข่ายที่ทับซ้อนกันอยู่ และที่ผ่านมาแกนนำเพื่อไทยพยายามจำกัดบทบาทของแกนนำเสื้อแดงไม่ให้มีอำนาจ เหนือพรรค เพราะถูกมองว่าใช้ความรุนแรงและติดภาพล้มสถาบัน

อนาคตรัฐบาล “ปูจ๋า” จึงวุ่น ที่สำคัญ ว่าที่นายกฯ หญิงอาจไม่เป็นตัวของตัวเอง และต้องตกรางวัลให้กับแกนนำเสื้อแดงไม่รู้จบ


ธิดารับขัดแย้งชินวัฒน์จริง

จาก โพสต์ทูเดย์

"ธิดา" รับมีความขัดแย้งกับ "ชินวัฒน์" ยันตนไม่ใช่พวกเผด็จการ ระบุ พร้อมลาออกจากรักษาการประธาน นปช.  หากมีคนเหมาะสมกว่า

นางธิดา ถาวรเศรษฐ  รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เดินทางเข้าเยี่ยม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมกับ กล่าวยอมรับว่า มีความขัดแย้งกับ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช. จริง  เนื่องจาก ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน
         
โดย นางธิดา กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ใช่พวกเผด็จการ ไม่เคยทำอะไรตามใจเพราะสิ่งที่ประกาศออกไปนั้น เป็นมติของคณะกรรมการ นปช. ซึ่งขณะนี้ปัญหาความไม่เข้าใจดังกล่าว ก็ยังไม่คลี่คลาย แต่มีความพยายามที่จะทำความเข้าใจ และดูที่มาต้นตอของปัญหา

ทั้งนี้ตนพร้อมลาออกจากรักษาการประธาน นปช. หากมีบุคคลที่เหมาะสม เข้ามาทำงานแต่คนที่จะเข้ามาทำงานตรงจุดนี้ ต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก


ศาลปรับ50,000ดา ตอร์ปิโดหมิ่นป๋าเปรม

จาก โพสต์ทูเดย์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปรับ 50,000 บาท  “ ดา ตอร์ปิโด ” ปราศรัยหมิ่น “ คมช.” หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ปี 50 

ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  เวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่  หมายเลขดำที่ อ.4767/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ดารณี ชาญเชิง ศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ  (นปช.) ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยการกระจายเสียง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328จากกรณีเมื่อวันที่ 31 พ.ค.50 เวลากลางคืน จำเลยได้ปราศรัยบนเวทีหน้ากระทรวงศึกษาธิการ บริเวณแยกมิสกวัน กล่าวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน  อดีตประธาน คมช. และ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และผู้ช่วยเลขาธิการ (คมช.)  ผู้เสียหาย เกี่ยวกับการรัฐประหารที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำนองว่าเอาทหารมาปกครองประเทศ ทำให้เกิดความเสียหาย  ซึ่ง คมช.ได้มอบอำนาจให้นายทหารพระธรรมนูญแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เมื่อเดือน มิ.ย. 50    

โดยศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย.52 ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามมาตรา 328  แต่เนื่องจากจำเลยนำสืบว่าเคยเป็นสื่อมวลชนและจบการศึกษารัฐศาสตร์ เพื่อให้โอกาสแก่จำเลยที่จะต้องระมัดระวังในการใช้คำพูดพาดพิงถึงบุคคลอื่น เห็นสมควรลงโทษสถานเบา เพื่อให้เป็นการหลาบจำ จึงให้ปรับเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีที่หมิ่นประมาทนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในคดีหมายเลขดำ อ. 3634/2551 นั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาสั่งปรับเท่านั้น ไม่มีโทษจำคุกจึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์ อ้างว่าผู้เสียหายไม่มาเบิกความด้วยตนเองยืนยันเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจ การมอบอำนาจจึงไม่สมบูรณ์  อัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง และอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา 

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า คมช. ผู้เสียหาย ได้มอบอำนาจในการร้องทุกข์ โดยมีหนังสือมอบอำนาจก็ไม่จำเป็นต้องเบิกความด้วยตนเอง ส่วนที่จำเลยขอให้ลงโทษสถานเบา เห็นว่า คดีนี้โจทก์มีนายทหารซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ระบุว่าได้ยินจำเลยใช้วาจาด้วยถ้อยคำหยาบคายกล่าวหาผู้เสียหาย ประกอบกับยังมีนายทหารที่ตรวจแผ่นบันทึกเสียง ระบุว่าได้ถอดเทปคำพูดที่จำเลยขึ้นปราศรัย หน้ากระทรวงศึกษาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.50 ด้วย ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความตามการปฏิบัติหน้าที่ และไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลย เชื่อว่าไม่ได้เบิกความผิดไปความเป็นจริง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ซึ่งโทษที่ศาลชั้นต้นพิพากษานั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์ที่จำเลยใช้ถ้อยคำหยาบ คาย รุนแรงกล่าวพาดพิงผู้เสียหาย และบุคคลอื่นอีกหลายคนแล้ว จึงพิพากษายืน  


แรมโบ้แนะธิดาลดความเจ้าอารมณ์

จาก โพสต์ทูเดย์

สุภรณ์ ปัดขัดแย้ง ธิดา แนะ เจ้าตัวปรับตัวใหม่ ลดความเจ้าอารมณ์ -ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของแดงทั้งประเทศ

 

สุภรณ์ อัตถาวงศ์-ธิดา ถาวรเศรษฐ

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน  แกนนำนปช. กล่าวถึงความ ขัดแย้งกับนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานนปช. ว่า นปช.ไม่ได้แตกแยกใดๆ   ยืนยันว่าไม่ได้เป็นหัวหอกในการขับไล่รักษาการประธานนปช. เพียงแต่อยากสะท้อน สิ่งที่หลายคนติติงท่าทีของนางธิดามา โดยขอปรับท่าทีเรื่องของความเจ้าอารมณ์ และให้เกียรติคนที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้เป็นที่ยอมรับของคนเสื้อแดงทั้งประเทศ  เนื่องจากขณะนี้มีมวลชนต่างจังหวัดสะท้อนเรื่องนี้มาตลอด

อย่างไรก็ตาม ขอให้คนเสื้อแดงสบายใจ  จะไม่มีการแตกแยกแบบร้าวฉานเด็ดขาด ขอเวลาให้นางธิดา ได้ปรับบทบาทซักพัก เมื่อพร้อมแล้วค่อยมาว่ากันใหม่ ถึงเวลาใครจะอยู่ใน ตำแหน่งนี้ ก็ค่อยมาว่ากันในที่ประชุม ช่วงนี้จังหวะเวลายังไม่เหมาะ แต่ปฏิเสธไม่ได้ยกธงขาว เพียงแต่อยากให้ยุติในที่ประชุมเท่านั้น 


สุนัยเขียนจม.เตือนสส.อย่าแย่งตำแหน่ง

จาก โพสต์ทูเดย์

สุนัยเขียนจดหมายถึงเพื่อนสส.และสมาชิกพรรค เตือนอย่าแก่งแย่งตำแหน่งรมต. ขอให้ผนึกกำลังแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

นายสุนัย จุลพงศธร ว่าที่สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงว่าที่สส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวเตือนว่าชัยชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นเพียงภาพลวงตา ดังนั้น ว่าที่สส.ทุกคนต้องผนึกกำลังกันแก้ปัญหาปากท้องประชาชนและให้ความเป็นธรรม กรณีการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชุมนุมทางการเมือง รวมทั้งเร่งสร้างความปรองดองเพื่อให้ประชาชนศรัทธากับระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่การแสดงตัวโอ้อวดความสามารถและแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งนี้ อย่ามองแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า อย่างไรก็ตาม ขอให้เชื่อมั่นในผู้นำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ให้เอ่ยชื่อว่า จะเลือกสรรบุคลากรที่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีแก้วิกฤตการเมือง


"แดง" ไม่ดีตรงไหน?

Tags : เปิดชื่อต้องห้าม รมต. แม้ว แจก ใบแดง คู่แค้น

view