สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ใครว่ากินตามน้ำไม่สำคัญ ?

ใครว่ากินตามน้ำไม่สำคัญ ?

รศ.ทองศรี กำภู ณ อยุธยา
องค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย


        มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เดียวที่ไม่เข้าใจคำว่า "การกินตามน้ำ" หรือบางคนเข้าใจ แต่แกล้งไม่เข้าใจ
ก็มีไม่ใช่น้อย แล้วก็มีอีกจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจแต่ไม่คิดว่ามันผิดร้ายกับอะไรถ้าจะทำ แล้วก็ยังมีอีกพวกหนึ่ง
ที่คิดว่าเป็นเรื่อง ธรรมดา ๆ ที่ทำจนเป็นความเคยชิน หรือชาชินเสียแล้ว
ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยได้ยินเพื่อนร่วมงานกลับมาจากการสอนหลักสูตรฝึกอบรมข้าราชการชั้นผู้ใหญ่  แล้วมีทีท่าหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด ไถ่ถามดูได้ความว่า กำลังหัวเสียเพราะกลุ้มใจมาก เนื่องจากข้าราชการชั้น       ผู้ใหญ่เหล่านั้นมีความเห็นสอดคล้องกันเกือบทั้งชั้นว่า "การกินตามน้ำ" เป็นเรื่องเล็ก และเป็นเรื่องธรรมดา     ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวลหรือต้องกำจัดแต่อย่างใด ประหนึ่งว่าเป็น ธรรมชาติของการปฏิบัติงานอย่างหนึ่ง      เท่านั้น
เพื่อนผู้เขียนทำท่าสิ้นหวังมากว่าข้าราชการระดับนี้แล้วยังไม่เห็นพิษภัยของ "การกินตามน้ำ" โดยมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แล้วเมื่อไรจะแก้ไขการฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ ในเมื่อเรื่องเล็กๆก็ไม่แก้ แล้วเรื่องใหญ่ๆยิ่งไม่ แก้กันไปใหญ่หรือ เพื่อนผู้เขียนทำท่าอมทุกข์อยู่หลายวัน ผู้เขียนเองก็พลอยอมทุกข์ตามไปด้วย แต่คนทุกคนก็ต้องอยู่ให้ได้ในสังคมแบบนี้ จะอยู่โดยคล้อยตามสังคมไปหรือจะอยู่อย่างพยายามหาหนทางแก้ไข เราสองคนเลือกทางที่จะแก้ไข แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากลำบากมากๆ
ถ้าเราเห็นว่าการกินตามน้ำเป็นเรื่องคอร์รัปชันอย่างหนึ่งแล้วจะว่าไม่สำคัญได้อย่างไร ก็คอร์รัปชัน      มิใช่หรือที่ทำให้บ้านเมืองเรายังล้าหลังอย่างทุกวันนี้ ตามสถิติของการจัดลำดับประเทศที่มีคอร์รัปชันทั่วโลก ประเทศไทยอยู่ในระดับค่อนข้างน่าเป็นห่วง คืออยู่ประมาณลำดับที่ 63-67 ของ 90 ลำดับ และอยู่ในระดับนี้    มาประมาณ 5 ปีแล้วแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้ให้ความสำคัญรณรงค์เรื่องคอร์รัปชันมากนัก
อาจจะมีคนขี้สงสัยบางคนปรารถนาจะให้อธิบายลักษณะของการกินตามน้ำให้ชัดเจนหน่อย จะได้ตัดสินใจว่า  ดี หรือ เลวได้อย่างไม่มีอคติ เพื่อนผู้เขียนอธิบายว่า การกินตามน้ำเป็นการรับปัจจัยหรือ อามิสสินจ้างจากผู้อื่น เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับความสะดวกความไม่โปร่งใสในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ให้ เช่น กรณีข้าราชการรับค่าคอมมิสชั่น โดยมิได้ได้เรียกร้อง แต่มีการกระทำจนเป็นประเพณีปฏิบัติโดยอาจเป็นการ  รับเงินประมาณร้อยละ 5-10ของเงินค่าก่อสร้างหรือค่าจัดซื้อจัดจ้าง
ความพยายามของเราเริ่มจากการ "ปลุก" และ "ปลูก" จิตสำนึกให้กับคนในสังคมรอบๆตัวเรา อาจจะมี
คำถามว่าทำไมต้องปลุกจิตสำนึก ปลูกไปเลยไม่ได้หรือ คำตอบคือ "ได้" แต่ไม่ดีนัก ลองนึกถึงการปลูกต้นไม้ แล้วเราไม่ขุดดินพรวนดินเสียก่อน เราจะปลูกต้นไม้ได้อย่างไร จะเอาต้นไม้ไปตั้งบนดินหรือ ต้นไม้ตายแน่นอน ฉันใดก็ฉันนั้น การให้คนรับรู้และยอมรับอะไรก็ตามก็ต้องเริ่มจากการปลุกให้รับรู้เสียก่อน
ทุกวันนี้เราจึงเริ่มปลุกจิตสำนึกคนใกล้ ๆ ตัว เช่น ลูกหลาน เพื่อน ด้วยคำถามตื้นๆว่า คิดอย่างไรกับการ
กินตามน้ำ บางครั้งก็จะโดนเพื่อนตอกกลับมาบ้างว่า ถามคำถามเชยๆ รู้คำตอบอยู่แล้วยังจะถามหาพระแสงอะไร อะไรที่เป็นการกินที่ไม่ใช่ของ ๆ ตนเองไม่ดีทั้งนั้น สำหรับบางคนกินตามน้ำคำโตไปก็อาจสำลักน้ำได้ เลิกถามเสียที คุยเรื่องอื่น เจอประเภทนี้เข้า ต้องผันเรื่องสนทนาชั่วคราว แต่ถ้าเกิดมีคนสนใจ เริ่มมีปุจฉาวิสัชนาต่อปากต่อคำ วลีการกินตามน้ำก็สามารถจะขยายผลออกไปได้อีก เช่น กินตามน้ำเป็นคอร์รัปชันหรือไม่? ถ้าอยู่ในกลุ่มที่คุยกันหลายคนก็จะเริ่มมีการอภิปราย บ้างก็เชื่อว่าเป็นคอร์รัปชัน บ้างก็ลังเล และบ้างก็เหมือนเป็นเรื่องเล็ก  บางครั้งประเด็นกินตามน้ำกลายเป็นประเด็นคอร์รัปชัน ซึ่งก็กลายเป็นภาพขยายความเรื่องคอร์รัปชันไป
มีอยู่หลายคราวที่คนเหล่านั้นเริ่มมีคำถามในการสร้างปัญหาว่า ทำไมต้องใช้คำว่าคอร์รัปชัน ในเมื่อคำ
นี้เป็นภาษาอังกฤษ ในเมื่อมีคำในภาษาไทยว่า "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" หรือ ศัพท์แสลงว่า "ใต้โต๊ะ" "หลังบ้าน"        "ตามน้ำ" "น้ำร้อนน้ำชา"  ก็มีนักเรียนนอกเถียงว่าคอร์รัปชันเข้าใจง่ายดี แล้วก็คนไทยชอบแสดงภูมิปัญญาว่ารู้ภาษาต่างประเทศ เพราะฉะนั้นจะใช้ทับศัพท์ มันจะไปหนักศีรษะใครหรือ บางครั้งวงสนทนาที่ทำท่าจะไปด้วยดีต้องเออ ๆ ออ ๆไป คอร์รัปชันก็คอร์รัปชัน
ถ้าวงยังไม่แตกก็คุยกันต่อได้ว่า แล้วกินตามน้ำเป็นคอร์รัปชันหรือไม่ ก็อย่างที่กล่าวมาแล้วตอนต้น คือ
มีความเห็นได้หลากหลาย ซึ่งตรงนี้เองที่ผู้เขียนพยายามจะบอก เราได้เริ่ม "ปลุก" จิตสำนึก ปลุกความรู้สึกของคนใกล้ตัว ให้เริ่มรู้สึกว่าเรื่อง กินตามน้ำ เป็นเรื่องสำคัญ เราควรเริ่มทำความรู้จักกับมันได้แล้ว พวกที่ลังเลว่าดีหรือไม่ดีจะได้เริ่มคิดต่อ โดยติดตามหาความรู้ ข้อมูลในกรณีตัวอย่างต่างๆให้มากขึ้น พวกที่เชื่อสนิทว่าเป็นเรื่องเล็ก เมื่อมีความเห็นต่างมุม จะได้เริ่มทบทวนความคิด พวกที่เห็นว่าผิดแน่ๆ จะได้เป็นแนวร่วมและหัวพระแสงที่จะรณรงค์ให้เห็นสัจธรรมของการกินตามน้ำอันเป็นคอร์รัปชันอย่างหนึ่งต่อไป แล้วต่อไปจะ "ปลูก" กันอย่างไรต่อไป ไว้คิดกันอีกที
                                        **************************************************
ที่มา : http://www.transparency-thailand.org/thai/watch_th_index.html
view