สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

องคมนตรีเตือนคนไทยอย่าขายที่ดิน

องคมนตรีเตือนสติคนไทยอย่าขายที่ดิน ฝากผู้ว่าฯทั่วประเทศช่วยดูแลชาวไร่ ชาวนา อย่าทอดทิ้งที่ทำกิน เพราะเกษตรกรรมคือต้นธารเศรษฐกิจไทย แนะยืนด้วยขาตัวเอง เศรษฐกิจไทยมีทางออก

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ที่โรงแรมสยามซิตี้ กระทรวงมหาดไทย เปิดโครงการ “ภูมิปัญญาแห่งแผ่นดิน ขยายผลสู่ปวงชนชาวไทย” โดยมีข้อคิดเห็นจากองคมนตรี ต่อวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ เปิดทางรอดที่จะทำให้ประเทศพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ

โดย มี นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทยแถลงเปิดโครงการว่า วัตถุประสงค์ของโครงการเพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดบูรณาการความ ร่วมมือทุกภาคส่วนในจังหวัดในการนำผลสำเร็จของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่อง มาจากพระราชดำหริ ที่ในหลวงทรงพระราชทานพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิจัย ในการแสวงหาแนวทางและวิธีการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในแต่ละภูมิภาคอันเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จ เพื่อขยายผลต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

นายพีรพล กล่าวว่า อยากให้ผู้ว่าฯ และหัวหน้าส่วนราชการทุกจังหวัด จัดตั้งทีมงานขึ้นมา 8-10 คน เพื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทั้ง 6 แห่ง ทั่วประเทศ ประกอบด้วย ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ้าวคุ้งกระเบน จ.นราธิวาส ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ และ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จ.เพชรบุรี จากนั้นให้ผู้ว่าฯ ในฐานะผู้นำทีม ที่ได้รับการคัดเลือกมาจัดทำโครงการนำร่องในพื้นที่ตัวอย่าง จังหวัดละ 1 แห่ง โดยใช้งบประมาณของจังหวัด หรือประสานขอรับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจะมีการรายงานผลทุกๆ 3 เดือน

“ทีมงานในแต่ละจังหวัด ผู้ว่าฯ จะต้องเป็นผู้นำ โดยมีทีมงานด้านเกษตร ประมงรวมถึงหน่วยงานที่จำเป็นร่วมเป็นทีมงาน ส่วนกรอบระยะเวลานั้นจะไม่เร่งทำงานให้เข้าเป้า แต่ขอให้ทำงานอย่างจริงจัง โดยให้ผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ดูปัญหา เช่น ปัญหาการเพาะปลูกเป็นอย่างไร และให้ดูว่าพื้นที่ในจังหวัดส่วนใดสามารถเป็นพื้นที่ต้นแบบของโครงการได้ โดยจะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการมากที่สุด ทั้งนี้ หากจังหวัดใดประสบผลสำเร็จ ทางกระทรวงก็จะเตรียมอะไรสักอย่างให้เป็นรางวัล ซึ่งผมมั่นใจว่าหากผู้ว่าฯ เข้าไปร่วมศึกษาในศูนย์พัฒนาฯ แล้วนำความรู้ออกมาแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เชื่อว่าโครงการจะประสบความสำเร็จ และจะนำโครงการมาขยายผลสู่ชนบทในพ้นที่อื่นๆ ต่อไป” นายพีรพล กล่าว

ด้านศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้บรรยายเรื่อง ”เศรษฐกิจพอเพียงกับกระทรวงมหาดไทย” มีเนื้อหาว่า เวลานี้สังคมไทยอยู่ในสภาพเหมือนคนป่วยไม่สบาย ทุกคนต้องช่วยกันพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ประเทศไทยตอนนี้กำลังเจอผลกระทบวิกฤตการเงินโลก อย่างไรก็ตามวิกฤตซับไพร์มของสหรัฐอเมริกายังมีผลกระทบกับประเทศไทยน้อย ที่หนักคงเป็นกระทรวงแรงงาน แต่อีก 2-3 ปี จากนี้วิกฤตที่ไทยเผชิญอยู่จะเบาบางลง ที่น่าหนักใจมากสุดไม่ใช่วิกฤติการเงิน แต่เป็นวิกฤติ 4 ด้าน ที่มองดูแล้วเป็นวิกฤติระดับโลกที่น่าจะมีผลกระทบกับไทย และแก้ไขได้ยาก

นพ.เกษม กล่าวว่า วิกฤติ 4 ด้าน ที่รู้สึกเป็นห่วง ประกอบด้วย 1.การเพิ่มจำนวนของประชากรทั่วโลก ซึ่งอีก 30 ปีข้างหน้าจะมีประชากรเพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านคน หรือ 2 เท่าของทรัพยากรโลก ทำให้เกิดปัญหาการแย่งชิงทรัพยากร 2.ภาวะโลกร้อน 3.วิกฤติพลังงานที่อีกไม่นานพลังงานทุกอย่างจะต้องหมดไป ซึ่งทางประเทศซาอุดิอาระเบีย ประเทศคูเวต และประเทศผู้ค้าน้ำมัน เริ่มตระหนักถึงวิกฤตินี้แล้ว จึงนำเงินกำไรที่ได้จากการขายน้ำมันหันมาลงทุนด้านการเกษตรมากขึ้น โดยมีการกว้านซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตรในประเทศต่างๆ

และ4.วิกฤติอาหาร เนื่องจากประชากรเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บางพื้นที่เริ่มเพาะปลูกไม่ได้ ทำให้ราคาอาหารแพงขึ้น ดังนั้น จึงขอเตือนให้ประชาชนอย่าขายที่ดิน อย่าให้เช่า แต่ควรทำเอง และขอฝากให้ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศช่วยดูแลชาวไร่ ชาวนา อย่าทอดทิ้งที่ทำกิน เพราะเกษตรกรรมคือต้นธารเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติมั่นคง ถึงแม้จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ประเทศก็จะอยู่รอดได้ไม่เสียหายมาก

“ขอเตือนคนไทยว่าอย่าขายที่ดิน เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำเวลานี้สำหรับประเทศไทยคาดว่าปลายปีหน้าน่าจะดีขึ้น ขณะที่วิกฤติซับไพรม์ที่เกิดขึ้นกระทบไปทั่วโลก แต่ของไทยเราโชคดีน่าจะโดนผลกระทบน้อยที่สุด ที่บอกว่า โชคดี เพราะ 3 ปีที่ผ่านมาเรามีรัฐบาลมาแล้วสามชุด ไม่มีรัฐบาลไหนไปลงทุนกู้เงินต่างประเทศเลย"นพ.เกษมกล่าวและว่า

อยากบอกเจ้าของที่ดินทั่วประเทศว่า เราต้องยึดเอาเกษตรเป็นที่ตั้ง เวลานี้มีการกว้านซื้อที่ดินกันจำนวนมาก ที่อยุธยาฯ มีคนมาคุย เขาถามว่า ขายที่ดินดีไหม เขาให้ราคาจากเดิมถึง 5 เท่าคือจาก ไร่ละ 2 หมื่นบาทเป็นไร่ละ 1 แสนบาท เขาบอกถ้าขายก็ได้เงินเลย 2 ล้านบาท ก็ได้บอกเขาว่าถ้าขายที่ดินไปก็ไม่มีที่อยู่ที่กิน ขายได้เงินแล้วไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ผู้ว่าฯต้องช่วยกันเรื่องนี้คือ บอกให้พวกเขาอยู่กับที่อย่าขายที่เด็ดขาด เราต้องปรับตัวอย่างตัวเลขจีดีพี เราพบว่า เราพึ่งการส่งออก 63 % แต่ถ้าเราปรับลดตรงนี้ลงแล้วให้พึ่งตัวเองให้ได้ ไม่ใช่พึ่งการส่งออกทั้งหมดแบบนี้เป็นอันตราย

ศ.นพ.เกษม กล่าวเสนอทางรอดของเศรษฐกิจไทยว่า ภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญ ต้องลงทุนด้านโลจิสติกส์ในการพัฒนาสินค้าเกษตร เพื่อสร้างโอกาสให้สินค้าเกษตรนำรายได้เข้าประเทศอย่างเช่น มังคุดที่ชุมพรได้ไปเห็นบางปีราคาตกต่ำกิโลกรัมละ 3 บาท ถ้าเกษตรกรปล่อยให้เสียเลย หากส่งออกเอาไปขายที่ต่างประเทศได้กิโลละ 40 บาท

ศ.นพ.เกษม ล่าวอีกว่า อยากฝากให้ผู้ว่าฯ ร่วมมือกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ประจำจังหวัด จัดให้มีการศึกษาภาคบังคับสำหรับชาวนา ชาวไร่ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเกษตรและการแปรรูป ซึ่งหากประชาชนมีการศึกษาที่ดีพอ ก็จะทำให้ประชาชนรู้เท่าทันเศรษฐกิจ และการเมืองมากขึ้น

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่มี ความเป็นห่วงเรื่องชาวต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินในประเทศไทย มีข้อมูลอย่างไร ศ.นพ.เกษม ตอบว่า ”เรื่องนี้ต้องไปถามอธิบดีกรมที่ดินเอาเอง"

view