สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

โพลล์เผยปชช.ต้องการปฏิรูปตำรวจให้ปลอดการเมือง

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


เอแบคโพลล์เผยผลสำรวจ ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ปฏิรูประบบข้าราชการตำรวจ ปลอดการแทรกแซงฝ่ายการเมือง

ดร. นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ภาพลักษณ์ตำรวจไทยกับการเมืองระดับประเทศ : กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 2,231 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 - 20 มกราคม 2552 พบว่า ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 40.8 ระบุในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเคยใช้บริการที่สถานีตำรวจ เช่น แจ้งความ เสียค่าปรับ เป็นผู้ต้องหา พบญาติ และเพื่อน เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 59.2 ไม่เคยใช้บริการ

เมื่อสอบถามถึงประสบการณ์ทางด้านที่ดี (ด้านบวก) ในการใช้บริการที่สถานีตำรวจ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (ค่าร้อยละเฉพาะผู้ใช้บริการ) พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.9 ระบุเจ้าหน้าที่ตำรวจมีมนุษยสัมพันธ์ดี ยิ้มแย้มเป็นมิตรกับประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 76.1 ระบุ ให้บริการดี ให้คำแนะนำที่ดี ร้อยละ 64.8 ระบุเจ้าหน้าที่ขยันและตั้งใจทำงาน ร้อยละ 58.4 ระบุตำรวจเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือประชาชน ร้อยละ 57.2 ระบุเจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยุติธรรม ร้อยละ 53.8 ระบุเจ้าหน้าที่เข้าถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วฉับไว และร้อยละ 41.7 ระบุเจ้าหน้าที่เปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการประเมินผลงานอย่างตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ประสบการณ์ของประชาชนในทางลบที่พบในการทำงานของข้าราชการตำรวจระดับสถานี ตำรวจ คือ ร้อยละ 39.6 จำนวนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ไม่เพียงพอ รองลงมาคือ ร้อยละ 34.7 ระบุตำรวจขาดวัสดุอุปกรณ์ที่ทันสมัย ร้อยละ 16.9 ระบุ ไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส ร้อยละ 14.4 ระบุเจ้าหน้าที่พูดจาคุกคาม ข่มขู่ ร้อยละ 13.9 ระบุประพฤติตัวไม่เหมาะสม เช่น ดื่มสุรา แต่งตัวไม่เรียบร้อย ร้อยละ 9.1 ระบุมีการเรียกรับผลประโยชน์ และ ร้อยละ 5.5 มีการซ้อมผู้ต้องหา ผู้ต้องขัง

แต่เมื่อสอบถามถึงความพึงพอใจโดยภาพรวมจากตัวอย่างทั้งหมดที่เคยมี ประสบการณ์ใช้บริการที่สถานีตำรวจพบว่า ร้อยละ 47.8 พอใจ ร้อยละ 20.5 ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 14.5 ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 9.8 ไม่พอใจ และร้อยละ 7.4 ไม่มีความเห็น

ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.9 ระบุคิดว่า ข้าราชการตำรวจถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองมาโดยตลอดทุกรัฐบาล ในขณะที่ ร้อยละ 25.1 ไม่คิดว่า ถูกแทรกแซงอะไร อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.6 เห็นด้วยว่าควรปฏิรูประบบข้าราชการตำรวจให้ปลอดการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 18.1 ไม่เห็นด้วย และร้อยละ 10.3 ไม่มีความเห็น

ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวด้วยว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาตำรวจอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรง ระหว่างคนไทยด้วยกันเอง แต่ประชาชนที่เคยสัมผัสตรงกับการให้บริการของตำรวจที่สถานีตำรวจส่วนใหญ่ เห็นว่าตำรวจมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นมิตรกับประชาชน ให้บริการและแนะนำที่ดี ถึงแม้ในภาพใหญ่ภาพลักษณ์ของตำรวจจะถูกมองว่าฝ่ายการเมืองในทุกรัฐบาลเข้ามา แทรกแซงการทำงาน โดยมักจะใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือรักษาฐานอำนาจของตนก็ตาม และการแต่งตั้งโยกย้ายก็มีบัญชีเด็กฝากจำนวนมาก แต่หากปล่อยไว้เช่นนี้ ข้าราชการตำรวจทั้งระดับนโยบายและระดับท้องที่จะไม่สามารถมีความเป็นตัวของ ตัวเองในการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาสำคัญของสังคมและมีข้อจำกัดในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนในชุมชนทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมได้ตามอุดมการณ์ของ ตำรวจในอุดมคติ ผลที่ตามมาคือ สามัญชนทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะไม่สามารถเรียกหาความเป็นธรรมและความสงบสุขแท้ จริงจากประตูของกระบวนการยุติธรรมแห่งนี้ ดังนั้น เมื่อพิจารณาข้อมูลผลวิจัยที่ค้นพบครั้งนี้ประกอบกับผลวิจัยที่เคยทำเรื่อง ปฏิรูประบบงานตำรวจ จึงมีข้อเสนอที่น่าพิจารณาร่วมกัน คือ

ประการแรก สำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะเป็นอิสระปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองและกลุ่ม ผู้มีอิทธิพล โดยมีคณะกรรมการระดับชาติเป็นผู้กลั่นกรองการสั่งการที่อาจไม่ชอบของฝ่ายการ เมืองและตรวจสอบการทำงานของข้าราชการตำรวจ และเพื่อให้มีความเป็นกลางทางการเมือง จำนวนสมาชิกของคณะกรรมการที่มีเสียงข้างมากต้องไม่มาจากพรรคการเมืองหรือ กลุ่มการเมืองฝ่ายเดียวกัน นอกจากนี้ คุณสมบัติของคณะกรรมการที่น่าพิจารณาคือภายในระยะเวลา 5 ปีก่อนเป็นคณะกรรมการต้องไม่เคยรับราชการตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใน กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้มีช่องว่างของความสัมพันธ์กับข้าราชการตำรวจในองค์กรพอสมควร นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติน่าจะผ่านการคัดเลือกจากรัฐสภามากกว่าการตัดสินใจ ของฝ่ายรัฐบาลเพียงลำพัง

ประการที่สอง ควรขจัดบัญชีเด็กฝาก หรือเด็กตั๋วจากฝ่ายการเมืองและผู้มีอำนาจต่างๆ ให้หมดไป แต่หันมาใช้การสอบแข่งขันโดยคณะกรรมการจัดทำข้อสอบที่เชื่อถือได้ ประกอบกับระบบอาวุโสและผลงานที่ผ่านมาในอดีตของข้าราชการตำรวจ สร้างระบบคุณธรรมและความเป็นธรรมที่แท้จริงให้เกิดขึ้นในองค์กรตำรวจ

ประการที่สาม ควรมีการประเมินผลงานการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจเป็นระยะอย่างต่อ เนื่อง ทั้งจากภายในและภายนอกองค์กรตำรวจ โดยทำวิจัยสอบถามความเชื่อมั่นและความพึงพอใจต่อการปฏิบัติราชการตำรวจในแต่ ละพื้นที่ของกองบัญชาการต่างๆ จากประชาชนและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ ทนายความ อัยการ และผู้พิพากษา เป็นต้น

view