สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สรรเสริญ จับตา 40 บจ.ธุรกรรมไม่โปร่งใส

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยคนใหม่ "สรรเสริญ นิลรัตน์" เครื่องร้อน จับตา 40 บจ.หวังล้วงลึกเจาะข้อมูล รายการเกี่ยวโยงกัน

นายสรรเสริญ นิลรัตน์ นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยคน ใหม่ กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ ว่า สมาคมจะส่งตัวแทนเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ รวมกว่า 500 บริษัท โดยในจำนวนดังกล่าว มีบริษัทจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 40 บริษัท ที่สมาคมจะดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการสอบถามข้อเท็จจริง เกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือการเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และประสบภาวะขาดทุน

สำหรับ บจ.ทั้ง 40 บริษัทนั้น เป็นจำนวนใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมากกว่า 50% เป็นบริษัทจดทะเบียนเดิมที่เคยมีปัญหาและต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ อาจเพิ่มขึ้นอีก 5-6 บริษัท ทั้งนี้สมาคมจะดูรายละเอียดต่างๆ เช่น ผลประกอบการว่ามีกำไรขาดทุนอย่างไร การดำเนินธุรกิจ และงบการเงิน รวมถึงเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการซื้อขายหมุนเวียนสูงมากกว่าปกติ (เทิร์นโอเวอร์ลิสต์) หรือไม่ ซึ่งหากบริษัทดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลไม่ครบถ้วน ตัวแทนของสมาคมที่เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นอาจสอบถามประเด็นที่สนใจ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน และสบายใจมากขึ้น

“การให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนั้น ฝ่ายจัดการของแต่ละแห่ง มีแผนรับมือกับภาวะเศรษฐกิจอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงที่สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และหากในงบการเงินมีหมายเหตุ สมาคมจะสอบถามข้อมูลให้ละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ ได้หารือกับสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และ บจ. ให้ บจ.สรุปแนวโน้มธุรกิจที่เปิดเผยได้ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า เช่น ราคาสินค้า เพื่อให้เห็นภาพรวมธุรกิจ ให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นำข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ได้แม่นยำมากขึ้น”

ขณะที่นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยจะ ร่วมส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นมีความรู้และแนวทางในการดูแลสิทธิประโยชน์ของตน เองอย่างจริงจัง สร้างความตระหนักรู้ในการปกป้องสิทธิของตนเอง โดยเฉพาะการใช้สิทธิในการประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งในระหว่างเดือนมี.ค.-เม.ย. ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีการจัดประชุมสามัญประจำปีของ บจ. โดยในเดือนเม.ย.นี้ จะมีการจัดประชุมถึงกว่า 400 บริษัท

ทั้งนี้ ตลาดได้ให้การสนับสนุนทั้งด้านข้อมูลเพื่อการทำงานของสมาคม และสถาบันกองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุน ซึ่งเป็นกลุ่มงานที่ตลาดจัดตั้งขึ้นภายใต้โครงสร้างใหม่เพื่อสร้างความเข้ม แข็งแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ยังได้ส่งเสริมงบประมาณกว่า 4 ล้านบาทเพื่อการทำงานร่วมกันในการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้น สนับสนุนการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้ง ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับตราสารใหม่ในตลาดทุนให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วย

"ตลาด เห็นว่าการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ลงทุนรายบุคคลเป็นแนวทางพัฒนารากฐานที่สำคัญของตลาดทุนไทยและพร้อมร่วมสนับสนุนการทำงานของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ส่งเสริมให้มีการดูแลคุ้มครองสิทธิของผู้ถือหุ้นอย่างจริงจัง แนวทางหนึ่งคือเพิ่มความรู้ให้ผู้ถือหุ้นมีทักษะในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือ หุ้นและดูแลสิทธิของตนเองในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากผู้บริหารโดยตรง ในขณะที่ผู้บริหาร บจ.ก็จะได้รับประโยชน์จากการใช้เป็นโอกาสในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการ ดำเนินงานและนโยบายของบริษัทแก่ผู้ถือหุ้น นับเป็นการยกระดับมาตรฐานบรรษัทภิบาลของตลาดทุนไทยที่มีความสำคัญ" นายปกรณ์กล่าว

หุ้นกลุ่มไออีซีดิ่งหลังตลาดเปิดพอร์ตลงทุนสูง

ด้านการเคลื่อนไหวราคาหุ้น ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE) และบริษัทอินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง (IEC) ราคาปรับตัวลงแรง หลังตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า เป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม ที่หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุน แล้วยังมีผลขาดทุนสุทธิ

โดยไลฟ์ ปิดตลาดที่ราคา 0.10 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 16.67% ขณะที่ไออีซี ปิดที่ 0.52 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 1.89%

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า จากงบการเงินสิ้นสุด 31 ธ.ค.2551 พบว่ามี 5 บริษัทเข้าข่าย ต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) เนื่องจากเป็นบริษัทที่ซื้อขายเงินลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ และมีผลขาดทุน หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุน ประกอบด้วย ไลฟ์, ไออีซี, บลิส-เทล (BLISS), บริษัทเจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) และบริษัทซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น (SSE)

ทั้งนี้ในปี 2551 พบว่า ไลฟ์ขาดทุนสุทธิ 253 ล้านบาท แต่เป็นขาดทุนจากเงินลงทุน 80 ล้านบาท ส่วนไออีซี ขาดทุนสุทธิ 1.17 พันล้านบาท เป็นการขาดทุนจากเงินลงทุน 706 ล้านบาท

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ยังระบุว่า บลิสเทล ไลฟ์ และไออีซีมีสัดส่วนการลงทุนระหว่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกต เกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของบลิสเทล, ไออีซี และไลฟ์

แอ๊ดคินซัน ดิ่ง 42%

ส่วน บล.แอ๊ดคินซัน (ASL) วานนี้ เป็นวันแรกหลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ สั่งห้ามการซื้อขายเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.2552 เป็นต้นมาจนกว่ากระบวนการลดทุนจะเสร็จสิ้น โดยเปิดตลาดราคาหุ้นก็ปรับตัวลดลงทันทีอยู่ที่ 0.30 บาท ลดลง 0.26 บาทหรือลดลงกว่า 46% จากราคาปิดก่อนที่จะมีการสั่งห้ามซื้อขายที่ราคา 0.56 บาท และลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 0.28 บาท ก่อนที่จะกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ 0.32 บาทลดลง 0.24 บาทหรือลดลง 42.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 28.52 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า กล่าวว่า การที่ราคาหุ้นแอ๊ดคินซัน ปรับตัวลงแรง เป็นผลกระทบจากการลดทุนของบริษัท เพราะการลดทุนจดทะเบียน เปรียบได้กับการลดมูลค่ากิจการ ซึ่งสะท้อนมาถึงราคาหุ้นที่จะลดลงตาม อย่างไรก็ตาม การลดทุนดังกล่าว จะมีการจ่ายคืนเงินทุนบางส่วนให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.4142 บาท ซึ่งก็ทำให้เงินทุนของบริษัทหายไปค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ หลังการลดทุนแล้ว ผู้ถือหุ้นแต่ละรายจะถูกลดจำนวนหุ้นลงในสัดส่วนเท่ากับ 45.18% จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีแรงขายออกมาเช่นกัน ในสถานการณ์ที่ยังไม่เห็นแนวทางการเติบโตของบริษัทชัดเจนหลังการลดทุนจึงแนะ นำหลีกเลี่ยง

view