สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ดร.สุเมธ เผยรับสั่งในหลวงใครทุจริตขอให้มีอันเป็นไป

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



"ดร.สุเมธ"เผยรับสั่ง "ในหลวง" ทรงเตือนสติสังคมยังบ้าอำนาจ-บ้าเงิน-โกงกิน เคยรับสั่งถึง 3 ครั้ง "ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป"
                 ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สถาบันพระมหากษัตริย์กับพระพุทธศาสนา" ในงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โครงการสมานฉันท์เพื่อความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนา จัดโดยกรมเสมียนตรา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ณ หอประชุมใหญ่ สำนักงานพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม วานนี้(30 พ.คต.)  โดยมีพระภิกษุเข้าฟัง 50 รูป และประชาชน 150 คน

                ดร. สุเมธ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นองค์ศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะโดย แท้ ในขณะที่สังคมสมัยนี้ มีแต่พุทธมามกะโดยรูปฟอร์ม เจอพระสงฆ์ก็ได้แต่กราบและขอหวยอย่างเดียว แต่เรื่องแก่นของธรรมะกลับไม่สนใจ ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาทั้งสิ้น

                ไม่ ทราบว่าเป็นกาลสมัยของโลกหรือเปล่า เพราะตอนนี้โลกทั้งโลกถูกครอบด้วยกิเลสตัณหาทั้งสิ้น ต้นเหตุเกิดจากระบบทุนนิยมซึ่งเป็นระบบแห่งตัณหา ชักจูงให้บริโภคเกิดความอยากตลอดเวลา มนุษย์ก็บริโภคจนจะหมดโลกแล้ว ดิน น้ำ ลม ไฟ จะหมดแล้ว คนทั้งโลกมีประมาณ 6,700 ล้านคน แล้วคนทั้งหมดนี้กำลังนั่งกินโลกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วจะเอาอะไรมาเลี้ยงดู โลกกำลังดำเนินไปสู่ความพินาศ

                " ตั้งแต่วันแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ กระทั่งบัดนี้ 60 กว่าปีแล้ว ทรงพยายามเตือนสติ ทรงปฏิบัติทุกอย่างให้ดูเป็นแบบอย่าง แต่มีใครทำตามบ้าง สังคมก็ยังคงบ้าอำนาจ บ้าเงินทอง โกงกินกันอยู่ทุกวันนี้"

                ดร. สุเมธ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ทรงรู้เรื่องพระพุทธศาสนาลึกซึ้งยิ่งนัก ทรงรับสั่งถึงการบวชว่าเป็นเรื่องที่ดี ทรงยกตัวอย่างพระองค์เอง เมื่อตอนที่ทรงตัดสินพระทัยทรงผนวชนั้น ทรงเข้าไปทูลสมเด็จพระบรมราชชนนีว่าจะทรงผนวชให้สมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงดีพระทัยมาก ทรงรับสั่งว่า "แม่ดีใจมาก พอรู้ว่าเราจะบวช เข้ามากอดเราใหญ่เลย แล้วแม่ก็ยิ้มอย่างที่ไม่เคยยิ้มมานานแล้ว และตั้งแต่วันนั้นมา แม่ก็ยิ้มมาตลอด"

                ซึ่ง ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีทรงประสบความโศกเศร้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สิ้นรัชกาลที่ 8 พระพักตร์นิ่งเฉยตลอด แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงผนวชให้ จากความเศร้าก็เปลี่ยนเป็นความปลื้มปิติ

                ดร. สุเมธ กล่าวว่า ในแง่ของการปกครอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้หลักธรรมภิบาลในการปกครองแผ่นดิน ทรงใช้มา ตลอด 60 กว่าปี ในขณะที่ฝรั่งเพิ่งรู้จักเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่คนไทยกลับเพิ่งมาเห็นคุณค่า เพราะคนไทยบ้าฝรั่ง อะไรที่เป็นของดี ของใกล้ตัวกลับไม่เห็นคุณค่า เป็นกิ้งก่าได้ทอง

                หลักทศพิธราชธรรมเป็นหลักธรรมที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้ ประกอบด้วย 1.ทาน คือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน 2.ศีล  ขอ แค่ศีล 5 ข้อก็ยังดี เพราะเป็นหลักสากลของทุกศาสนา แต่ทุกวันนี้พอเปิดโทรทัศน์ดู แค่ศีล 5 ข้อ ยังไม่ปฏิบัติกัน โกหกหน้าตาเฉย ไม่ขอเอ่ยถึงใคร ไม่อยากยุ่ง เพราะฉะนั้นไม่ปฏิบัติไม่ได้ ถ้าเป็นมนุษย์ต้องยึด ถ้าไม่ยึดก็ไม่ใช่มนุษย์

                3. ปริจจาคะ การสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพราะไม่มีข้าศึกคนไหน สามารถทำให้ประเทศไทยแตกได้ ให้ยิ่งใหญ่หรือทรงพลังแค่ไหน ไม่สามารถทำให้คนไทยแตกได้ คนไทยจะแตกหรือไม่แตก อยู่ที่คนไทยด้วยกันเอง กรุงศรีอยุธยาแตกแต่ละครั้ง แตกเพราะข้าศึกหรือ

                เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีโอกาสไปประเทศรัสเซีย ประเทศที่เป็นต้นตำรับของระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ เมื่อก่อนเคยมีระบบกษัตริย์ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว

                " ตอนนี้คนรัสเซียอยากมีพระเจ้าแผ่นดิน คิดถึงพระเจ้าซาร์ นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงอัญเชิญพระอัฐิของพระเจ้าซาร์มาประดิษฐานในโบสถ์หลวง สถาปนาให้เป็นนักบุญนิโคลัสเพื่อสักการะบูชา ซึ่งก็สายไปแล้ว เพราะได้ทำลายสิ่งที่ตอนนี้ต้องการที่สุดไปแล้ว แล้วของเรามียิ่งกว่านักบุญ ปฏิบัติมาตลอด 60 ปี นักบุญบางคน ผลงานอาจไม่ค่อยเป็นที่ประจักษ์เท่าไหร่ แต่นี่ 60 ปี เราไม่ค่อยจะถนอมกัน แล้ววันนั้นจะเสียใจ ก็ฝากไว้ให้คิด"

                ดร. สุเมธ ยังกล่าวถึงหลักทศพิธราชธรรมข้ออื่นๆ อาทิ อาชชวะ ความซื่อสัตย์สุจริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยรับสั่งว่า ใครทุจริตแม้นิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป ทรงกำชับถึง 3 ครั้ง แสดงว่าทรงเหลืออดแล้ว เพราะทุกวันนี้โกงกินกันชนิดที่เรียกว่า ไม่เห็นหัวเห็นหางหมดทั้งแผ่นดิน ส่วนข้อ อักโกธะ การระงับความโกรธ ยิ่งเป็นคนใหญ่คนโต ผู้บริหาร หัวหน้า โกรธไม่ได้

                " พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เคยทรงโกรธ อาจมีบ้างที่ทรงไม่พอพระทัย แต่ไม่เคยทรงโกรธ เพราะความโกรธไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น แต่จะเป็นอย่างสังคมที่เป็นอยู่ตอนนี้ เห็นว่า เดือนหน้าจะมีอีกแล้ว ยังไม่หมดแรงกัน น่ารำคาญ" ดรสุเมธ ระบุ

                เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวด้วยว่า เป้าหมายการทรงงานหนักของพระองค์ คือ ความเป็นประชาธิปไตย พระองค์ทรงรับสั่งว่า "เหตุผลที่ทรงงานหนักอยู่ทุกวันนี้ เพราะประชาชนยังยากจนอยู่ เมื่อยังยากจนแล้ว เขาก็ไม่มีอิสรภาพเสรีภาพ เมื่อเขาไม่มีอิสรภาพเสรีภาพ เขาจะเป็นประชาธิปไตยไม่ได้"

                จุด หมายปลายทางของพระองค์ คือ เรื่องประชาธิปไตยที่ทุกคนเปล่งกันทุกวันนี้ โดยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เข้าใจแต่ว่าประชาธิปไตยคือเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งที่ความจริงลึกซึ้งกว่านั้น ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนอิ่มท้อง เมื่ออิ่มท้องแล้ว ก็จะมีอิสรภาพเสรีภาพ แต่ถ้าตราบใดที่ประชาชนยังหิว เมื่อ 500 , 1,000 บาทมา เขาก็ไป แล้วก็ไม่เกิดประชาธิปไตยเสียที พระองค์ไม่เคยใช้คำว่าร่ำรวย แต่ทรงใช้คำว่าประโยชน์ ความเจริญ และความผาสุกเท่านั้น


เผยรับสั่งในหลวง ชาติไทยอยู่ได้ เพราะคนไทยยังให้กัน

จาก ไทยรัฐออนไลน์

เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เผยถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันเสียสละ เพื่อทำให้ประเทศไทยอยู่รอด เชื่อไม่มีข้าศึกคนไหนจะทำให้ประเทศไทยแตกได้ จะมีแต่มือคนไทยด้วยกันเอง

วันนี้(30พ.ค.)ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม กรมเสมียนตรา กระทรวงกลาโหม จัดการสัมมนาเชิงปฎิบัติการโครงการสร้างสมานฉันท์เพื่อความมั่นคงแห่งชาติ และพระพุทธศาสนา ในวาระครบรอบ 100 ปี กรมเสมียนตรา โดยนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สถาบันพระมหากษัตริย์กับพระพุทธศาสนา" ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในการปกครองชาติบ้านเมือง มากว่า 60 ปี คือ หลักทศพิธราชธรรมหรือธรรมะ 10 ประการ โดยไม่ต้องใช้หลักธรรมาภิบาลหรือความโปร่งใสเหมือนกับต่างประเทศที่คนไทยไป นิยมยกย่อง โดยไม่รู้ว่าหลักธรรมาภิบาลหรือโปร่งใสจริงๆ แล้ว คือ การทุจริตคอรัปชั่นอย่างโปร่งใส แนบเนียนเหมือนที่หลายรัฐบาลทำกันแล้วอ้างธรรมาภิบาลหรือไม่ ขณะที่ธรรมะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้นมีหลักง่ายๆ คือ ความดีกับความถูกต้อง ใครปฎิบัติธรรมคือปฎิบัติดี ปฎิบัติถูกต้อง แต่คนที่มีหน้าที่ในการบริหารชาติบ้านเมือง กลับไม่ค่อยมีการนำหลักธรรมไปปฎิบัติทำให้ประเทศชาติเกิดปัญหา

เลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสว่าใครทุจริตต่อชาติเพียงนิดเดียวขอให้มีอันเป็นไป แต่ทุกวันนี้ยังมีการทุจริตคอรัปชั่นกันมากมาย จนกลายเป็นวิกฤตการณ์การเมือง เศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายคนที่โกงชาติบ้านเมือง ก็อยู่ประเทศไทยไม่ได้ เพราะเงินได้มาด้วยความไม่ซื่อสัตย์ ลูกหลานก็เดือดร้อนโดนไปด้วย อยู่ไม่เป็นสุข บางครั้งทรัพย์สินเงินทองหรือการกระทำที่ทำลงไปอ้างว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่การโกงไม่ต้องเอากฎหมายมาพูด เพราะเขาเรียกว่าเป็นนักฉวยโอกาสหรือการโกงด้วยจิตสำนึก

“พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสถามเมื่อเร็วๆ นี้ว่า รู้ไหมว่าทำไมชาติไทยถึงอยู่รอดมาได้ และพระองค์ก็ทรงรับสั่งว่า เพราะคนไทยยังให้กันอยู่” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวและว่า เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันเสียสละ เพื่อทำให้ประเทศไทยอยู่รอด ตนเชื่อว่าไม่มีข้าศึกคนไหนจะทำให้ประเทศไทยแตกได้ มีแต่มือคนไทยด้วยกันเอง เมื่อเร็วๆ นี้ตนเดินทางไปประเทศรัสเชีย ซึ่งเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ มีการปฎิวัติโค่นล้มพระเจ้าซาร์ ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ปัจจุบันคนรัสเชียกลับโหยหาอยากมีพระเจ้าซาร์ ถึงขนาดต้องนำกระดูกพระเจ้าซาร์กลับประเทศ แล้วสถาปนาให้เป็นนักบุญ แต่ประเทศไทยเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นยิ่งกว่านักบุญ ปฎิบัติธรรมมาตลอดกว่า 60 ปี แต่คนไทยกลับไม่ถนอมพระองค์ ถึงวันนั้นแล้วจะเสียใจ

view