สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

สตง.จี้คลัง-ตร.ฟันอาญาทุจริตเช่าซื้อยูโรทู500คัน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแจ้งผลการตรวจสอบทุจริตเช่าซื้อยูโรทู500คัน พบว่าโครงการนี้เงินสูงกว่าเงินอนุมัติเกิดความเสียหาย1.59พันล.

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แจ้งผลการตรวจสอบเรื่ององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพทุจริตโครงการจัดเช่าและ จ้างเหมาซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารชั้นเดียวปรับอากาศ (ยูโรทู) ขนาด 12 เมตร จำนวน 500 คัน เพื่อให้ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีอาญาและทางแพ่งกับผู้ที่ทำให้รัฐเสียหาย 1,591,491,250 บาท

ด้วย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบโครงการจัดเช่าและจ้างเหมาซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารชั้นเดียวปรับ อากาศ (ยูโรทู) ขนาด 12 เมตร จำนวน 500 คน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ กระทรวงคมนาคม แล้ว พบว่า คณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. ซึ่งประกอบด้วย

1. นายพงศกร เลาหวิเชียร ประธานกรรมการ

2. นายวันชัย ศารทูลทัต รองประธานกรรมการ คนที่ 1

3. พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ รองประธานกรรมการ คนที่ 2

4. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ กรรมการ

5. นายเรืองนนท์ เรืองวุฒิ กรรมการ

6. นายสมบัติ ธรธรรม กรรมการ

ร่วมประชุมพร้อมได้อภิปรายสนับสนุนผู้เสนอขออนุมัติโดยไม่ได้มีการ พิจารณาว่า คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาได้ปฏิบัติตามข้อบังคับขององค์การขนส่งมวล ชนกรุงเทพ ว่าด้วยการพัสดุหรือไม่ และจำนวนเงินที่ขออนุมัติสูงกว่าเงินตามโครงการตามที่เสนอขอความเห็นชอบ จากกระทรวงคมนาคมและขออนุมัติกระทรวงการคลังหรือไม่ ทั้งๆ ที่คณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. เป็นผู้อนุมัติโครงการ ในการประชุมครั้งที่ 7/2543 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2543 คณะกรรมการบริหารกิจการจึงไม่สามารถอนุมัติโครงการได้

เนื่องจากราคาที่อนุมัติเป็นจำนวนเงินที่สูงจากที่ขออนุมัติตามโครงการ จำนวน 1,591,491,250 บาท ซึ่งต้องเสนอข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบและ กระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติใหม่เสียก่อน เห็นว่าคณะกรรมการฯ ดังกล่าวข้างต้นไม่ได้มีการพิจารณาให้มีความละเอียดรอบคอบต้องรับผิดชอบร่วม กับคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาด้วย สำหรับนางสาวสุภา ปิยะจิตติ ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นกรรมการ ได้คัดค้านไม่ต้องรับผิดชอบ

ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2543 นายพงศกร เลาหวิเชียร ประธานกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. บันทึกถึงนายพีระพงศ์ อิศรภักดี ผู้อำนวยการ ขสมก. ความว่า ในการพิจารณาผลการประกวดราคาการเช่าและจ้างซ่อมบำรุงรักษารถปรับอากาศฯ ของคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. ครั้งที่ 15/2543 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2543 ยังไม่ได้พิจารณาผลกำไรขาดทุน หากมีการเช่ารถดังกล่าว ซึ่งนับเป็นประเด็นสำคัญจึงให้องค์การจัดทำข้อมูลรายละเอียดให้ชัดเจนเสนอ คณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การฯ เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ในชั้นนี้ให้รอการลงนามในสัญญาไว้ก่อน

นอกจากนี้ นายพีระพงศ์ ยังทราบดีว่าเงื่อนไขของกระทรวงการคลังให้คำนึงถึงมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่า ทั้งสิ้นตลอดอายุสัญญาเช่า ซึ่งจะต้องไม่สูงกว่าราคารถโดยสารปรับอากาศหากซื้อด้วยเงินสด ซึ่งยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค.0209.2/29752 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2543 และมติคณะรัฐมนตรี แต่นายพีระพงศ์ อิศรภักดี ไม่ได้ปฏิบัติตาม โดยวันที่ 15 มกราคม 2544 ได้ลงนามสัญญาเช่าและสัญญาจ้างซ่อมและบำรุงรักษารถโดยสารปรับอากาศในนามของ องค์การฯ สูงกว่าวงเงินตามโครงการฯ ที่เสนอขออนุมัติทำให้รายจ่ายรวมสูงกว่าประมาณการผลการดำเนินงานของโครงการฯ ตามหนังสือที่กระทรวงคมนาคมขออนุมัติต่อกระทรวงการคลัง และรายการกำไรสุทธิต้องถูกปรับเปลี่ยนเป็นขาดทุน

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2544 นายพีระพงศ์ ได้รายงานการทำสัญญาต่อคณะกรรมการบริหารกิจการองค์การฯ ในการประชุมครั้งที่ 1/1544 โดยมิได้เสนอบันทึกสั่งการฉบับลงวันที่ 28 ธันวาคม 2543 ของประธานกรรมการบริหารกิจการขสมก. ให้คณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. ทราบในการประชุมดังนี้

การปฏิบัติหน้าที่ของนายพีระพงศ์ อิศรภักดี ผู้อำนวยการ ขสมก. ถือว่าปฏิบัติมิชอบ กล่าวคือ จงใจฝ่าฝืนคำสั่งของนายพงศกร เลาหวิเชียร ประธานกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. และเงื่อนไขของกระทรวงการคลังที่ไม่ให้เช่าราคาสูงกว่าซื้อด้วยเงินสด โดยวันที่ 15 มกราคม 2544 ได้ลงนามสัญญาเช่าและจ้างซ่อมบำรุงรักษารถฯ ในนามของ ขสมก. จำนวน 6 สัญญา เป็นจำนวนเงินรวมเกินกว่าวงเงินโครงการตามที่ได้ขออนุมัติจากกระทรวงการคลัง จำนวน 1,591,491,250 บาท พฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นการทุจริตทำให้รัฐได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ยังพบข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดเช่าและจ้างเหมาซ่อมบำรุงรักษารถ โดยสารปรับอากาศ (ยูโรทู) กล่าวคือ ตามพยานเอกสารค่าเช่าที่บริษัท ธนบุรีมอเตอร์เซลส์ จำกัด ชี้แจงแล้วซึ่งปรากฏว่าราคาเสนอขายสูงไป จำนวน 900,000 บาท และจากพยานผู้ที่จัดซื้อเครื่องยนต์ คัสซี และประกอบตัวถัง และแอร์รถโดยสารปรับอากาศ (ยูโรทู) ราคาคันละไม่เกิน 2,500,000 บาท และค่าเหมาซ่อมต่อคันต่อวัน ที่จัดซ่อมสูงกว่าบริษัท ขนส่ง จำกัด จำนวน 1,200.50 บาท ซึ่งตามความเป็นจริงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศ (ยูโรทู) ที่เป็นรถใหม่รายการค่าจ้างเหมาในปีแรกๆ ไม่มี แต่การจัดทำสัญญาจ้างซ่อมแซมบำรุงรักษารถโดยสารปรับอากาศดังกล่าว องค์การฯ ต้องจ่ายค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาวันที่เริ่มต้นเช่า

พิจารณาแล้วเห็นว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จัดทำสัญญาเช่าและจ้างเหมาซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารปรับอากาศชั้นเดียว (ยูโรทู) ขนาด 12 เมตร จำนวน 500 คัน ตลอดอายุสัญญา 10 ปี เป็นเงิน 9,041,232,500 บาท สูงกว่าวงเงินอนุมัติโครงการฯ ทำให้ทางการได้รับความเสียหายเป็นเงิน 1,591,491,250 บาท

พฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและให้เรียกเงินที่ทางราชการ จ่ายสูงกว่าโครงการที่ขออนุมัติ จำนวน 1,591,491,250 บาท จากผู้รับผิดชอบประกอบด้วยคณะกรรมการเปิดซองและเจรจาต่อรองราคา ตามคำสั่งที่ 366/2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่ 472/2543 443/2543 โดยนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต กับพวกรวม 6 คน คณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. โดยนายพงศกร เลาหวิเชียร กับคณะกรรมการร่วม รวม 7 ท่าน ยกเว้นนางสาวสุภา ปิยะจิตติ ผู้อนุมัติโครงการ และนายพีระพงศ์ อิศรภักดี ผู้อำนวยการ ขสมก. ผู้ลงนามสัญญาจัดเช่าและจ้างเหมาซ่อมแซมบำรุงรักษาชดใช้คืนเงินกับทางราชการ และพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สำหรับเรื่องที่ 1 และที่ 2 ที่ประเด็นการตรวจสอบมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าเป็นการทุจริตได้ส่งสำเนา หนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลับมาก ด่วนมาก ที่ ตผ (คตพ.) 0002/ ลงวันที่ มกราคม 2547 เรื่องดังกล่าวข้างต้นมาเพื่อทราบ

 

view