สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ประวิทย์ แข็งข้อสัญญาช่อง 3 สาทิตย์ ไม่การันตีต่ออัตโนมัติ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์


“สาทิตย์”โยนบอร์ด อสมท ตัดสินใจสัญญาช่อง 3 ยันผลประโยชน์ต้องไม่น้อยกว่าเอกชนรายอื่นที่จ่ายให้ อสมท ย้ำไม่การันตีต่อสัญญาอัตโนมัติ ด้าน'ประวิทย์' ดื้อตาใสอ้างสัญญาที่ทำไว้ 10 ปีที่แล้วเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายลำเลิกบุญคุณตอนขาดทุนไม่เห็นอยากแก้สัญญา พอรายได้มากกลับน้ำลายสอ
       
       ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 1 ก.ค. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าในการต่ออายุสัญญาสัมปทานสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 หลังจากที่สัญญาซึ่งบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ทำไว้กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จะหมดลงในปี 2553 ว่า ทางบริษัทบีอีซีเวิลด์ ได้ทำหนังสือมาถึงคณะกรรมการบริหาร หรือ บอร์ด อสมท แล้ว และบอร์ด อสมท ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาข้อเสนอของบริษัทบีอีซีเวิลด์ ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันต่อไป แต่หลักการคือต้องรักษาผลประโยชน์ของ อสมท ดังนั้น ผลประโยชน์ตอบแทน ก็ควรจะมีในระดับที่คุ้มค่าทางธุรกิจต่อ อสมท เนื่องจากเดิมมีการแก้ไขสัญญาค่าสัมปทานสมัย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ โดยมีการอ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดีเลยต้องตั้งค่าสัมปทานไว้ตายตัว โดยเมื่อไปเทียบกับผลประโยชน์ที่ ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำไว้กับ อสมท เพื่อให้บริการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิกหรือทรูวิชั่น ปรากฏว่าบริษัททรูฯ จ่ายผลประโยชน์มากกว่าเยอะมาก ดังนั้นการต่อสัญญาสัมปทานของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ต้องคิดถึงผลประโยชน์ให้มากเข้าไว้ เพราะ อสมท เป็นบริษัทมหาชน ที่ต้องทำกำไร โดยเบื้องต้นผลประโยชน์ที่ อสมท จะได้รับจากบริษัทเอกชนที่จะมาทำสถานีโทรทัศน์ ช่อง 3 จะต้องไม่น้อยกว่าที่บริษัทเอกชนอื่นให้ไว้
       
       เมื่อถามว่าจะเปิดประมูลเพื่อให้บริษัทเอกชนเข้ามาแข่งขัน แทนที่จะให้บริษัทบีอีซีเวิลด์ต่อสัญญาในลักษณะผูกขาดรายเดียวหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า แล้วแต่บอร์ด อสมท จะพิจารณาอย่างไร แต่การเปิดประมูลใหม่กับให้รายเดิม มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน โดยการให้รายเดิมต่อสัญญา บางอย่างที่ตกลงกัน เขาได้ลงทุนไปก่อนแล้ว ถ้าเป็นรายใหม่เข้ามาก็จะต้องมีวงเงินลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะรับไหวหรือเปล่า เพราะพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำลังจะออกมาบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้วิธีการบริหารสัมปทานสัญญาเปลี่ยนไปอีก
       
       เมื่อถามว่า แสดงว่าการต่ออายุสัมปทานกับช่อง 3 ต้องรอกฎหมายใหม่ใช่หรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า กฎหมายยังไม่แน่จะออกเมื่อใด เผลอๆอาจจะกลางปี 2553 ด้วยซ้ำ ขณะที่สัมปทานจะหมดลงต้นปี 2553 จึงอาจจะต้องพิจารณาสัญญาก่อน ไม่ใช่ว่ารอให้กฎหมายออกก่อนแล้วค่อยต่อสัญญา เพราะจะทำให้เกิดช่องว่างที่คล้ายการต่อสัญญาให้โดยปริยาย ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีก
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ตระกูลมาลีนนท์มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค จะส่งผลต่อการต่ออายุสัญญาสัมปทานหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องตัดสินใจบทพื้นฐานเพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ บอร์ด อสมท ก็จะต้องตัดสินใจบนพื้นฐานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) คงไม่ตัดสินใจว่าใครเป็นพวกใคร
       
       นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงคดีความต่างๆของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า คดีเก่าๆทางบอร์ด อสมท ก็รื้อขึ้นมาดูใหม่ เช่น ที่ดินตาบอดที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตผอ.บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทางบอร์ด อสมท ก็กำลังเจรจากับรถไฟฟ้าเพื่อให้ที่ดินตาบอด กลายเป็นที่ตาไม่บอด เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ส่วนคดีฉ้อโกงของบริษัท ไร่ส้ม ครีเอชั่น จำกัด ซึ่งมีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรรายการข่าวชื่อดังเป็นผู้บริหาร ก็เป็นเรื่องที่มีการดำเนินการทั้ง 2 ข้าง จึงต้องขึ้นอยู่กับการบังคับคดี โดยขณะนี้เรื่องอยู่ที่ทั้งตำรวจและอัยการ
       
       “ประวิทย์”ดื้อตาใสอ้างทำตามสัญญา
       
       นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการบริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือBEC และผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เปิดเผยว่า เรื่องของบีอีซี เวิล์ด ในการต่อสัญญาสัมปทานเพิ่มอีก 10 ปี กับทาง อสมท นั้น ช่วงเวลาที่มีการเจรจาทำสัญญากับทาง อสมท เมื่อ 10 ปีก่อน ถือเป็นสัญญาแบบฟิกซ์เรต มีการพูดคุยถึงค่าตอบแทนที่เหมาะสมแล้ว และทั้งสองฝ่ายต่างก็มองว่าเป็นสัญญาที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่การพิจารณาการต่อสัญญาอัตโนมัติครั้งนี้กลับดูเหมือนช่อง3ได้ประโยชน์ มากกว่า นั่นเพราะเป็นการคิดจากเหตุการณ์ปัจจุบัน ในวันที่ช่อง3มีรายได้มากขึ้น แต่อย่าลืมว่าในความเป็นจริงสัญญานี้ทำขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน และเป็นการพิจารณาเหตุผลทั้งหมดเมื่อ 10 ปีก่อน ต่างฝ่ายต่างก็พอใจในสิ่งตอบแทนและประโยชน์ที่ได้รับทั้งสองฝ่ายแล้ว
       
       นอกจากนี้ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ช่อง 3 ทำตามสัญญาที่ระบุมาโดยตลอดไม่มีบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานีส่งให้ทาง อสมท รวมกว่า 30 สถานี คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท ตามที่สัญญาระบุ ซึ่ง 10 ปีนี้ทางช่อง3 ก็มีเรื่องของการขาดทุนเข้ามา แต่ก็ไม่ได้เรียกร้องให้แก้สัญญากัน แต่พอช่อง3 มีรายได้มากขึ้น กลับมาพูดและจะพิจารณาสัญญากันใหม่ ทั้งที่ความเป็นจริงเราทำตามสัญญาอย่างถูกต้อง เชื่อว่าไม่ว่าจะอย่างไร ข้อตกลงที่ทำไว้แล้วจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
       
       นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางช่อง 3 ได้รับหนังสือจากทาง อสมท แล้ว ว่าได้รับเรื่องของการขอต่อสัญญาอัตโนมัติจากทางช่อง3เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทาง อสมท จะมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อมาพิจารณาถึงค่าตอบแทนกันใหม่ ซึ่งตนพร้อมที่จะเข้าไปเจรจากับทางคณะอนุกรรมการฯชุดนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

view