อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์

ประธานสมาคมธนาคารไทยกล่าวว่า ผลจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้คดีทุจริตเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และถ่ายทอดประสบการณ์ของแต่ละธนาคารจะช่วยป้องกันคดีทุจริตในสถาบันการเงิน ได้ดีขึ้น

“ข้อมูลทุจริตคงไม่มีการกั๊กกันแน่ เพราะไม่เกี่ยวกับการจัดการด้านธุรกิจ เปิดเผยออกมาก็ไม่ได้เป็นผลเสียกับใคร ถือว่าดีเสียอีก ธนาคารอื่นจะได้ไม่เดินทางผิด” นายอภิศักดิ์ กล่าว

นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายบริหารการป้องกันการทุจริต ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบและแนวทางของการตั้งชมรม แต่ต้องอาศัยเวลา เพราะแต่ละธนาคารควรมีศูนย์กลางการทุจริตภายในไว้เป็นศูนย์กลางในการแลก เปลี่ยนข้อมูลระหว่างธนาคารเสียก่อน เพราะผู้ดูแลด้านทุจริตกระจายไปหลายฝ่าย

ปัจจุบันธนาคารที่ตั้งหน่วยงานด้านทุจริตแล้ว ได้แก่ ไทยพาณิชย์และกรุงศรีอยุธยา ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาขอดูโครงสร้างเพื่อนำไปเป็นแบบอย่างในการกำกับระบบธนาคารต่อไป

แหล่งข่าวจากธนาคารแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า เฉพาะความเสียหายจากบัตรเครดิตอยู่ที่ 500-800 ล้านบาทต่อปี โดยบางปีสูงถึงพันล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบันในสมาคมธนาคารได้จัดตั้งคณะทำงานทุจริตด้านเอทีเอ็ม บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน แต่การทุจริตก็ยังเกิดขึ้น ทุกหน่วยงานในธนาคาร

ล่าสุดลูกค้าธนาคารนครหลวงไทย สาขานครสวรรค์ เข้าแจ้งความกับตำรวจหลังทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 50 บาท ที่ฝากไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารหายไป ทั้งที่ตัวเองไม่ได้นำออกมา โดยธนาคารไม่แสดงความรับผิดชอบ

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า ระบบรักษาความปลอดภัยของตู้นิรภัยรัดกุมหลายชั้น พนักงานไม่สามารถนำทรัพย์สินของลูกค้าออกมาได้ เพราะกุญแจทั้งหมดลูกค้าเป็นผู้ถือ ขณะที่ธนาคารจะถือเฉพาะกุญแจมาสเตอร์

ทั้งนี้ น่าสังเกตว่าทรัพย์สิน มีค่าอื่นๆ ของลูกค้ายังอยู่ครบ จึงส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ ซึ่งห้องนิรภัยจะมีกล้องวงจรปิดกระจายจำนวนมาก

รายงานข่าวแจ้งว่า จากอดีตจนถึงปี 2551 มีคดีทุจริตในระบบธนาคารพาณิชย์ 30 คดี มูลค่า 4.69 หมื่นล้านบาท มีคดีถึงที่สุดแล้ว 6 คดี อยู่ในชั้นอัยการ 2 คดี ในชั้นศาล 22 คดี เป็นคดีทุจริตธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ 2 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นคดีการโกงเงินของแต่ละธนาคาร