สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรม : ปัญหาที่แก้ไม่ตก/คอลัมน์ส่องความคิด

จาก โพสต์ทูเดย์
นกน้อยในไร่อ้อย:


หลังจากที่กระแสการทำลายสิ่งแวดล้อมจากโรง งานอุตสาหกรรม ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นร้อนจากกรณีการประกาศเขตควบคุมมลพิษบริเวณมาบตา พุด จ.ระยอง ส่งผลให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต่างๆ เร่งออกนโยบาย และมาตรการเพื่อป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรม

ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมยุคใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีมาตรการให้สถานประกอบการทุกแห่งต้องนำป้ายโลโก้ไปติดหน้าสถานประกอบการ เพื่อเป็นการแสดงว่าโรงงานแห่งนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

มาตรการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อทำให้ชุมชนยอมรับและพร้อมที่จะอยู่ร่วมกับโรงงานได้ และทำให้สังคมเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกละเลย แต่หน่วยงานต่างๆ กำลังเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าบรรดามาตรการต่างๆ ที่ออกมา ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถควบคุมบรรดาโรงงานอุตสาหกรรมให้หยุดทำลายสิ่งแวดล้อม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมตามพื้นที่ว่างเปล่า เพื่อลดต้นทุนการขนส่งกากอุตสาห กรรมไปทำลาย หรือกำจัดอย่างถูกวิธี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่คำสั่งซื้อลดลง รายได้ของสถานประกอบการแต่ละแห่งลดลง ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดภาระค่าใช้จ่ายทุกวิถีทาง จึงยิ่งเป็นแรงจูงใจให้เกิดการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น

นั่นเพราะการกำจัดกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องและถูกวิธีในแต่ละครั้ง จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องนี้ยังไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง

อีกทั้งมาตรการที่ออกมาส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อโรงงานอุตสาหกรรม แต่ไม่ได้ควบคุมการปฏิบัติจริง

ขณะที่ตัวเลขการประเมินการปล่อยมลพิษของโรงงานอุตสาหกรรมที่มีค่าการ ปล่อยมลพิษลดลงนั้น ก็มาจากการตรวจวัดจากของเสียที่ปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เช่น น้ำเสีย ปริมาณมลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง เป็นต้น

แต่ยังไม่มีใครมาดูแลกระบวนการการกำจัดขยะอุตสาหกรรม ที่โรงงานต้องทำร่วมกับบริษัทขนส่งกากอุตสาหกรรมไปยังบริษัทรับกำจัดกาก อุตสาหกรรมเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชุมชนที่อยู่ใกล้กับบริเวณที่มีการลักลอบ ทิ้งกากอุตสาหกรรมได้รับความเดือดร้อน ทั้งจากมลพิษทางกลิ่น อากาศ และน้ำ ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างจริงจัง และไม่สามารถจับตัวผู้กระทำความผิดได้อีกด้วย จึงทำให้มีผู้กระทำผิดมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐจึงต้องเข้มงวดในการดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดการลักลอบทิ้ง กากอุตสาหกรรมอีก โดยการตรวจสอบเส้นทางการขนส่งขยะอุตสาหกรรมที่มีการขนส่งเป็นประจำ ตรวจเช็กเส้นทางการ เดินรถของแต่ละบริษัท หรือการให้รางวัลนำจับแก่คนในชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษ

ขณะเดียวกันบริษัทเอกชนทั้งตัวโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทขนส่ง และบริษัทกำจัดกากอุตสาหกรรม คงจะต้องมีจิตสำนึกในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้ อย่างแท้จริง และไม่ใช่แค่ชุมชนที่อยู่ใกล้กับโรงงานเท่านั้น แต่รวมถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศด้วย

view