สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กางผลสอบวิสิฐ ตันติสุนทร ไม่พบอินไซด์ กบข.ไม่เสียหายเป็นตัวเงิน แต่ขาดธรรมาภิบาล

จาก ประชาชาติธุรกิจ


รายงานข่าวจากกบข.แจ้งว่า ตามที่คณะกรรมการ กบข. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดและความเสียหายกรณีนาย วิสิฐ ตันติสุนทร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการ กบข. ถูกกล่าวหาว่า มีการซื้อขายหลักทรัพย์ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รายงานการซื้อขาย หลักทรัพย์ส่วนตัวให้ถูกต้องครบถ้วนตามประกาศ หลักเกณฑ์ และระเบียบว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบัญชีพนักงาน  

คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้วางแนวทางในการสอบโดยพิจารณาข้อเท็จจริงต่อเนื่องจากรายงานผลการดำเนิน งานของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ กบข. และได้แสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมโดยรวบรวมข้อมูลการซื้อขาย ของนายวิสิฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของ กบข. รวมทั้งกระบวนการและขั้นตอนการลงทุนของ กบข. โดยได้มีการสอบถ้อยคำจากผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของกบข.ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเปิดโอกาสให้นายวิสิฐฯ ชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาอย่าง เต็มที่  

เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องพบว่า นายวิสิฐฯ มีการกระทำความผิดตามประกาศและระเบียบของ กบข. อย่างชัดเจนในแต่ละประเด็น ดังนี้

(1) นายวิสิฐฯ ได้ซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 2546-2551 โดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งตามประกาศและระเบียบของ กบข. กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. มีหน้าที่ขออนุญาตต่อฝ่ายธรรมาภิบาล กบข. และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะซื้อขายหลักทรัพย์นั้นเพื่อตนเองได้

(2) นายวิสิฐฯ ได้ซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองในบัญชีรายชื่อที่จำกัดการทำธุรกรรม (Restricted List) จำนวน 1 รายการ ซึ่งตามประกาศและระเบียบของ กบข. กำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. ต้องละเว้นการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าวอย่างเด็ดขาด แม้จะขออนุญาต ก็จะไม่ได้รับการอนุญาต และเนื่องจากนายวิสิฐฯ ไม่ได้ขออนุญาตตาม (1) จึงทำให้มีการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว

(3) นายวิสิฐฯ ได้รายงานการถือครองหลักทรัพย์เพื่อตนเอง และรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อตนเองประจำไตรมาส ไม่ครบถ้วนหลายกรณี โดยมีบางกรณีไม่ได้นำส่งรายงานและบางกรณีนำส่งรายงานล่าช้า ซึ่งตามประกาศและระเบียบของ กบข. นายวิสิฐฯ มีหน้าที่ส่งรายงานในแต่ละไตรมาสเมื่อสิ้นไตรมาสที่มีการซื้อขาย  

นอกจากนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายวิสิฐฯ ได้ซื้อขายหลักทรัพย์หลายรายการที่ซื้อขายในวันเดียวกันหรือวันใกล้เคียงกับ วันที่ กบข. เข้าซื้อขาย ซึ่งมีทั้งที่เป็นการซื้อขายในทิศทางเดียวกันและในทิศทางตรงกันข้ามกับ กบข. เป็นจำนวนมากถึง 78 รายการ แต่เมื่อพิจารณาถึงกระบวนการตัดสินใจลงทุนของ กบข. ในระดับคณะจัดการกลยุทธ์ การลงทุนที่นายวิสิฐฯ เป็นประธาน จะวางนโยบายและกลยุทธ์การลงทุนในภาพรวม รวมทั้งกำหนดสัดส่วนการลงทุนและกลุ่มหลักทรัพย์ แต่การเลือกซื้อขายหุ้นรายตัวและจังหวะเวลาที่จะซื้อขาย เป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการกองทุนที่มีอิสระในการตัดสินใจ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่า นายวิสิฐฯ เข้าไปรับรู้ข้อมูลในระบบลงทุนของ ผู้จัดการกองทุน จึงเห็นว่า การที่นายวิสิฐฯ ซื้อขายในวันเดียวกันหรือวันใกล้เคียงกับวันที่ กบข. เข้าซื้อขาย ไม่ได้แสดงว่า นายวิสิฐฯ มีการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนของ กบข. หรือสั่งการให้ กบข. ไปทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง  

ในส่วนเกี่ยวกับการพิจารณาความเสียหายต่อ กบข. จากการกระทำความผิดของนายวิสิฐฯ นั้น เห็นว่า การซื้อขายของนายวิสิฐฯ ที่ไม่ได้ทำตามระเบียบดังกล่าว เป็นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และเป็นหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง มีปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของนายวิสิฐฯ ในแต่ละครั้งมีปริมาณไม่มากเมื่อเทียบกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของ กบข. จึงไม่ส่งผลให้ กบข. ต้องซื้อหลักทรัพย์ใดในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดหรือต้องขายหลักทรัพย์ใด ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด เมื่อพิจารณาจากสภาพตลาดโดยรวมในขณะนั้น ทำให้ไม่อาจสรุปว่า กบข. ได้รับความเสียหายที่เป็นตัวเงินในการลงทุนดังกล่าว  

อย่างไรก็ตาม กบข. เป็นองค์กรที่มีสมาชิกซึ่งเป็นข้าราชการเป็นจำนวนมากหลากหลายประเภท และ กบข. มีหน้าที่ในการบริหารเงินของสมาชิกและของรัฐ จำนวนมาก ความน่าเชื่อถือขององค์กรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นในการบริหารงานของผู้บริหารของ กบข. จึงจำเป็นต้องระมัดระวังมิให้เกิดข้อครหาใดๆ หรือความขัดแย้งระหว่างผลประโยชน์ขององค์กรกับผลประโยชน์ส่วนบุคคล ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของสมาชิกและของรัฐ โดยผู้บริหารของ กบข. จะต้องมี จรรยาบรรณและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงาน กบข. และองค์กรอื่นๆ ในด้านธรรมาภิบาล การที่นายวิสิฐฯ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการ กบข. ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของ กบข. ได้ละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบและประกาศของ กบข. ที่เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และการรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ใช้ บังคับโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น การป้องกันข้อครหาและความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ขององค์กรกับผลประโยชน์ส่วนบุคคล จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และแม้ความผิดดังกล่าวจะไม่สามารถประเมินความเสียหายเป็นตัวเงินได้ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของสมาชิกต่อระบบการบริหาร จัดการของ กบข. รวมทั้งมีผลเสียหายต่อชื่อเสียงของ กบข. อีกด้วย  

นอกจากนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน กบข. ในการตรวจสอบและติดตามเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อบัญชีของพนักงาน กบข. และความเหมาะสมของนโยบายการให้เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. พนักงาน กบข. และคู่สมรสสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งอาจก่อให้เกิด ข้อสงสัยเกี่ยวกับการขัดกันของผลประโยชน์ขององค์กรกับผลประโยชน์ส่วนบุคคล ด้วย  

นายสุจินดา สุขุม ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กบข. กล่าวว่า หลังจากนี้ทางคณะกรรมการ กบข.ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานดูแลการดำเนินความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ทางชื่อเสียงกับ กบข. โดยให้คณะอนุกรรมการกฎหมายพิจารณาและส่งต่อให้คณะกรรมการ กบข. นอกจากนี้คณะกรรมการยังพิจารณากรณีการคัดสรรบุคคลที่จะมาเป็นเลขาธิการ กบข.คนใหม่จะต้องไม่เคยมีการลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากในการหาบุคคลดังกล่าว จึงอาจมีการทบทวนคุณสมบัติในข้อนี้

view