สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

บอร์ดธอส.ชี้โกง499ล้านทำคนเดียว ตั้ง ชัยเกษม สอบเอาผิดจนท.ละเลย ผู้บริหาร-พนง.อยู่ในข่าย10คน

จาก ประชาชาติธุรกิจ



บอร์ดธอส .ถกเครียดเกือบ 7ชั่วโมง พิจารณาสอบ กรณี"สมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช"พนักงานธนาคาร ยักยอกทรัพย์มูลค่า 499 ล้านบาท ลงมติทำผิดคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมกระทำ พร้อมตั้ง "ชัยเกษม นิติสิริ"สอบผู้บริหารระดับสูงให้เวลา 30 วัน ผู้บริหาร-พนง.อยู่ในข่าย 10 คน ละเลยไม่ได้ปฏิบัติจนเกิดความเสียหาย

นายนริศ ชัยสูตร ประธานกรรมการ ธนาคาร อาคารสงเคราะห์(ธอส.)เปิด เผยเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ว่า บอร์ดได้ใช้เวลาประชุมเกือบ 7 ชั่วโมง ในการพิจารณาผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ยักยอกทรัพย์มูลค่า 499 ล้านบาท เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยบอร์ดมีมติคือ การกระทำความผิดของนายสมเกียรติ ไม่มีผู้ร่วมกระทำ ซึ่งธนาคารได้ดำเนินการร้องทุกข์แจ้งความและส่งเรื่องไปยังสำนักงานคณะ กรรมการป้องกันการทุตจริตแห่งชาติ (ปปช.) เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ผลสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งจากพยานบุคคลและเอกสาร สามารถสรุปได้ว่า
การทำทุจริตดังกล่าวแบ่งเป็น  2  วิธี คือ
1) การปลอมสลิปเพื่อถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้า จำนวน  36.5 ล้านบาท 
2) การสร้างรายการจากดอกเบี้ยจ่ายของธนาคาร จำนวน 499.27 ล้านบาท 
แยกเป็น ดอกเบี้ยจ่าย สำนักพระราม 9 จำนวน 454.03 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่าย สาขาเซ็นต์หลุยส์ 3 จำนวน 45.24 ล้านบาท  
สาเหตุที่นายสมเกียรติ ทำทุจริตได้สำเร็จ มีมูลค่าสูง และต่อเนื่องเวลานาน มาจากสาเหตุ  3 ประการ คือ
1. การผ่อนปรนเงื่อนไขของขั้นตอนการทำงานในระบบ CBS ใหม่
2. การละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมกำกับดูแลงานปกติของธนาคาร (Normal operation) ของผู้ที่รับผิดชอบ และ
3. ความไม่พร้อมของพนักงานและระบบต่างๆที่ใช้ในการตรวจสอบ เมื่อเริ่มใช้ระบบ CBS ใหม่
นายนริศกล่าวต่อว่า กลุ่มที่ไม่ ปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นสาเหตุให้เกิดการทุจริต ประกอบด้วย ผู้บริหาร พนักงานที่มีหน้ารับผิดชอบและมีระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้ แต่ละเลยไม่ได้ปฏิบัติ รวมถึงกลุ่มพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปรับเปลี่ยนระบบคอร์ แบงกิ้ง ซึ่งก่อให้เกิดสาเหตุข้างต้นซึ่ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ตระหนักถึงผลกระทบต่อการบริหาร จึงกำหนดผู้รับผิดชอบตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ มีผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารและพนักงานอยู่ในข่าย 10 คน โดยคณะกรรมการได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะรับไปดำเนินการทาง วินัยต่อไป คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน
  สำหรับผู้บริหารระดับสูงที่อาจเกี่ยวข้อง คณะกรรมการมีมติมอบหมายให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบประสิทธิภาพ โดยมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นประธานคณะทำงาน และให้คัดเลือกบุคคลเข้ามาร่วมเป็นกรรมการภายในสัปดาห์หน้า เพื่อรายงานผลการสอบสวนให้กรรมการทราบเป็นระยะๆ โดยจะตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไรขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการ แต่ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดทางอาญาได้ เพราะเป็นสัญญาว่าจ้าง โทษสูงสุดจึงเป็นเพียงการเลิกจ้างเท่านั้น
“ทางคณะกรรมการจะเสนอรายงานสรุปข้อเท็จจริงให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลังทราบต่อไป ส่วนการติดตามทรัพย์สินได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามทรัพย์สินดังกล่าวคืนได้แล้ว 253.9 ล้านบาท ยังเหลือส่วนที่ธนาคารได้รับความเสียหายอีก 250 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า การทุจริตดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับลูกค้าของธนาคารแต่อย่างใด เพราะถือเป็นการลักทรัพย์ธนาคารโดยตรง และยืนยันว่า ขณะนี้ ฐานะการเงินของธนาคารมีความมั่นคง มีทุนเพียงพอที่จะดำเนินงานต่อไปในอนาคต”นายนริศกล่าวและว่า ธนาคารได้ปรับปรุงกระบวนการทำงานในขั้นตอนปฏิบัติให้มีความรัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต   ทั้งนี้ ยอดเงินกระทำทุจริต 499 ล้านบาท ทางธนาคารและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามเงินสด และสินทรัพย์ต่างๆ ที่นายสมเกียรติ ปัญญาวรคุณเดช ถือครอบครอง
เงินการกระทำทุจริต จำนวน 253.9 ล้านบาท แบ่งเป็น
เงินสด 201 ล้านบาท
บ้านพร้อมที่ดิน 28.9 ล้านบาท
ห้องชุด 2.2 ล้านบาท
รถยนต์ 4 คัน 11.8 ล้านบาทและ
ทรัพย์สินอื่นๆ 10 ล้านบาท
ซึ่งรวมสุทธิแล้ว ขณะนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับความเสียหายประมาณ 250 ล้านบาท

view