จากประชาชาติธุรกิจ
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 กันยายนว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้จับกุมตัวนายปยุฒ อนันตสิทธิกุล อายุ 34 ปี ในข้อหา เป็นผู้สนันสนุนให้มีการฝ่าฝืนข้อห้ามในการซื้อขายหลักทรัพย์ โดยอำพรางให้บุคคลทั่วไปหลงผิดไปว่า หุ้นของบริษัทชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท CWT ทั้งนี้ ในช่วงเกิดเหตุมีการซื้อขายกันจำนวนมาก อันทำให้การซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด ซึ่งในสภาพปกติ จะซื้อขายกันประมาณกว่า 10,000 หุ้น แต่เปลี่ยนไป ซื้อขายกันประมาณ1.3 ล้านหุ้น และราคาซื้อขายก็เปลี่ยนไป แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติซึ่งมีนัยสำคัญ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 243ผ1)(2)และมาตรา 244 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2ปี หรือปรับไม่เป็นเงินไม่เกินสองเท่าของผลประโยชน์ที่บุคคลนั้นๆได้รับไว้ หรือพึงจะได้รับ ทั้งนี้ต้องไม่น้อยกว่าห้าแสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
คดีนี้เกิดระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม 2547 ถึง 9 กุมภาพันธ์ 2548 โดยผู้ต้องหาเป็นผู้สนับสนุน ให้เจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทหลักทรัพย์บริษัทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีส่วนรู้เห็นหรือตกลงกับบุคคลอื่นส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ของ CWT ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการฟอกหนัง ในลักษณะอำพรางให้บุคคลทั่วไปหลงผิดไปว่าในช่วงเวลาดังกล่าว หุ้นของ CWT มีการซื้อขายกัน และราคาของหุ้นได้เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีการซื้อขายกันในลักษณะต่อเนื่อง ไม่ตรงกับสภาพปกติของตลาด พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ขออนุมัติต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับผู้ต้องหา หลังจากนั้นจึงได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีดังกล่าว ส่วนความเสียหายในคดีนี้มีมูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท
ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำผิดกรณีการสร้างราคาหุ้น CWT
จากเวปไซต์ของก.ล.ต
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2551 ก.ล.ต. กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษให้ดำเนินคดีกับนางสาวกนกวรรณ ทิพยเทอดธนา และนายปยุฒ
อนันตสิทธิกุล ในฐานสร้างราคาหุ้นบริษัทชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CWT)
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการตรวจสอบพบสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติของหุ้น CWT ช่วงปลายปี 2547
ถึงต้นปี 2548 อันเนื่องมาจากการซื้อขายของบุคคลกลุ่มหนึ่ง ก.ล.ต. จึงได้เข้าตรวจสอบ และพบว่าบุคคลกลุ่มดังกล่าวซื้อขายหุ้น CWT ในลักษณะ
อำพรางและต่อเนื่อง เพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดไปว่าหุ้นดังกล่าวมีการซื้อขายกันมากและราคาของหุ้นเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไม่ตรงต่อสภาพปกติ
ของตลาด โดยการซื้อขายหุ้นของบุคคลกลุ่มดังกล่าวมีนางสาวกนกวรรณ ทิพยเทอดธนา ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน (เจ้าหน้าที่การตลาด) ของ
บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ส่งคำสั่งให้ นอกจากนี้ นางสาวกนกวรรณยังได้ซื้อขายหุ้นCWT ร่วมกับบุคคลกลุ่มดังกล่าวอีกด้วย
โดยใช้วิธีซื้อขายหุ้นผ่านบัญชีของนายปยุฒ อนันตสิทธิกุล ในลักษณะที่ทำให้เกิดสภาพผิดปกติ ซึ่งการกระทำของนางสาวกนกวรรณดังกล่าว
เข้าข่ายเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 243 (1) (2) และมาตรา 244 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นางสาวกนกวรรณ
จึงมีความผิดต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ และนายปยุฒในฐานะผู้สนับสนุนมีความผิดต้องระวางโทษ
ตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษนางสาวกนกวรรณ
และนายปยุฒต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้พิจารณาสอบสวนและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้สั่งเพิกถอน
การให้ความเห็นชอบเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนางสาวกนกวรรณด้วย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2551
สำหรับบุคคลกลุ่มที่นางสาวกนกวรรณส่งคำสั่งซื้อขายให้ในลักษณะที่ทำให้หุ้น CWT มีสภาพการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติ คณะกรรมการ
เปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับในความผิดตามมาตรา 243 (1) (2) และมาตรา 244 ไปก่อนหน้านี้แล้ว
บอร์ด DSIเดินหน้าสอบสวนเชิงลึก คดีปั่นหุ้น CWT เดินหน้า
จากเวปไซต์ meechaithailand.com
รายงานข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิด เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้พิจารณารับคดีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องโทษกล่าวทุกข์ น.ส.กนกพรรณ ทิพยเทอดธนา ที่กระทำผิดฐานทำการซื้อขายหุ้นบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) โดยอำพรางให้บุคคลอื่นหลงผิดตามมาตรา 244 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เป็นคดีพิเศษแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2551 ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษต่อ DSI ให้ ดำเนินคดีกับ น.ส.กนกพรรณ ทิพยเทอดธนา เจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติง) ของ บล.พัฒนสิน และนายปยุฒ อนันตสิทธิกุล ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีฐานสร้างราคาหุ้นบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) หลังตรวจพบว่าสภาพการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติในช่วงปลายปี 2547 ถึงต้นปี 2548 จาก บุคคลกลุ่มหนึ่งในลักษณะอำพรางและต่อเนื่อง เพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงผิดว่าหุ้นมีการซื้อขายกันมาก ทำให้ราคาขึ้นแรง สำหรับการซื้อขายหุ้นของ CWT ในระยะนี้ หลายรายการเป็นการปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายใน เพื่อที่จะรวบหุ้นให้ได้มากที่สุดเพื่อเตรียมพร้อมขยายธุรกิจในอนาคต รายงานข่าวจาก ก.ล.ต. เปิดเผยว่า บริษัท ไชยดียิ่ง ได้รายงานการซื้อหุ้น CWT จำนวน 4.98 ล้านหุ้น หรือ 10.87% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งทำให้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 11.76 ล้านหุ้น หรือ 25.64% ทั้งนี้ บริษัท ไชยดียิ่ง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ CWT ซึ่งได้รับซื้อหุ้นโดยการเจรจาตรงกับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท 2 รายที่ไม่ประสงค์จะถือหุ้นต่อไปอีก คือ น.ส.กชพรรณ ภัทราทรัพย์ ซึ่งถือจำนวน 2.89 ล้านหุ้น และ Mr. HUANG QIUSHENG ที่ถืออยู่ 2.09 ล้านหุ้น โดยบริษัท ไชยดียิ่ง ไม่ต้องการที่ จะทำคำเสนอซื้อหุ้นเพื่อครอบงำกิจการ และจะลดสัดส่วนหุ้นลงให้ต่ำกว่า 25%
