สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จนท.ดีเอสไอชนอธิบดี ถ่วงคดีบุกรุกป่าเชียงราย เตรียมส่งป.ป.ช.สอบ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



ดีเอสไอป่วนหนัก พนักงานสอบสวนคดีนายทุนบุกรุกเชียงรายถอนตัวจากคดี รับไม่ได้ถูกแทรกแซง ฮึดสู้ร้องป.ป.ช.สอบอธิบดีดีเอสไอ

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 17 ก.ย. พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ ออกแถลงการณ์เปิดใจกับสื่อมวลชน ว่า รับไม่ได้กับผู้บริหารดีเอสไอ ที่สั่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับประจักษ์พยานและเป็นพยานสำคัญ เพียงปากเดียวในคดีบุกรุกป่าสบกก จ.เชียงราย ที่ให้การยืนยันว่า บรรดากลุ่มนายทุนที่ตกเป็นผู้ต้องหาเคยเข้าไปดูพื้นที่ที่มีการบุกรุกมาก่อน เพราะหากแจ้งข้อหากับพยานดังกล่าว พยานก็จะตกเป็นผู้ต้องหา และเมื่อศาลประทับฟ้องผู้ต้องหาจะตกเป็นจำเลยทันที ซึ่งตามกฎหมาย ห้ามมิให้โจทก์อ้างจำเลยเป็นพยาน คดีก็ขาดพยานหลักฐานที่จะเอาผิดกับนายทุน พยานถูกข่มขู่คุกคามจนต้องหนีออกนอกพื้นที่และร้องขอรับการคุ้มครองพยานจากดีเอสไอ

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีบุกรุกป่าสบกกฝั่งขวา ดีเอสไอได้ สอบสวนจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องทั้ง 22 คน ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 51 แต่จนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปนาน 15 เดือน อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยังมิได้มีการสั่งคดีแต่ประการใด คงมีแต่คำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมในหลาย ๆ ประเด็น อาทิเช่น ขอให้ประสานผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศไปตรวจสอบ โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่าที่เกิดเหตุเป็นเขตป่าสงวนหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่คดีมีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอรับฟังได้แล้วว่า พื้นที่บุกรุกอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญศาลฯ แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติตามคำสั่งด้วยการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ รวมทั้งการสอบสวน ดร. วิฑูรย์ ชลายนนาวิน ผู้เชี่ยวชาญของศาลในทางวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ สำนักงานศาลยุติธรรม ในที่สุด ดร.วิฑูรย์ ได้มีความเห็นยืนยันว่า พื้นที่ถูกบุกรุกอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่อธิบดีดีเอสไอ ก็ยังไม่ยอมรับในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว และขอให้นัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป่าไม้ , กรมที่ดิน , สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมพิจารณาอีกครั้ง ในที่สุดแม้ผู้แทนหน่วยต่าง ๆ ล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า พื้นที่บุกรุกอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ แต่อธิบดีดีเอสไอ กลับไม่ยอมรับมติที่ประชุมดังกล่าว และได้พยายามสั่งการด้วยวาจาอีกหลายครั้งให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา ประชุม เพื่อขอความเห็นเดิม ๆ ว่า พื้นที่บุกรุกเป็นป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่

พ.อ.ปิยะวัฒก์ กล่าวอีกว่า ต่อมาผู้บริหารดีเอสไอได้ สั่งให้ดำเนินคดีกับชาวบ้านและประจักษ์พยานสำคัญเพียงคนเดียวที่ให้การยืน ยันว่า กลุ่มนายทุนผู้ต้องหาเคยเข้าไปดูพื้นที่ที่มีการบุกรุกมาก่อน

“ นี่หรือคือจริยธรรมของผู้บริหารดีเอสไอ คณะพนักงานสอบสวนเห็นว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมิอาจปฏิบัติตามได้ คำให้การพยานสำคัญรายนี้นับว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก และเพราะคำให้การของพยานสำคัญรายนี้ที่ศาลใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้ออกหมายจับ กลุ่มนายทุนและทนายความ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ด้วย"

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประวิงคดีจนเป็นเหตุให้คดีล่าช้าออกไป ทั้ง ๆ ที่สำนวนมีพยานหลักฐานเพียงพอฟ้องแล้ว เข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนจึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษอธิบดีดีเอสไอ ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว

“ คณะพนักงานสอบสวนขอยืนยันว่า ได้มุ่งมั่นทำคดีนี้อย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้วบนพื้นฐานของความถูกต้อง และคุณธรรมโดยไม่หวั่นเกรงต่ออิทธิพลใด ๆ แม้จะมี สส.ในพื้นที่บางคนเข้ามาคุกคามพนักงานสอบสวนบางคนโดยอ้างถึงอธิบดีดีเอสไอ ทำให้ประจักษ์พยานสำคัญถูกข่มขู่คุกคามจนต้องหนีออกนอกพื้นที่ ความลับในสำนวนรั่วไหลไปถึงผู้ต้องหา ทำให้มีความพยายามร้องขอให้เปลี่ยนตัวนาย ภิญโญ ทองชัย หัวหน้าพนักงานสอบสวน และผมอยู่ตลอดเวลา แต่คณะพนักงานสอบสวนได้ยึดมั่นและยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องตลอดมา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดินให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยนี้ตลอดไป และจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของผู้ใดทั้งสิ้น ที่จะใช้อำนาจในการสั่งการให้กระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ซึ่งหากปฏิบัติตามคำสั่งที่ไร้ซึ่งจริยธรรมดังกล่าว ในที่สุดคณะพนักงานสอบสวน อาจต้องรับโทษเสียเองเพราะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและให้ความช่วยเหลือผู้ กระทำผิด จึงจำเป็นต้องถอนตัวออกจากการเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในคดีนี้ และขอยืนยันว่า ที่ถอนตัวนี้มิใช่เพราะเกรงกลัวอำนาจหรืออิทธิพลใด ๆ เพราะต่อสู้กันมามากพอแล้ว และจะไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของบุคคลใด ๆ ทั้งสิ้น ” พ.อ.ปิยะวัฒก์กล่าว

view