จาก เดลินิวส์ออนไลน์
อ.สุเทพ พงษ์พิทักษ์
มีผู้อ่านได้สอบถามว่า กรณีบุคคลธรรมดาทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ทั้งในนามส่วนตัว และในนามขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังประกาศกำหนด ตามมาตรา 47 (7) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร จะสามารถนำเงินที่ได้ทูลเกล้าฯถวายนั้นไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ และในกรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ทั้งในนามส่วนตัว และในนามขององค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศกำหนดดังกล่าว จะนำเงินบริจาคไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้หรือไม่ อย่างไร
เกี่ยวกับเรื่องนี้ กรมสรรพากรได้เคยมีแนวคำตอบข้อหารือ ตามหนังสือกรมสรรพากรเลขที่ กค 0706/7026 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม 2547 ซึ่งถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่พึงปฏิบัติตามได้เป็นอย่างดียิ่ง ดังนี้
กรณีบุคคลธรรมดาทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ในนามองค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนด ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ในประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่า เพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4)(ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 เช่น โครงการแก้วตา ดวงใจ เทิดไท้ 72 พรรษามหาราชินี เข้าลักษณะเป็นการบริจาคเงินให้แก่องค์การ หรือสถานสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร มีสิทธิหักลดหย่อนภาษีได้ ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
ดังนั้น กรณีทูลเกล้าฯถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ทั้งในนามส่วนตัว จึงพิจารณาได้ว่า ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินบริจาคที่จะนำไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคล ธรรมดาตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ได้
สำหรับกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย เข้าลักษณะเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ จึงมีสิทธินำเงินดังกล่าวมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี เงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร.
