สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ข้าวฮาง...อารมณ์ดี ทานอิ่ม สุขภาพดี ป้องกันโรค

จากประชาชาติธุรกิจ



ข้าว... นอกจากจะเป็นอาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตแล้ว ในอดีตคนโบราณยังใช้ข้าวเป็นยารักษาโรค จนมาถึงปัจจุบันคนรุ่นลูกรุ่นหลานก็ได้นำ ภูมิปัญญาจากหมอยาชาวบ้านมาพัฒนาต่อยอดจากข้าวฮาง... ข้าวที่คนโบราณใช้เป็นยารักษาโรค มาเป็นผลิตภัณฑ์ จากข้าว เมื่อทานแล้วช่วยให้สุขภาพดีและป้องกันโรค

ถือเป็นการสร้างมูลค่า เพิ่มจากภูมิปัญญาบ้านอีกแขนงหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่ชาวนาที่ช่วยยกระดับราคาขายให้สูงขึ้น ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะได้เปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวจากการใช้ปุ๋ยเคมีมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ แถมยังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้ถูกลง ช่วยสร้างงานในหมู่บ้านให้คนแก่คนเฒ่ามีรายได้ ฯลฯ และสุดท้ายสามารถสร้างธุรกิจระดับชุมชน ในการสร้างสินค้าใหม่ที่มีวัตถุดิบจากข้าวออกสู่ตลาดให้คนไทยได้บริโภค

......

แต่ กว่าจะมาถึงวันนี้ กลุ่มเกษตรกรกลุ่มนี้ใช้เวลากว่า 7 ปี ตั้งแต่การเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเอง เปลี่ยนวิธีคิดชาวบ้าน เสริมภูมิรู้ ด้านการผลิต การตลาด จนสามารถสร้างแบรนด์ข้าวแปรรูปเพื่อสุขภาพออกสู่ตลาด

ณัฏ ฐ์นรี วงศ์เอี่ยมสิริ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปข้าวเพื่อสุขภาพ ต.หนองไผ่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เจ้าของแบรนด์ข้าวอารมณ์ดี (Smile Rice) เล่าว่า กว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากข้าวภายใต้แบรนด์ "อารมณ์ดี" รวมแล้วใช้เวลากว่า 7 ปี ตั้งแต่การเปลี่ยนวิธีคิด วิถีชีวิตของตนเอง จากที่เคยทำงานในเมือง แล้วกลับไปอยู่บ้านเพื่อดำรงอาชีพเป็นชาวนาเหมือนกับคนรุ่นพ่อรุ่นแม่

"เมื่อ 7 ปีที่แล้วตัดสินใจกลับบ้านไปทำนาเพราะอยากดำเนินรอยตามแนวคิดเศรษฐกิจพอ เพียงของในหลวง ซึ่งตอนเริ่มทำปีแรกก็พบปัญหาเยอะพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของรายได้ที่หายไปเยอะมาก ยกตัวอย่างที่บ้านมีที่นา 30 ไร่ ปลูกข้าวได้ปีละ 1 ครั้ง เกี่ยวข้าวเสร็จ กันข้าวเปลือกส่วนหนึ่งไว้กิน ส่วนที่เหลือขายได้เงินประมาณ 60,000 บาท เพื่อเก็บไว้ใช้เป็นทุนปีต่อไปและใช้ตลอดทั้งปี ซึ่งมันน้อยมากนะ"




จาก ปีแรกที่พยายามต่อสู้กับความคิด ความต้องการของ ตัวเอง ให้เข้าใจและยอมรับกับสิ่งใหม่ ที่เรามั่นใจว่าต้องดีขึ้น แน่ ๆ แต่อาจจะช้าหน่อย จากนั้นพอปีที่ 2 ที่ 3 ผลผลิตก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เพราะเราเปลี่ยนการปลูกข้าวมาเป็นแบบธรรมชาติ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี พอผลิตดีขึ้นจากนั้นก็พยายามขายไอเดีย ชักชวนเพื่อนบ้านพี่ป้าน้าอาให้หันมาปลูกข้าวแบบเดียวกับเรา

"ช่วง แรก ๆ ชาวบ้านก็ไม่ค่อยยอมรับ เพราะเขากลัวผลผลิตข้าวได้น้อย ไม่พอใช้หนี้ เราก็ต้องทำให้ดู พอผ่านมาได้ระยะหนึ่งเขาก็เริ่มเห็นว่า มันดีจริง ๆ สำหรับการปลูก ข้าวไม่ใช้สารและปุ๋ยเคมี"

ประโยชน์ที่ชาวบ้านเห็นชัด ที่สุด ก็คือ ผลผลิตข้าวที่ปลูกได้นั้นขายได้ในราคาที่ดีกว่าข้าวทั่วไปถึง 20% ขณะที่ต้นทุนการผลิตนั้นถูกลง จากเดิมที่พอขายข้าวได้ก็ต้องไปใช้หนี้ ธ.ก.ส. จากนั้นก็กู้มาลงทุนใหม่ แต่พอมาปลูกข้าวแบบธรรมชาติ เงินลงทุนใช้แต่ซื้อพันธุ์ข้าว ส่วนปุ๋ยนั้นไม่ต้องซื้อเพราะทำได้เอง เงินก็เหลือมากขึ้น แถมหนี้ก็หมด

ตอนนี้ในกลุ่มชาวบ้านจึงหันมาปลูกข้าวแบบนี้มากขึ้น จนมีผลผลิตมากพอ สามารถต่อยอดมา

พัฒนาเป็นโปรดักต์และทำตลาดเอง โดยเริ่มต้นที่ข้าวฮาง

ข้าวฮางเป็นข้าวกล้องเพาะงอกจากเมล็ดข้าวเปลือก !

สมัย ก่อนคนโบราณใช้ข้าวฮางเป็นยารักษาโรค วิธีการก็คือ นำข้าวเปลือกมาแช่น้ำจนงอก จากนั้นก็นำไปตากหรืออบจนแห้ง จากนั้นก็นำไปสี และนำเมล็ดข้าวที่ได้ไปหุงให้คนป่วยทาน



"เรา ก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้ แต่ทำในปริมาณมาก และแพ็กเกจจิ้งอย่างดี ขายเป็นกิโล พร้อมกับติดแบรนด์ "ข้าวอารมณ์ดี" ซึ่งเริ่มทำมาได้ 2 ปีแล้ว ผลตอบรับก็ดีขึ้นเรื่อย"

ณัฏฐ์นรีกล่าวว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า กระแสข้าวกล้องงอกแรงมาก ทำให้ข้าวอารมณ์ดีของเราได้รับการตอบรับดีขึ้นด้วย โดยวิธีการของเราก็คือ ขายตรงถึงผู้บริโภค โดยการออกงานแฟร์ต่าง ๆ ที่ทางราชการจัดขึ้น พร้อมกับอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงวิธีการได้มาของข้าวซึ่งจะต่างจาก ข้าวกล้องงอกของเจ้าอื่น

ของเจ้าอื่น ๆ วิธีการก็คือ ใช้ข้าวสารที่เป็นข้าวกล้อง มาแช่น้ำประมาณ 6-8 ชั่วโมง แล้วสังเกตส่วนหัวว่ามีจุดขาว นั่นก็คือ ส่วนที่งอก ซึ่งก็คือ สารการ์บาร์ จากนั้นก็นำไปตากให้แห้งและนำไปหุง ซึ่งวิธีการนี้มีข้อจำกัด ก็คือ ต้องเป็นข้าวกล้องใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 14 วัน หลังสีเอาเปลือกข้าวออก ถ้าเกินจากนั้นก็จะไม่ดีเพราะได้ส่วนที่งอกได้

แต่ถ้าเป็นข้าวฮาง ปัญหาเรื่องข้อจำกัดเรื่องอายุของข้าวสารข้าวกล้องจะหมดไป เพราะเราทำข้าวกล้องงอกตั้งแต่กระบวน การข้าวเปลือก ซึ่งขั้นตอนการผลิตสามารถทำให้เกิดสารการ์บาร์ที่มีประโยชน์ได้ดีและสม่ำ เสมอกว่า

หลักคิดของเราก็คือ สามารถนำภูมิปัญญาชาวบ้านมาต่อยอดอะไรได้บ้าง ที่ผ่านมาการปลูกข้าวโดยไม่ใช้สารหรือปุ๋ยเคมีได้ทำแล้ว จากปลูกข้าวก็แปรรูป มาทำเป็นข้าวกล้องเพาะงอกจากเมล็ดข้าวเปลือก (ข้าวฮาง) ก็ได้ทำแล้ว ซึ่งช่วยได้มากทั้งกับตัวเราเองและชาวบ้าน

โดย สิ่งที่ชาวบ้านได้ก็คือ ขายข้าวเปลือกได้ราคาดีเพราะเรารับซื้อในราคาประกัน รัฐบาลกำหนดราคาประกันเท่าไหร่ เราให้เพิ่มอีก 20% จากนั้นก็นำมาแปรรูปเป็นข้าวฮาง ส่งขายที่ร้าน 904 ที่ตลาด อ.ต.ก. ร้านรักบ้านเกิด ร้านบนดอย และงานแฟร์ทั่วไป พร้อมกับจัดส่งขายตามคำสั่งซื้อ ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท (ไม่รวมค่าขนส่ง) ซึ่งได้ราคาดีกว่าข้าวสารปกติประมาณเท่าตัว

และ เวลานี้ได้พัฒนาสินค้าตัวใหม่เพื่อให้สะดวก รับประทานได้ง่ายขึ้นก็คือ ข้าวกล้องเพาะงอก ชงพร้อมดื่ม (ข้าวฮาง) ซึ่งมีผลการศึกษาจนเป็นที่ยอมรับแล้วว่า ข้าวฮางมีสารการ์บาร์ที่ช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ ยับยั้งเซลส์มะเร็ง ลดความดันโลหิต และชะลอความแก่

โดยผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องเพาะงอกชง พร้อมดื่มนั้นนอกจากจะใช้วัตถุดิบเป็นจมูกข้าวจาก 6 สายพันธุ์ ยังได้ผสมธัญพืชอื่น ๆ อีก 7 ชนิด อาทิ เมล็ดทานตะวัน เม็ดบัว งา ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี และลูกเดือย ซึ่งล้วนให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งกับเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา รวมถึงผู้ป่วยด้วย

ในอนาคตนอกจากข้าวฮาง ข้าวกล้องเพาะงอกชงพร้อมดื่มแล้ว ทางกลุ่มก็ยังมีการศึกษาและพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับศึกษาช่องทางตลาดใหม่ ๆ ที่มีโอกาส ขณะเดียวกันก็พร้อมเปิดรับตัวแทนจำหน่ายหากสนใจที่จะขายข้าวภายใต้แบรนด์ "อารมณ์ดี" ด้วย

แต่ทุกจังหวะก้าว ณัฏฐ์นรีกล่าวว่า ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามกำลังทรัพย์ กำลังทุน ด้วยความเชื่อมั่นในภูมิปัญญาไทยที่ทรงคุณค่า สามารถต่อยอดสร้างเป็นอาชีพได้ต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น

view