จากประชาชาติธุรกิจ
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๓ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม เรื่อง การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษา พ.ศ. ๒๕๕๒ ข้อบังคับ ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๑ (๓) (ช) มาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. ๒๕๒๕ ด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษ คณะกรรมการแพทยสภาจึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ในข้อบังคับนี้ “การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษา” หมายความว่า การประกอบวิชาชีพเวชกรรม ที่เกี่ยวกับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดซึ่งอาจเป็นเซลล์ต้นกำเนิด หรือ โพรเจนิเตอร์เซลล์ (progenitor cell) หรือเซลล์ที่เจริญมาจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อการรักษาโรคในคน แต่ไม่หมายความรวมถึง การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในการรักษาโรคโลหิตวิทยา ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยการนั้น” ข้อ ๒ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษาจะกระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ๒.๑ เป็นการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษาที่มีการทำวิจัยมาแล้ว จนเป็นที่ ยอมรับว่าเป็นวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐานและแพทยสภาเห็นชอบ ๒.๒ ในกรณีที่เป็นการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษาโรคในคนที่ยังอยู่ ในระหว่างการทำวิจัย โครงการวิจัยนั้นต้องได้รับการอนุมัติจาก ๒.๒.๑ คณะกรรมการจริยธรรมการทำวิจัยในคนของสถาบันที่ผู้ทำวิจัยสังกัด และ ๒.๒.๒ คณะกรรมการวิชาการและจริยธรรมการทำวิจัยในคนด้านเซลล์ ต้นกำเนิดของแพทยสภา ข้อ ๓ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้ทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษา ตามข้อ ๒.๑ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ ๓.๑ ได้รับวุฒิบัตร หรือหนังสืออนุมัติของแพทยสภาหรือจากสถาบันที่แพทยสภา รับรองในสาขาหรืออนุสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรคของผู้ป่วย และ ๓.๒ ได้รับการขึ้นทะเบียนจากแพทยสภาให้สามารถทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อการรักษาได้ ข้อ ๔ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป บทเฉพาะกาล เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของสาธารณชนตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๘๐ (๒) แพทยสภาจึงกำหนดบทเฉพาะกาลดังต่อไปนี้ ๑) ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่กำลังปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อการรักษา ก่อนวันบังคับใช้ ข้อบังคับฉบับนี้ ขอให้ส่งหลักฐานที่แสดงว่าการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดนั้น เป็นวิธีการรักษาที่ เป็นมาตรฐาน ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศใช้ข้อบังคับฉบับนี้ เพื่อให้แพทยสภา พิจารณารับรองว่าเป็นวิธีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน ๒) ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่กำลังดำเนินการวิจัยเรื่องการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อการรักษา ก่อนวันบังคับใช้ข้อบังคับฉบับนี้ ขอให้ส่งโครงร่างการวิจัย เอกสารคู่มือผู้วิจัย เอกสาร รับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการทำวิจัยในคนของสถาบันที่ผู้ทำวิจัยสังกัด เอกสารชี้แจง โครงการวิจัยและเอกสารยินยอม รวมทั้งเอกสารรายงานความปลอดภัยและรายงานอาการอันไม่พึงประสงค์ และเอกสารอื่น ๆ ที่แพทยสภากำหนด ภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นับแต่วันประกาศใช้ข้อบังคับฉบับนี้ เพื่อให้แพทยสภาพิจารณา ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา