สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปธ.ศาลปกครองรับทุกคำวิจารณ์คดีมาบตาพุด ชี้เป็นเรื่องใหญ่ กระทบกว้าง ต้องดูแลให้เกิดสมดุล

จากประชาชาติธุรกิจ


อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองให้สัมภาษณ์กับประชาชาติธุรกิจออนไลน์ พูดคุยเกี่ยวกับคดีสิ่งแวดล้อม ทิศทางแห่งคดีประเภทนี้ในอนาคต หลังจากเกิดกรณีที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศาลในวงกว้าง อย่าง "มาบตาพุด" ชี้ว่า ศาลต้องถูกวิจารณ์ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมสำคัญและมีผลกระทบในบริบทใหญ่มาก ต้องดูแลประโยชน์สาธารณะทั้งหมด ให้เกิดความสมดุลให้ได้

@ ในคดีสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกรณีมาบตาพุด  ศาลได้วางหลักไว้ชัดเจนหรือยัง
           จริงๆ เรื่องนี้ยังไม่จบ แต่ในเส้นทางก็คิดว่าได้ดูแลดีพอสมควร มีหลักมีเกณฑ์ สิ่งสำคัญที่อยากจะเรียนก็คือ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากเพราะเหตุว่า สังคมโลกขณะนี้ เรื่องสิ่งแวดล้อมสำคัญและมีผลกระทบในบริบทใหญ่มาก  นี่คือความเป็นจุดของกฏหมายมหาชน ก็คือ การบาล้านซ์สิทธิประโยชน์ความเดือดร้อนของประชาชนที่กฏหมายให้ความคุ้มครอง กับ
           ฉะนั้นวันที่ 4 มีนาคม นี้  เราจะจัดประชุมวิชาการเรื่องสิ่งแวดล้อมถึงหลักการสำคัญของกฏหมายสิ่งแวด ล้อม และมาตรการคุ้มครองทางสิ่งแวดล้อมจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้จากยุโรป เอเชีย และเราร่วมกันหารือ

  @  มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ยิ่งปล่อยให้คดียืดเวลาออกไป  ก็จะเกิดความเสียหายกับการลงทุนและความเชื่อมั่นของประเทศ
           ต้องเข้าใจว่า ศาลมีข้อจำกัดจากกรณีที่ศาลไม่สามารถหยิบยกมาพูดหรือสั่งการได้    ทุกอย่างต้องมาจากการดำเนินคดีขึ้นมา  ฉะนั้นถ้าสังเกตให้ดี ผมคิดว่าศาลได้มีคำสั่งหรือมีการสั่งการอะไรที่ให้วิธีการที่ผู้ที่เกี่ยว ข้องจะต้องไปทำ  ฉะนั้น ปัญหา อาจจะต้องกลับไปถามว่าตั้งใจแก้ปัญหาหรือเปล่า  คือ ไม่มีใครอยากทำให้บ้านเมืองพังหรอก จริงๆ เวลาอาจจะใช้น้อยกว่านี้  ถ้า ...  

@  มีความตั้งใจจะแก้ปัญหาจริงๆ
          คุณพูดเอง(นะ) แต่บังเอิญอาจจะตรงใจกับที่ผมอยากจะพูด คือ ของอย่างนี้มันบอกได้ จากที่ผมดูหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์หรือให้ความเห็นเกี่ยว กับเรื่องนี้  เราก็วิเคราะห์จากสิ่งเหล่านั้น เช่น ถ้าทำอย่างนั้น อาจไม่มีปัญหาขนาดนี้  แต่ว่าหลักกฏหมาย  หลักความยุติธรรม วิธีการ ก็ต้องเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างนั้น แต่เราจะไปสอน บอกเขาให้ทำ มันไม่ได้   
         เราก็ได้แต่เพียงว่า ข้อกฏหมายเป็นอย่างไร  ควรต้องสั่งอย่างนี้ เพื่อประโยชน์อย่างนั้น    การที่ศาลออกไปพบสื่อก็เป็นความรับผิดชอบที่ไม่มีใครอยากเห็นความสูญเสีย   แต่ต้องอย่าลืมว่า  ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ  เราต้องบาล้านซ์ให้ได้ ไม่ใช่ใครหนักกว่าใครหรือไม่หนักกว่าใคร แต่ต้องบาล้านซ์ให้ไปด้วยกันได้  

@ คดีมาบตาพุดจะเป็นจุดเปลี่ยนในการวางหลักการเกี่ยวกับคดีสิ่งแวดล้อมเลยหรือ ไม่
        อาจจะไม่ใช่เปลี่ยน แต่มันอาจจะยังไม่เคยมี    ฉะนั้น ก็เป็นการเซ็ต แต่ศาลไม่ใช่คิดเอง แล้วว่าไป (นะ)  แต่เป็นไปตามหลักกฏหมาย และเป็นไปตามสากลที่เขาปฏิบัติ    และต้องคำนึงว่าการที่เป็นสากลก็ต้องสอดคล้องกับเหตุผล   เพราะกฏหมายแต่ละเรื่องแม้จะมีเป้าหมายอย่างเดียวกัน แต่วิธีดำเนินการต้องเป็นไปในลักษณะที่เหมาะสม     
         ฉะนั้น การที่เราเชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งตุลาการ   นักวิชาการ จากต่างประเทศมาร่วมสัมมนาคราวนี้ ก็เพื่อที่จะให้เกิดองค์ความรู้ แม้กระทั่งในพวกตุลาการของเรา เจ้าหน้าที่  ประชาชน ที่จะมารับรู้วิธีคิดและเหตุผลของสากล   

@ ระหว่างข้อมูลภาคประชาชน กับ ภาคเอกชนหรือนักลงทุน ศาลรับฟังมากน้อยอย่างไร
       เราฟังหมด แต่หมายความว่า  ตรงไหนคือจุดที่เป็นสาระต่อประเด็นแห่งคดี   ซึ่งศาลเราสามารถค้นหาข้อมูลข่าวสารได้  

@  จำเป็นหรือไม่ว่า ในอนาคตอาจจะต้องมีแผนกคดีสิ่งแวดล้อมขึ้นมาดูแลคดีสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ
        ขณะนี้ถึงไม่มีแผนก เราก็รู้ว่าในองค์คณะต่างๆ องค์คณะไหน น่าจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญ คือ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม   แต่ทั้งเรื่องการบริหารงานบุคคล  เรื่องที่ดิน เรื่องสัญญา ซึ่งเราก็มีอยู่ แต่เราไม่ต้องไปประกาศว่ามีคณะนั้น คณะนี้ แต่ความจริงมีการเซตไว้
        ฉะนั้น ลักษณะของคดีที่เรารับผิดชอบมา 9 ปี   เราสามารถบ่งบอกได้ว่ามีองค์คณะใดที่ดูแล แต่ถ้าถึงวันหนึ่งจะต้องทำอย่างนั้น  ก็อาจจะต้องทำ แต่องคาพยพเราไม่ใหญ่ขนาดนั้น  มีบุคลากร 100 กว่าคน ราว 10 คณะ  แต่จริงๆ เราก็คำนึงอยู่แล้ว  ที่ต้องมีผู้รู้เรื่อง เชี่ยวชาญหรือสนใจทำงานด้านนี้มา และต้องมืออาชีพ ไม่ใช่มือสมัครเล่น  

@  คดีสิ่งแวดล้อม มีความชัดเจนหรือยังระหว่างศาลปกครองกับศาลยุติธรรม
          เข้าใจว่า คดีประเภทนี้ น่าจะมีความชัดเจนพอสมควร ซึ่งขณะนี้ไม่มีปัญหา  

@  มีคดีประเภทไหนบ้าง  ที่คาบเกี่ยวระหว่างศาลยุติธรรมกับศาลปกครอง จนยากแก่การตัดสิน
          ยังไม่มี (นะ)  นอกจากว่าเป็นเรื่องทางอาญาโดยตรง  ซึ่งก็ยังไม่มี   เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามกฏหมาย ไม่มีปัญหา   แต่ในทางวิชาการเขาจะศึกษากัน  

@  รู้สึกวิตกกังวลกับภาพลักษณ์ศาลหรือไม่ กับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในคดีมาบตาพุด
           ผมไม่วิตกศาล เพราะผมคิดว่าคำสั่งศาลชัดเจน ความจริงแล้วในความเห็นของผม ถ้าเราทำแบบไม่มีเหตุมีผล ผมคิดว่า พวกฝรั่งมันไม่เลี้ยงไว้แน่   แต่ถ้าไปอ่านดู ทั้งความเห็น การคอมเม้นท์  ผมคิดว่าเขาแฟร์นะ เขาดูไปที่ผู้มีหน้าที่แก้ไขเป็นส่วนใหญ่  ฉะนั้น ถ้าผมไปเป็นอาจารย์ หรือ คนสอนหนังสือ อาจจะพูดอะไรได้สะดวกปากกว่านี้   ในทางวิชาการ เพราะมันไม่ยาก แต่อย่างที่พูด 
        ผมไม่ได้หมายความถึงคนใดคนหนึ่งในรัฐบาล(นะ ) แต่ผมหมายถึงผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องบางฝ่าย  บางส่วน อาจจะคิดว่า เศรษฐกิจจจะพัง ก็เลยเน้นที่ศาล   แต่จริงๆ ดูจุดเดียวไม่ได้ ต้องดูจุดอื่นประกอบกันด้วย   หรือถ้าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมองปัญหา ในลักษณะที่ช่วยกันแก้ไข   และเข้าใจปัญหานี้ ผมคิดว่าปัญหานี้ไม่ได้ยากเกินที่จะแก้ไข    

@  จะว่าไป คดีมาบตาพุด อาจจะเกิดจากความบกพร่องของราชการไทย หรือเปล่า
         ก็หลายส่วน  เพราะปัญหาระบบราชการเป็นปัญหาดั้งเดิมของเราในทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะสิ่งแวดล้อม   แต่ในเรื่องนี้ อาจจะมีส่วนอยู่ด้วย  แต่จริงๆ ก็ไม่รู้จะโทษใคร  เพราะงานมีหลายฝ่าย ฉะนั้น การตั้งเกณฑ์ตั้งคนดูแลให้ชัดเจน เป็นเรื่องสำคัญ 

@  การจัดการของรัฐบาลให้เป็นไปตามคำสั่งศาลในคดีมาบตาพุด  คิดว่าเหมาะสมหรือยัง       ผมคงไม่เหมาะที่จะตอบ อย่างที่บอก ถ้าผมเกษียณไปแล้ว  เป็นนักวิชาการ อาจอธิบายได้ แต่ขณะนี้  เป็นหน้าที่ของฝ่ายอื่นที่จะต้องวิเคราะห์จากคำสั่งของเรา จากกฏหมาย  จากแนวปฏิบัติ จากวิธีแก้ไขต่างๆ ซึ่งผมก็ติดตามจากหนังสือพิมพ์ แนวคิดต่างๆ  ซึ่งผมคิดว่า คนที่ให้ความเห็นเขาก็ตรงไปตรงมา   ถ้าจะพูดไป ไม่เคยมีการให้ความเห็น ที่ค่อนข้างจะเป็นกลางและตรงไปตรงมา  เหมือนในคดีสิ่งแวดล้อม เท่าที่ผมสังเกตนะ ซึ่งผมค่อนข้างแฮ๊ปปี้ 
       ไม่ใช่ว่า ศาลตัดสินต้องดูเทรนของคน  แต่เป็นไปตามหลักกฏหมาย ความถูกต้อง แต่เผอิญเราก็ต้องวิเคราะห์ตาม  เหตุผลที่เกิดขึ้น ซึ่งก็รู้สึกว่าแฟร์ คนที่ไม่พยายามเขาใจก็มี แต่น้อย (ครับ)  

@ ในอารยประเทศ เขาลงตัวหหรือยัง เกี่ยวกับคดีสิ่งแวดล้อม
       เขาก็อาจจะยังไม่ลงตัว แต่เขาไปได้ไกล      แม้กระทั่งจีนที่กำลังจะมาคราวนี้ สมัยก่อนอาจมีคนต่อว่าเขาด้วยซ้ำ   แต่วันนี้เท่าที่ฟีตแบ็กกลับมา เขาดูแลให้มันอยู่ในสากลมากขึ้น แน่นอน ไม่มีใครสามารถเพอร์เฟกต์ เพราะความาต้องการคนไม่เหมือนกัน   แต่ถ้าดูจากสภาพของเขา มันบอกให้รู้ว่า เขาเดินไปสู่แนวทางที่เป็นอย่างเดียวกัน  

@  ไม่ห่วงเรื่องศาลถูกวิจารณ์ 
       เรา ไม่ห่วงเรื่องนั้นหรอก เพราะศาลต้องถูกวิจารณ์ได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา     แต่การวิจารณ์นั้น  คนที่วิจารณ์เพราะไม่พอใจก็มี   แต่คนที่วิจารณ์ที่เขามองปัญหาอย่างตรงไปตรงมา    และมีวิธีการให้ความเห็น แนะนำ ก็มีอยู่เยอะ แสดงว่าเขาเข้าใจ เพราะ 2 อันมันแตกต่างโดยสิ้นเชิง    ระหว่างจำนวนเงินมหาศาลที่เป็นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ของประเทศทั้งหมด หรือประโยชน์ของกลุ่มคน ก็แล้วแต่ ก็เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวมเหมือนกัน
          ในขณะที่ประชาชน  ซึ่งอาจจะมีหลายระดับ ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง ชาวบ้านที่สนใจ   คนที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เขารู้ถึงหลักการตรงนี้ว่า   ถ้าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอย่างเขา  ก็อาจจะได้รับการปฏิบัติอย่างนี้    ซึ่งมันมีหลากหลาย
          กรณีที่บางประเทศ  นี่เขาพูดเอง(นะ) ว่า อย่างนี้เขาก็ไม่เอา เขาก็ไปอยู่ที่อื่น    แต่มันก็แล้วแต่ คนพูดอะไรก็ได้  แต่ถามว่าเมื่อพูดแล้ว สามารถที่จะมีเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เขา ตรงไปตรงมา เขาเห็นด้วยมั๊ย ตรงนี้สำคัญ    เพราะฉะนั้น   เราไม่มีปัญหา  

@ เมื่อเวลาผ่านไปศาลจะภาคภูมิใจกับเรื่องนี้ 
       เราควรจะภาคภูมิใจ ถ้าเราทำหน้าที่ของเราอย่างตรงไปตรงมา และเป็นมืออาชีพ ตามสิ่งที่ต้องเป็นตามกฏหมาย ตามสภาพความเป็นจริง ความเหมาะสมกับสังคม ที่มันควรจะเป็น   

@ เหตุที่นักวิชาการหรือผู้ประกอบการไม่เข้าใจ เป็นเพราะอาจเข้าใจว่า มาตรา 67 วรรค 2 เป็นความเข้าใจของศาลฝ่ายเดียวหรือเปล่า ในการอธิบายรายละเอียด
        คือ กฏหมาย เมื่อรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุดกำหนดไว้   ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ทำตามกฏหมาย แต่ถ้าไม่ทำ อาจจะเป็นเนื่องจากว่าไม่อยากจะทำ   หรือ ลืมทำ
        หรือไม่รู้ว่าต้องทำ หรือยังไม่ถึงเวลาที่จะทำ     คือ มันเกิดความคิดได้หลายลักษณะ แต่กฏหมาย คือ กฏหมาย  จริงๆเป็นหลักกฏหมายพื้นฐานที่ต้องเข้าใจ  

        ทีนี้จะไม่เข้าใจอะไรก็แล้วแต่   หลักกฏหมายที่สำคัญมีอยู่อันหนึ่งคือ ตัวเองไม่เข้าใจ  ตัวเองก็ต้องขวนขวาย ถ้าตัวจะทำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา  ไม่ใช่ปล่อยไว้   แล้วหลักของมันก็มีอยู่อันหนึ่ง  ก็คือ ความจริงเป็นมาตรฐาน ที่เขาทำกันในประเทศต่างๆ เราไม่จำเป็นต้อง ไปเอาแบบอเมริกา  แต่ดูมาตรฐานกลางๆ  ที่เขาทำกัน เขาอยู่ในระดับนี้    
มี เหตุผลอย่างนี้   เหมือนปราบผู้ไม่สงบ   มันไม่มีกฏหมาย แต่มาตรฐานที่เขาใช้ เขาปฏิบัติกัน   ในที่ต่างๆ เขาก็ทำในลักษณะอย่างนี้   แต่ประเทศเราไม่ได้คิดจะทำ

 

view