ฆาตกรเงียบจะได้เปรียบไปอีกนาน
โดย : ดร.ไสว บุญมา
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
น้ำท่วมในเมืองไทยและภาวะเศรษฐกิจชนิดลูกผีลูกคนในหลายประเทศชิงเป็นข่าวในช่วงนี้จนโอกาสที่เรื่องอื่นจะได้รับความสนใจถดถอยลงไปมาก
เรื่องหนึ่งซึ่งน่าจะได้รับความสนใจสูงแต่กลับไม่ได้รับ คือ การประชุมขององค์การสหประชาชาติระหว่างวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาเรื่องโรคร้ายที่กำลังทำลายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โรคร้ายได้แก่โรคเกี่ยวกับหัวใจ มะเร็ง โรคเรื้อรังเกี่ยวกับทางเดินลมหายใจและเบาหวาน ตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ เมื่อปี 2551 ชาวโลก 36 ล้านคนเสียชีวิตเพราะโรคเหล่านี้ คิดเป็น 63% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกในปีนั้น ราว 9 ล้านคนเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี โรคเหล่านี้จึงนำไปสู่ความสูญเสียมหาศาลรวมทั้งทรัพย์สินที่ใช้ในการรักษาพยาบาลและการเสียเวลาทำงานด้วย ข้อมูลบ่งว่าในอินเดีย การเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปีด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในปี 2547 คำนวณได้เป็นความสูญเปล่าเท่ากับชีวิตคนถึง 7.1 ล้านปี
ย้อนไปไม่นาน โรคร้ายเหล่านี้มักเกิดกับคนที่ร่ำรวยเนื่องจากส่วนใหญ่เกิดกับประชาชนในประเทศพัฒนาแล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ประเทศกำลังพัฒนาเผชิญปัญญามากกว่าประเทศพัฒนาแล้วเสียอีก ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยจากการมีรายได้เพิ่มขึ้นและการเลียนแบบวิถีชีวิตของประเทศพัฒนาแล้ว
ในปัจจุบันราว 80% ของผู้ป่วยโรคดังกล่าวอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา และส่วนใหญ่ตายก่อนผู้ป่วยด้วยโรคเดียวกันในประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากขาดปัจจัยในการรักษาพยาบาลทั้งในระดับบุคคลและในระดับประเทศ การเปลี่ยนไตซึ่งมักล้มเหลวจากการเป็นเบาหวานต้องใช้เงินอย่างน้อย 40,000 ดอลลาร์ ถ้าทำในอินเดียซึ่งถูกที่สุดในโลกส่งผลให้น้อยคนที่จะมีเงินจ่าย ในยูกันดาซึ่งมีขนาดราวครึ่งหนึ่งของไทยทั้งในด้านจำนวนประชากรและด้านพื้นที่มีเครื่องฟอกไตเพียง 6 เครื่องและโรงพยาบาลที่จะรักษามะเร็งได้เพียงแห่งเดียว โอกาสที่ผู้ป่วยด้วยสองโรคนี้จะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่จึงมีเพียงน้อยนิด แต่ยูกันดาไม่เดียวดายเพราะอีกหลายสิบประเทศก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ตามสภาพปัจจุบัน สภาเศรษฐกิจโลกคำนวณว่าในช่วงเวลาอีก 15 ปี ประเทศกำลังพัฒนาจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวคิดเป็นความสูญเปล่าถึงราว 7.3 ล้านล้านดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญของการทำให้เกิด 4 โรคร้ายนั้น ได้แก่ พฤติกรรม 4 ด้านด้วยกัน คือ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป การรับประทานอาหารที่มีผลร้ายต่อสุขภาพและการออกกำลังกายไม่เพียงพอ พฤติกรรม 4 ด้านนี้นำไปสู่ภาวะทางร่างกาย 4 อย่างที่ทำให้เกิดโรค คือ ความดันโลหิตสูง ระดับคอเลสเตอรอลสูง ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและความอ้วน เป็นที่ทราบกันดีว่าคนอเมริกันราว 1 ใน 3 อ้วนจนเข้าขั้นอันตราย ร้ายยิ่งกว่านั้น ข้อมูลจากการวิจัยในสหรัฐที่ลงพิมพ์ในวารสารทางวิชาการ Lancet เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาสรุปว่า อัตราความอ้วนจนเป็นอันตรายมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นเช่นนี้ ชาวโลกยังนิยมเลียนแบบการบริโภคของชาวอเมริกันโดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารจานด่วนที่มีไขมันสูงและเค็มจัด และการจะไปไหนมาไหนก็มักใช้รถยนต์จนแทบไม่รู้จักเดิน
รายงานขององค์การสหประชาชาติชี้ว่า การป้องกันทั้ง 4 โรคร้ายในประเทศกำลังพัฒนาไม่น่าจะต้องใช้เงินมากนัก นั่นคือ ไม่ถึงปีละ 1 ดอลลาร์ต่อหัวคนในประเทศยากจนที่สุดและราว 3 ดอลลาร์ในประเทศที่มีรายได้ระดับกลาง เมื่อรวมกันทั้งหมด 144 ประเทศแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อปีจะเป็นเงิน 11.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าค่าใช้จ่ายจำนวน 15.9 พันล้านดอลลาร์ ที่ใช้ในการป้องกันและรักษาผู้ติดเชื้อเอดส์เพียงบางส่วนในปี 2552 เสียอีก กระนั้นก็ตาม โอกาสที่จะทำได้ในตอนนี้มีอยู่น้อยนิด เพราะปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน
ในเบื้องแรก ประเทศพัฒนาแล้วซึ่งมักเป็นผู้บริจาคเงินส่วนใหญ่ที่ใช้ในการต่อต้านโรคร้ายกำลังตกอยู่ในภาวะเหนื่อยหน่ายกับการบริจาคและความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ในประเทศกำลังพัฒนา นโยบายของรัฐบาลมักได้รับการต่อต้านจากผู้บริโภคและภาคธุรกิจไม่ว่าจะเป็นการควบคุมหรือการเก็บภาษีบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรืออาหารที่มีไขมันสูงและเค็มจัด ซ้ำร้าย นโยบายของรัฐบาลมักส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดโรคร้ายเหล่านั้นโดยเฉพาะการวางผังเมืองแบบไม่ส่งเสริมการเดินแต่กลับมีการส่งเสริมการใช้รถยนต์ ด้วยการสนับสนุนราคาน้ำมันและการยกภาษีรถยนต์ ยิ่งกว่านั้น การรักษาพยาบาลมักถูกผลักดันให้เป็นภาระของสังคมจากนโยบายแนวประชานิยมยังผลให้ขาดแรงจูงใจในการเปลี่ยนพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ตื่นตัวกับโรคดังกล่าวมากนัก เนื่องจากมันไม่ติดต่อและไม่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตแบบรวดเร็วเช่นเมื่อตอนเริ่มเกิดโรคเอดส์
ปัจจัยทั้งหลายทั้งปวงที่เล่ามานี้บ่งชี้ว่า โรคทั้งสี่ซึ่งมีลักษณะเป็นฆาตกรเงียบจะได้เปรียบชาวโลกส่วนใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนาไปอีกนาน
สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี
