สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

รอ อย่างเป็นสุข... รออย่างไร ?

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

คอลัมน์ องค์กรแห่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้
โดย ดร.มงคลชัย วิริยะพินิจ Mongkolchai@acc.chula.ac.th



คำว่า "รอ" นั้นเป็นคำกิริยาที่มีความหมายในเชิงที่เป็นทั้งบวกและลบ ขึ้นอยู่กับว่าการรอนั้นเป็นการ "รอ" อะไร

ถ้า เป็นการรอในสิ่งที่ดี การรอนั้นก็จะเป็นรอที่เจือปนไปด้วยความสุขที่ดี อาทิ ผู้ที่เรียนจบเป็นบัณฑิตกำลังรอที่จะถึงวันรับปริญญา ในขณะที่ถ้าการรอนั้นเป็นการรอในสิ่งที่ไม่ดี ก็จะเป็นการรอที่เจือปนไปด้วยความทุกข์ เช่น คนไทยหลาย ๆ คนเคยต้องรอคำตอบที่ว่าตกลงน้ำจะท่วมบ้านของตัวเองหรือไม่

จริง ๆ การรอในเรื่องที่ดี ๆ ถ้าพิจารณาอย่างผิวเผิน ดูเหมือนจะเป็นการรอที่ให้ความสุข

แต่ จริง ๆ แล้วมีความทุกข์เจือปนอยู่ เพราะเป็นการรอด้วยความอยาก รอด้วยความคาดหวัง เพราะถ้าบัณฑิตคนนั้นป่วยหนักกะทันหัน ไม่สามารถไปร่วมงานรับปริญญาได้ ก็จะเสียใจอย่างยิ่ง เพราะรอวันรับปริญญามานาน หรือถ้าบางคนรออย่างมีความหวังที่ว่าน้ำที่ท่วมบ้านจะลดลงในวันต้นเดือน อย่างที่เป็นข่าว แต่เอาเข้าจริง น้ำที่ท่วมอยู่กลับไม่ลด ยิ่งทำให้รู้สึกเครียดขึ้นไปอีก

นอกจากท่านอาจจะทุกข์กับไม่ได้สิ่ง ที่รอตามใจหวังแล้ว ระหว่างที่รอ ท่านยังสามารถเป็นทุกข์ได้อีกด้วย บางคนกระวนกระวายมากเวลารอรถติด เพียรจ้องมองที่ไฟจราจรอยู่ว่าเมื่อไหร่จะเป็นไฟสีเขียว แต่ครั้นกลับกลายเป็นไฟสีแดงอีก แล้วรถของตนยังไม่สามารถผ่านไปได้ ก็ยิ่งเครียดยิ่งโมโหเข้าไปอีก

บางคนเครียดแม้กระทั่งเพราะต้องรอ อาหารในร้านอาหาร ซึ่งดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็สามารถทำให้คนบางคนเครียดหรือเป็นทุกข์กับเรื่องพวกนี้ได้

หรือ ในเรื่องชีวิตและเรื่องการงาน บางคนรอว่าเมื่อไหร่จะได้เจอคู่ชีวิต บางคนรอว่าเมื่อไหร่จะได้เลื่อนตำแหน่ง สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้ทุกข์หรือเครียดได้เช่นกัน ถ้าไม่ได้สิ่งนั้น ๆ ตามที่คาดหวังไว้

เพราะฉะนั้นการ "รอ" ถ้าพิจารณาดูให้ดีเป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น ทุกคนต่างก็ต้องรอ และการรอก็มิใช่สิ่งที่นำมาซึ่งความสุขเท่าไหร่นัก แต่จะทำอย่างไรให้สามารถรอได้อย่างเป็นสุข

จริง ๆ แล้วการรอนั้น คนส่วนใหญ่มักจะทำกันอย่างไม่มีสติ การรอที่ทำให้เกิดความทุกข์ คือการรอที่มิได้ขึ้นอยู่กับความเป็นปัจจุบัน แต่จิตใจไปหมกมุ่นคิดแต่เรื่องของอนาคต แล้วปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่อยู่ที่ว่าท่านได้ทำสิ่งที่เป็นปัจจุบันด้วยความตั้งใจที่สุดหรือเปล่า และนั่นอาจจะส่งผลดีต่อสิ่งที่ท่านรออยู่ก็ได้

สิ่งที่ท่านรอนั้นมัก มีอยู่ 3 สิ่ง กล่าวคือ อย่างแรก รอในสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ และรู้ด้วยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างที่สอง รอในสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และสุดท้าย รอในสิ่งที่อาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้น

การจะรออย่างมีความสุขนั้น ถ้าเป็นอย่างแรก คือการรอในสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ อาทิ บัณฑิตรอวันรับปริญญาที่กำลังจะมาถึง คู่แฟนหนุ่มสาวรอวันแต่งงานที่กำลังจะมาถึง แทนที่จะอุทิศชีวิตไปกับคำกิริยาที่ว่า "รอ" ท่านอาจจะใส่ใจในเรื่องอื่น ๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าบ้าง

เพราะอย่างไรงานรับปริญญาก็จะต้อง เกิดขึ้นอยู่แล้ว อย่างไรงานแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะมีการกำหนดวันงานไว้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น อุทกภัย ที่จะต้องทำให้งานยกเลิกไป ซึ่งก็มิใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้น น่าจะเอาเวลาไปใส่ใจในเรื่องอื่น ๆ ที่มีประโยชน์มากกว่า

อาทิ ถ้ามีเวลาว่างก็ออกกำลังกาย ดูแลรักษาสุขภาพ ในวันแต่งงาน หรือวันรับปริญญาจะได้ดูดี หรือเป็นกิจกรรมอื่น ๆ ที่ควรทำมากกว่า ณ เวลาปัจจุบัน ที่มิใช่การคิดฟุ้งซ่าน หรือปรุงแต่งว่าเมื่อไหร่งานรับปริญญาจะมาถึง งานแต่งงานจะออกมาดีหรือไม่

แต่ท่านอาจจะไปยุ่งกับเรื่องการ

เตรียมงาน การจัดแจงสิ่งต่าง ๆ เพื่อวันงานจะได้ออกมาดี เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ท่านสามารถทำได้ดีที่สุด ณ ปัจจุบันของท่าน

สำหรับ การรออย่างที่สอง คือการรอในสิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ แต่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การรอประเภทนี้ส่งผลกระทบที่ก่อให้เกิดความรู้สึกกลัวเข้ามาเกี่ยวข้อง อาทิ คนที่เจอน้ำท่วมบ้าน ก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่น้ำจะลดและแห้ง เพราะยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอดูว่าเมื่อไหร่น้ำจะลด เพราะลึก ๆ แล้ว ในใจกลัวว่าน้ำจะไม่ลด เพราะฉะนั้น แทนที่จะคิดรอให้เครียดไปเสียเปล่า ก็ควรจะต้องคิดให้ได้ว่ายังไงน้ำก็ต้องลด แต่จะลดเมื่อไหร่เป็นเรื่องยากที่จะรู้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะคิดรอ และให้จิตใจของท่านมาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า

เช่นในระหว่างที่น้ำยัง ท่วมอยู่นั้น มีอะไรอย่างอื่นที่ท่านควรจะต้องทำ แทนที่จะมานั่งคิดรอไปเรื่อย ๆ ถ้าท่านสามารถนำจิตใจของท่านไปคิดเรื่องอื่น ๆ ณ ปัจจุบันที่เป็นประโยชน์มากกว่าได้ ท่านก็จะลืมไปว่าท่านรอน้ำลดอยู่ ซึ่งในกรณีนี้ทำให้การรอของท่านไม่นานอย่างที่คิด และทำให้เครียดน้อยลงด้วย

สำหรับ การรออย่างสุดท้าย คือการรอในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด อาทิ บางท่านรอว่าชีวิตนี้จะได้แต่งงานหรือไม่ จะมีคู่ชีวิตกับเขาหรือเปล่า เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด เพราะฉะนั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะคิดว่าจะมีคู่ชีวิตหรือไม่ หรือจะได้แต่งงานหรือไม่

เพราะ นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งท่านเองไม่สามารถกำหนดได้ แต่สามารถทำให้จิตใจลืมการรอคู่ชีวิตไปได้ด้วยการเอาจิตใจไปคิดเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญกว่า ณ ปัจจุบัน อาทิ ตั้งใจทำงาน ตั้งใจทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตั้งใจรักษาสุขภาพ

ซึ่งต้องย้ำ ว่าจริง ๆ แล้ว ในแต่ละขณะปัจจุบันของชีวิต ท่านมักจะมีเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์มากกว่าให้ท่านคิด หรือท่านอาจจะคิดในเชิงบวกที่ว่า ณ ขณะนี้ที่ท่านยังโสดอยู่ ท่านมีอิสรเสรีภาพ ท่านยังสามารถทำอะไรที่อยากทำได้ โดยที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังเหมือนคนที่เขามีคู่ชีวิต มีบุตรกันแล้ว

ถึง ณ จุดนี้น่าจะพอเห็นภาพว่าการรอนั้นมิใช่เรื่องดี จริงอยู่ว่าคนเราทุกคนต้องรอ แต่การรอจริง ๆ เป็นพฤติกรรมหรือเป็นกิริยาที่ทำโดยจิตใจ สิ่งที่ท่านกำลังรออยู่นั้นเป็นเรื่องของอนาคต

ผมจึงคิดว่าท่านน่า จะเลือกที่จะเอาจิตใจของท่านมามีสมาธิกับสิ่งที่เป็นปัจจุบันเสียดีกว่า ถึงแม้ว่าท่านจะต้องรอ แต่ก็มิได้หมายความว่าจิตใจของท่านจะต้องมุ่งคิดถึงแต่การรอเพียงอย่างเดียว

ในระหว่างการรอ ท่านสามารถเอาจิตใจไปคิดถึงสิ่งอื่น ๆ ที่มีความเป็นปัจจุบันมากกว่า และมีประโยชน์มากกว่า จิตใจของท่านที่มักอยู่กับความเป็นปัจจุบัน จะเป็นจิตใจที่พร้อมที่จะเรียนรู้ ท่านจะได้รู้ ได้เห็นคุณค่าในชีวิตต่าง ๆ อีกมากมาย ถ้าสามารถบริหารจิตใจของท่านไม่ให้ยึดติดกับการรอในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงมากจน เกินไป

แล้วท่านจะพบว่าท่านรอสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้ด้วยใจที่สงบสุข ท้ายนี้ ขอให้ทุก ๆ ท่าน "รอ" อย่างมีความสุข (หรืออีกนัยหนึ่งคือท่านได้ลืมไปว่าท่านกำลัง "รอ" อะไรบางอย่างอยู่)


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : รอ อย่างเป็นสุข รออย่างไร

view