สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กษัตริย์ต้องสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง ศาลต้องอยู่ใต้คณะรัฐมนตรี ใบเสร็จ วรเจี๊ยก คิดสร้างรัฐไทยใหม่

กษัตริย์ต้องสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง” “ศาลต้องอยู่ใต้คณะรัฐมนตรี” ใบเสร็จ “วรเจี๊ยก” คิดสร้างรัฐไทยใหม่

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-จาก กรณีการเคลื่อนไหวของนักวิชาการกลุ่ม 'นิติราษฎร์' หรือที่หลายคนเรียก 'ขาก' จนติดปากว่ากลุ่ม 'นิติเรด' หรือกลุ่ม 'วรเจี๊ยก' ที่มี 'นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์' อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นแกนนำ เสนอให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในความผิดคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยยกระดับการเคลื่อนไหวขึ้นเป็น 'คณะรณรงค์แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา112' หรือ 'ครก.112' ซึ่งประกอบด้วยบุคคลจากหลายสาขาอาชีพ ทั้งนักวิชาการ กลุ่มศิลปิน สื่อมวลชน นักคิดนักเขียน (และนักเขี่ย) โดยเริ่มล่ารายชื่อประชาชนให้ได้กว่า 1 หมื่นชื่อ เพื่อแก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยโทษฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
       
       โดยล่าสุด กลุ่มนิติราษฏร์ได้รุกคืบสำแดงความ 'เหิมเกริม' ด้วยการเปิดวงอภิปรายที่ 'ส่อ' เจตนาจาบจ้วงล่วงละเมิด 'สถาบันพระมหากษัตริย์' พร้อมเสนอแนวคิดซึ่งถือเป็นการกดดัน 'สถาบันพระมหากษัตริย์' อันเป็นที่รักและเคารพสูงสุดของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าอย่างชัดเจน
       
       ทั้งนี้ ในวงอภิปรายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายวรเจตน์ ผู้เป็นแกนนำ ถึงกับเสนอแนวคิดให้แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยกำหนดให้พระมหากษัตริย์ต้องสาบานตน ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ว่าจะปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งส่อเจตนาบีบบังคับ กดดัน และบ่อนทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของปวงชนชาวไทย
       
       นอกจากแนวคิดปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว นายวรเจตน์ ยังเสนอแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเครื่องประเทศด้วยการปฏิรูปสถาบันหลักของ ชาติครั้งใหญ่ ทั้งกองทัพ ศาล และองค์กรอิสระ โดยกองทัพต้องอยู่ภายใต้อำนาจและคำสั่งของฝ่ายการเมือง ประธานศาลฏีกาและเหล่าตุลาการทั้งหลายต้องอยู่ภายใต้คณะรัฐมนตรีแทนที่จะ เป็นพระมหากษัตริย์ และให้ยกเลิกองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย
       
       หลายฝ่ายไม่รู้ว่ากลุ่มนิติราษฏร์ 'ลิงหลอกเจ้า' พวกนี้คิดอะไรอยู่ และมีเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ สาธารณชน 'คนไทย' ที่จงรักภักดีย่อมรู้สึก 'รับไม่ได้' กับการเสนอแนวคิดที่เหิมเกริม 'วิปริต' ผิดจากคนไทยผู้จงรักภักดีทั่วไปเช่นนี้
       
       หลังจากที่กลุ่มนิติราษฎร์ ที่นำโดยนายวรเจตน์ ได้เสนอแนวทางการดังกล่าว ก็ได้มี 'คนไทย' ที่จงรักภักดีหลายคนหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผล และข้อมูลเชิงวิชาการที่ถูกต้อง ครบถ้วน และรอบด้าน เพื่อเป็นการตอบโต้แนวคิดที่บิดเบือนและกระชากหน้ากากให้เห็น 'ด้านมืดในจิตใจ' ของพวกนักวิชาการ ‘ไร้เดียงสา’ ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ จบจากเมืองนอกเมืองนา มีความคิดก้าวหน้า แต่ความจริงแล้วเป็นแค่นักวิชาการหนุ่มสาวที่คึกคะนอง อยากลองของ โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วแนวคิดของตัวเองนั้นสุดแสนที่จะ ‘ล้าหลัง’ เป็นเผด็จการซ่อนรูปอยู่ในตัว ขณะเดียวกันก็เป็นทาสรับใช้นายทุนสามานย์เจ้าของพรรคการเมือง แบบสุดๆ!
       
       เริ่มจาก นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา ได้แสดงความคิดเห็นต่อข้อเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์ดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊ก 'คำนูณ สิทธิสมาน' ว่า พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ของเราทรงสาบานพระองค์มาตั้งแต่วันประกอบพระราช พิธีบรมราชาภิเษก คือขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2493 แล้วว่า
       
       “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”
       
       เป็นการสาบานพระองค์ต่อหน้าประชาชนในการเสด็จออกมหาสมาคม ไม่ใช่ในรัฐสภา โดยที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้
       
       “จากวันนั้นจนถึงวันนี้กว่า 60 ปี พระองค์ทรงพิสูจน์แล้วว่าไม่เคยทรงผิดคำสาบาน ทรงตรากตรำปฏิบัติพระราชกรณียกิจทุกประการเพื่อแผ่นดิน จนเป็นปัจจัยสำคัญที่นำประเทศนี้ผ่านยุคสงครามเย็นมาได้ แม้จะไม่ได้ทรงมีพระราชอำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญและธรรมนูญการปกครองฉบับ ต่างๆ นี่คือสาเหตุที่ประชาชนไทยรักพระองค์ ปกป้องพระองค์ และถวายพระเกียรติพระองค์ยิ่งกว่ายุคสมัยใดในประวัติศาสตร์”
       
       นายคำนูณระบุอีกว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างหากที่สาบานตนทั้งในฐานะ ส.ส. ส.ว. และรัฐมนตรี ทั้งในรัฐสภาบ้าง และต่อพระพักตร์พระองค์ ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติบังคับไว้ แต่ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา โดยภาพรวมแล้วไม่เคยพิสูจน์ว่ารักษาคำสาบานตนไว้ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ประชาชนไม่ไว้วางใจนักการเมือง และเป็นต้นเหตุสำคัญของการปฏิรูปการเมืองในช่วงปี 2537-2539 จนเกิดรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ให้กำเนิดนวัตกรรมทางการเมืองใหม่ๆ เป็นองค์กรอิสระขึ้นมาควบคุมนักการเมืองอีกชั้นหนึ่งแทนที่จะให้นักการเมือง ควบคุมกันเอง แต่ก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี นี่คือ 'อีกด้านหนึ่งของเหรียญ' ที่คณะนิติราษฎร์ละเลยที่จะพูดถึง
       
       ขณะที่ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มองว่า ถ้าดูรูปแบบข้อเสนอของนิติราษฎร์ เช่นข้อเสนอให้กษัตริย์สาบานตน เป็นข้อเสนอที่เกินกว่าคนไทยที่มีจิตใจปกติจะยอมรับได้ สะท้อนว่าเจตนาจริงๆ ไม่ได้อยากเสนอสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เขาต้องการเสนอ อาจเพื่อทำลายรัฐธรรมนูญฉบับนี้
       
       ด้านหนึ่งสะท้อนเจตนาว่าต้องการบางสิ่งบางอย่างทางการเมืองให้เกิด ขึ้นมาเพื่อลบล้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยอาจต้องการยั่วยุทหารให้ปฏิวัติ เสร็จแล้วก็ให้มวลชนออกมาต่อต้าน เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง นั่นคือเป็นเกม จึงเสนอให้เกินเลย และโฟกัสไปที่สถาบันฯ
       
       ทั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าการเสนอของนิติราษฎร์เป็นการปูพรมแดงให้เผด็จการทุนสามานย์ ทั้งหลาย ให้ครองอำนาจในสังคมไทยได้อย่างราบเรียบ โดยไม่ให้มีผู้มีอำนาจเชิงคุณธรรม
       ทั้งหลายมาหยุดยั้ง ฉะนั้น นิติราษฎร์เป็นกองหน้าของทุนนิยมผูกขาด ไม่ใช่เป็นกองหน้าของประชาธิปไตยแต่อย่างใด แล้วบอกว่าตัวเองก้าวหน้า ทั้งๆ ที่หาความก้าวหน้าไม่เจอ เพราะข้อเสนอ ย้อนไปปี 2475 ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีทุนนิยมผูกขาดในสังคมไทยด้วยซ้ำไป
       
       “นิติราษฎร์ต้องการมอบอำนาจให้นักการเมืองที่มาจากการทุจริตในการ เลือกตั้ง แสวงหาประโยชน์จากการบริหารประเทศ เอาอนาคตของประเทศไปอยู่ในมือนักการเมืองพวกนี้อีก เช่น ข้อเสนอข้อ 8 เสนอในแง่โครงสร้างทางการเมืองและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เช่นการใช้สภาเดียว หรือสองสภา แต่ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งก็จะไม่พ้นสภาผัวเมีย หรือข้อ 9 ให้ผู้พิพากษาศาลสูง ก็คือศาลฎีกา ได้รับการเสนอชื่อโดยคณะรัฐมนตรี และได้รับความเห็นชอบโดยรัฐสภา อันนี้ไปจำลองอเมริกามา แต่ก็ไม่ดูรัฐมนตรีบ้านเรา บางคนยังมีแบล็กลิสต์ บางคนยังมีคดีก่อการร้ายอยู่เลย แล้วให้คนเหล่านี้แต่งตั้งศาลสูง ยิ่งทำให้ระบบยุติธรรมมีปัญหามากขึ้น”อาจารย์พิชายขยายความ
       
       เช่นเดียวกับ นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์ประจำคณะ นิติศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช และสมาชิกกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่ได้มีการเสนอให้พระมหากษัตริย์ คือประมุขของรัฐ และต้องสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่งนั้น ถือว่าต้องการเชื่อมโยงเข้ากับสถาบันทางการเมือง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการปกครองในระบอบประธานาธิบดี ที่ต้องให้ผู้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเข้าพิธีสาบานตนก่อนเข้ารับตำแหน่ง
       
       ทั้งนี้ ข้อเสนอนี้มีลักษณะที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะต้องการลดสถานะของพระมหากษัตริย์ เหมือนเช่นคณะปฏิวัติเมื่อ พ.ศ.2475 ได้ดำเนินการมา ซึ่งกระบวนการของคณะนิติราษฎร์นี้เหมือนจะต่อยอดจากการกระทำเมื่อ พ.ศ.2475 โดยใช้หลักวิชาการมาครอบงำวิธีคิดของคนในสังคม และนำมวลชนมากดดัน ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่มีภาควิชาการนำหน้า ยืนยันว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ใช่ปมปัญหาของสังคม แต่ปัญหาเกิดจากกลุ่มทุนที่เข้ามาครอบงำพรรคการเมือง
       
       ส่วนกรณีนิติราษฎร์เสนอให้มีการปฏิรูปศาลนั้น นายคมสันบอกว่า ขัดกับหลักการของการแบ่งแยกอำนาจ 3 ฝ่าย กรณีที่ให้ฝ่ายการเมืองมีอำนาจแต่งตั้งฝ่ายตุลาการนั้น อาจจะส่งผลให้การเมืองครอบงำศาลได้ หากไม่สามารถแก้ไขระบอบเผด็จการพรรคการเมือง หรือทำให้พรรคปลอดกลุ่มธุรกิจได้อย่างแท้จริง
       
       เรียกได้ว่า เป็นการเสนอโดยไม่ดูสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย เสมือนกับเชื่อว่านักการเมืองของไทยไร้มลทินโดยสิ้นเชิง และเป็นการเสนอแบบ ‘ไร้เดียงสา’ ไม่แตะต้องรากเหง้าของปัญหาอย่างแท้จริง
       
       อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กลุ่มนิติราษฎร์ได้เสนอแนวคิดอัน 'เหิมเกริม' ดังกล่าว ได้ทำให้ 'คนไทย' ผู้จงรักภักดีที่ 'รับไม่ได้' จนต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านแนวคิดอัน 'วิปริต' ของพวก 'ลิงหลอกเจ้า' กลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเสื้อหลากสี นักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ กลุ่มสยามสามัคคี ชาวโคราชในนามกลุ่ม 'นักรบเมืองย่า' จ.นครราชสีมา ที่ออกมาแสดงพลังต่อต้านการแก้มาตรา 112 ของกลุ่มนิติราษฎร์อย่างรุนแรงถึงขั้นเผาหุ่นตัดหัวนายวรเจตน์
       
       รวมถึงนักศึกษา คณาจารย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมองค์กรเครือข่ายในนาม 'ชาวขอนแก่นรักในหลวง' ที่สุดทนกับพฤติกรรมเหิมเกริมของกลุ่มนิติราษฎร์ ก็ได้ออกแถลงการณ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์สุดชีวิต
       
       เช่นเดียวกัน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า ก็ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวทางเฟซบุ๊ก Borwornsak Uwanno ว่า "ผมว่าก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญตามที่พวกคุณเสนอ ควรแก้ข้อบังคับทุนอานันทมหิดล ให้ผู้รับทุนสาบานว่าจะไม่เนรคุณและไม่ทรยศต่อพระมหากษัตริย์ผู้พระราชทาน ทุนจะง่ายกว่ามั้ย ข้อเสนอผมไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญเลย.!!!” ซึ่งเล่นเอาสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ เนื่องเพราะทุกคนรับทราบว่า นายวรเจตน์นั้นจบปริญญาโทและปริญญาเอก นิติศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกิร์ทธิงเกน ประเทศเยอรมนี ด้วยทุนอานันทมหิดล
       
       ...ถึงตรงนี้ สำหรับกลุ่มวรเจี๊ยกนั้น ถามว่าเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคืออะไร
       
       ณ บัดนี้ก็เป็นที่แน่ชัดตามที่ภาคีคณาจารย์ นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้ออกแถลงประณามว่า 'แก๊งนิติเรี่ยราด' มีเป้าหมายที่จะผลักดันแก้กฎหมายมาตรา 112 เพื่อหวังเปลี่ยนประเทศสู่ 'รัฐไทยใหม่' โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข


ชมรมนิติฯ มธ.2501 จี้ปลดอาจารย์นิติราษฎร์

จาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เมื่อ วันที่ 28 มกราม ที่่นันทอุทยานสโมสร ถ.อรุณอัมรินทร์  ชมรมนิติ มธ.2501 นำโดยนายสุเทพ นิรันดร และนายสุชาติ สหัสโชติ ประธานชมรมออกแถลงการณ์และทำจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ดำเนินการห้ามไม่ให้มีการใช้สถานที่ของม.ธรรมศาสตร์ทำการรณรงค์ ยกเลิกหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 8 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 อันเป็นพฤติกรรมเหิมเกริมจาบจ้วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด และให้กลุ่มอาจารย์นิติราษฎร ์ซึ่งประกอบด้วยอาจารย์ชายหญิงคณะนิติศาสตร์5คนและคณะอื่นบางอีกคณะยุติการ ปฏิบัติหน้าที่อาจารย์ทันที เพื่อไม่ให้นักศึกษารับความคิดมิจฉามาเป็นแบบอย่างต่อไป พร้อมทั้งให้มีการดำเนินการสอบสวนเพื่อลงโทษทางวินัยกลุ่มอาจารย์นิติราษฎร์ ดังกล่าว เพราะมีการแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เป็นผู้ไม่นิยมเลื่อมใสการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นพระประมุข ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ข้าราชการไทยทุกคนจะต้องมี

ด้าน นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และศิษย์เก่ามธ. กล่าวว่า จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวรณรงค์ยกเลิกหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 8 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ของกลุ่มนิติราษฎร์ แม้ว่าพวกเขาจะมีสิทธิเสนอความเห็นทางวิชาการได้ แต่การแก้ไขแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 8 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 จะต้องดำเนินการผ่านรัฐสภา ซึ่งตนคิดว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีทางการผ่านสภาออกมาบังคับใช้ทางกฎหมายได้แน่นอน


สำนักงานบัญชีและธุรกิจ พี.เอ.แอล.,สำนักงานสอบบัญชี พีแอนด์อี
ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,จดทะเบียนธุรกิจ,วางระบบบัญชี

Tags : กษัตริย์ต้องสาบานตน ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ศาล คณะรัฐมนตรี ใบเสร็จ รัฐไทยใหม่

view