สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พระสงฆ์ควรยุ่งกับการเมืองจริงหรือ

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


โดย : พระมหาสายัญ ศรีอ่อน

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีข่าวว่ารัฐบาลได้ขึ้นบัญชีดำพระสงฆ์ ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ถึง 10 รูป

กรณีดังกล่าวทำให้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น กล่าวก็คือ ไม่ว่าจะด้วยจงใจปล่อยข่าวหรือเหตุใดก็ตาม ผู้เขียนในฐานะพระสงฆ์มองว่าไม่ควรนำพระไปเกี่ยวข้อง นั่นคือ ถ้าเป็นการปล่อยข่าวก็แสดงว่าผู้ปล่อยข่าวหวังผลบางอย่าง เพราะพระเถระที่อยู่ในข่ายล้วนเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและมีผู้คนนับถืออยู่ ไม่น้อย ดังนั้น การปล่อยข่าวเช่นนี้ก็เพื่อจะดึงพระเข้ามาเป็นพวก เมื่อมีพระเป็นพวกแล้วก็ยังทำให้เกิดความไม่พอใจให้แก่ผู้ที่เคารพนับถือพระ เถระทั้ง 10 รูป เรื่องนี้จึงเป็นความละเอียดอ่อนและกระทบต่อความรู้สึกของชาวพุทธไม่น้อย ซ้ำยังอาจส่งผลให้เกิดความไม่พอใจรัฐบาลขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น จากศิษย์ของพระเถระ นั่นเพราะคงไม่มีใครอยากให้ครูบาอาจารย์ของตนถูกเฝ้าระวังโดยฝ่ายรัฐหรือใคร ก็ตาม อนึ่ง ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ระส่ำระสายเช่นนี้ ยังจะมีการนำพระมายุ่งกับการเมืองอีก อาจจะตรงกับคำโบราณที่ว่า "ผีเรือนไม่ดีผีป่าแทรก" ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องดึงเจ้ากูเข้ามายุ่งการเมืองอีก ถึงความคิดเช่นนี้ดูไร้เหตุผลก็จริงแต่ก็เป็นการหวังผลเฉพาะด้านอยู่ไม่น้อย ยิ่งกว่านั้น หากวิเคราะห์ด้วยสติปัญญาและใช้แว่นที่ปราศจากอคติแล้ว รัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นบัญชีพระเถระทั้ง 10 รูปแต่ประการใด และไม่มีเหตุผลที่รัฐจะเพิ่มภาระเติมความขัดแย้งในสังคม นอกเสียจากว่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อเพิ่มแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นในวงการ คณะสงฆ์ และเพิ่มความไม่พอใจให้ขยายวงไม่เฉพาะฆราวาสเท่านั้น แต่ดึงพระเข้ามาเป็นพวกของตนด้วย เฉพาะกรณีความวุ่นวายของบ้านเมืองในกลุ่มฆราวาสก็ยังแก้ไม่ได้ รัฐบาลยังจะตามแก้ความขัดแย้งของพระคุณเจ้าอีก ดังนั้น เรื่องนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพิจารณาให้ละเอียดแบบโยนิโสมนสิการ ตามหลักการทางพุทธศาสนา
 

เรื่องพระกับการเมืองได้มีคนพูดกันในวงกว้าง ว่า พระควรอยู่ในที่ตั้งอย่างไรจึงจะเหมาะสมอย่างไร กรณีดังกล่าวพระสงฆ์ต้องดูพระพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง เพราะพระองค์ทรงวางพระองค์กับความขัดแย้งได้อย่างเหมาะสม กรณีตัวอย่างปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร ครั้งนั้นเป็นค่อนสมัยพุทธกาล คือ พระพุทธเจ้าจวนจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน สมัยที่ประทับอยู่ ณ เขาแร้ง (คิชฌกูฏ) เมืองราคฤห์ พระเจ้าอชาตศัตรูมีพระประสงค์ที่จะทำสงครามแตกหักกับแคว้นวัชชี และหวังจะยึดอำนาจเจ้าครองนครวัชชีให้เด็ดขาด จึงได้ส่งมหาอำมาตย์ชื่อวัสสการพราหมณ์ไปทูลถามพระพุทธเจ้า ว่า พระองค์จะทรงมีพระวินิจฉัยอย่างไรกับการทำสงคราม เพราะต้องการหาแนวร่วมและคำยืนยันจากพระพุทธเจ้า แต่ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสถึงวิธีการปราบปรามแคว้นวัชชี กลับตรัสถามพระอานนท์ที่ถวายงานพัดอุปัฏฐากแทนถึงหลักอปริหานิยธรรม (ธรรมะที่จะทำให้แว่นแคว้นมั่นคง) ของชาววัชชี พออำมาตย์นั้นได้ฟังเท่านั้นก็รู้ได้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสภาษิตได้น่าฟังทั้ง มีความไพเราะ จากนั้นจึงได้กลับไปกราบทูลพระเจ้าอชาตศัตรูตามที่ตนได้ยิน
 

ความข้างต้นเราสามารถวิเคราะห์ได้ ว่า แม้พระพุทธเจ้าจะได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากพระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพระราช บิดาของพระเจ้าอชาตศัตรูไม่น้อย ทั้งยังมีความชอบพอกันจนถึงได้ออกพระโอษฐ์จะยกราชสมบัติให้พระพุทธเจ้าร่วม ปกครองด้วยซ้ำ รวมไปถึงการทรงอุทิศถวายสวนไผ่ให้เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา (วัดเวฬุวัน) เป็นต้น แต่พระองค์มิได้ทรงสนับสนุนความรุนแรง และได้ทรงบริหารความขัดแย้ง โดยการวางพระองค์ไว้ในที่เหมาะสม คือ ตรัสถามพระอานนท์ให้วัสสการพราหมณ์อำมาตย์ได้ยินและรับรู้ ว่า แคว้นวัชชีมีความเข้มแข็งเกินกว่าที่พระเจ้าอชาตศัตรูจะไปปราบปรามได้ และหากไปจริงก็จะเกิดสงครามใหญ่ระหว่างแคว้นซึ่งมีแต่ความสูญเสีย ประเด็นต่อมา คือ เรายังเห็นได้ว่าพระองค์ทรงจัดการความขัดแย้ง โดยวางพระองค์เป็นกลางไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ฝ่ายพระเจ้าอชาตศัตรู
 

คราวนี้ลองพิจารณาดู พระสงฆ์ไทยในสยามเมืองยิ้ม หากจะยึดแนวปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้วพระสงฆ์ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับการเมือง หรือหากมองว่านักการเมืองส่วนมากประพฤติตัวไม่เหมาะสมจำเป็นจะต้องเข้าไปพบ หารือเพื่อให้ธรรมะหรือเตือนสติ เพื่อความสุขของคนไทย กรณีเช่นนี้ก็อาจทำได้ แต่ไม่ควรไปเลือกข้างถือฝ่าย เข้าข้างหรือสนับสนุนอย่างชัดเจน เพราะพระสงฆ์ควรอยู่ในที่ตั้งที่เหมาะสมเพื่อลดความขัดแย้ง หรือหากนักการเมืองต้องการธรรมะ หรือต้องการที่ปรึกษาฝ่ายศาสนาผู้เขียนคิดว่า นักการเมืองหรือที่ปรึกษาต่างหากที่จะต้องเป็นผู้มาพบพระสงฆ์เช่นที่พระเจ้า อชาตศัตรูให้อำมาตย์มาพบพระพุทธเจ้า ไม่จำเป็นที่พระสงฆ์จะต้องไปพบหรือไปร่วมแสดงเจตจำนงสนับสนุน ดังนั้น เพื่อจะตอบโจทย์ว่าพระสงฆ์ควรจะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือการชุมนุมหรือไม่อาจจะต้องใช้วิธีการของพระพุทธเจ้า คือ อยู่ในที่ตั้งที่เหมาะสมวางตนเป็นกลางทั้งต่อฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน และควรยึดถือปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม (องค์กรปกครองสูงสุดของพระสงฆ์เทียบได้กับคณะรัฐมนตรี) อย่างเคร่งครัด เพราะได้มีประกาศไว้ชัดเจน กล่าวคือ คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ. 2538 ซึ่งได้ตีพิมพ์ในแถลงการณ์คณะสงฆ์ (เล่ม 83 ตอนที่ 1 ลงวันที่ 25 มกราคม 2538) ความว่า
 

ข้อ 4 ห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปในที่ชุมนุมหรือในบริเวณสภาเทศบาล หรือสภาการเมืองอื่นใดหรือในที่ชุมนุมทางการเมืองไม่ว่ากรณีใดๆ
 

ข้อ 5 ห้ามพระภิกษุสามเณรทำการใดๆ อันเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่การหาเสียง เพื่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาเทศบาล หรือสภาการเมืองอื่นใดแก่บุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ
 

ข้อ 6 ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ
 

ข้อ 7 ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมอภิปราย หรือบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเมือง ซึ่งจัดตั้งขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด
 

ข้อ 8 ให้พระสังฆาธิการตั้งแต่ชั้นเจ้าอาวาสขึ้นไป ผู้มีอำนาจหน้าที่ในทางปกครองชี้แจงแนะนำผู้อยู่ในปกครองของตนให้ทราบคำสั่ง มหาเถรสมาคมนี้ และกวดขันอย่าให้มีการฝ่าฝืนละเมิด
 

ข้อ  9 พระภิกษุสามเณรรูปใดฝ่าฝืนละเมิดคำสั่งมหาเถรสมาคมนี้ ให้พระสังฆาธิการผู้ปกครองใกล้ชิดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตน
 

เมื่อศึกษาจริยาวัตรที่ทรงปฏิบัติต่อฝ่ายบ้านเมืองของพระพุทธเจ้า และศึกษากฎมหาเถรสมาคมแล้วอาจจะได้คำตอบว่า พระสงฆ์ควรจะอยู่ในที่ตั้งเช่นใดจึงจะเหมาะสม และเหมาะแก่เพศสภาพที่ตนเองเป็น ทั้งนี้ ก็เพื่อจะได้ไม่เป็นการไปเพิ่มเติมความขัดแย้งและความรุนแรงเพิ่มขึ้นให้แก่ สถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานดังที่ปรากฏใน ปัจจุบัน สุดท้ายต่อกรณีการขึ้นบัญชีพระเถระอยากให้พุทธศาสนิกชนที่เป็นศิษยานุศิษย์ ใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งพิจารณาความสมเหตุสมผลก่อนที่จะเชื่อโดยอาศัยหลักกาลามสูตร ทั้งต้องไม่ลืมว่า พระเถระ 10 รูปที่ตกเป็นข่าวเป็นพระเถระที่มีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา และเป็นพระเถระผู้มีวัตรปฏิบัติงดงามสมแก่สมณะไม่ข้องแวะกับการเมืองมาแต่ ไหนแต่ไรมา จึงไม่จำเป็นที่พุทธศาสนิกชนไทยจะต้องวิตกแทนท่านมีแต่จะต้องช่วยปกป้อง ท่านออกจากการเมือง เพราะท่านทั้ง 10 รูปบริสุทธิ์และสูงส่งเกินกว่าที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง หรือให้การเมืองมายุ่งกับท่าน

view