สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ค้นความจริงฉบับสุดท้าย ดร.คณิต เปิดลิ้นชักแห่งความลับ 20 ปี เชื่อว่าคนเสื้อแดง ทักษิณจะเกลียดผมเข้าไส้

จากประชาชาติธุรกิจ

รายงานพิเศษ



แม้ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) จะสิ้นสุดวาระไปแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ค. แต่ "ดร.คณิต ณ นคร" ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในกลเกมการเมืองขณะนี้

เพราะทั้ง "ความจริง-ความลับ" ในมือ คอป.ถือเป็นอาวุธสำคัญที่ฝ่ายการเมือง ยังจ้องจะหยิบไปขยายแผลทางการเมือง สร้างความผิดให้คู่ตรงข้ามตกเป็น "จำเลย" โดยสมบูรณ์

หนึ่ง พรรคเพื่อไทยยังรอ "ความจริง" ภายใต้รายงานความคืบหน้าฉบับสมบูรณ์ของ คอป. เพื่อเพิ่มน้ำหนักความผิดให้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-สุเทพ เทือกสุบรรณ" กรณีลงนามคำสั่งกระชับพื้นที่ ในเหตุการณ์การชุมนุมปี 2553 ทำให้มีคนตาย 98 ศพ

สอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังรอ "ความลับ" ของ ดร.คณิต ครั้งที่ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษา และวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียง และทรัพย์สินของประชาชน (คตน.)

เพื่อเปิดข้อมูลจากรายงานค้นหาความ จริง ลาก "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เข้าสู่ข้อหา "ฆ่าตัดตอน" ในฐานะผู้ประกาศทำสงครามขั้นแตกหักเพื่อเอาชนะยาเสพติด

ทั้ง 2 คดี 2 จำเลย ฝ่ายการเมืองต้องการลาก "คนผิด" ไปไกลถึงกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศหรือศาลโลกเป็นผู้ตัดสิน

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "ดร.คณิต" ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง

ปี 2535 ครั้งที่นั่งเก้าอี้รองอัยการสูงสุด เขาถูกฝ่ายการเมืองเชิญไปช่วยค้นหาความจริงหลังเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ร่วมกับคณะของนายโสภณ รัตนากร อดีตประธานศาลฎีกา

"ดร.วิษณุ (เครืองาม) รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในขณะนั้นได้โทรศัพท์มาหาผมที่บ้าน เพื่อเชิญให้ผมไปร่วมกระบวนการค้นหาความจริง โดยท่านกล่าวกับผมสั้น ๆ ว่า สาเหตุที่ต้องเป็นผม เพราะดูมีความเป็นกลางสูงที่สุดในขณะนั้น"

หลัง ทำงานอย่างเข้มข้นร่วม 4 เดือน รายงานฉบับสมบูรณ์ก็เสร็จสิ้น แต่ "ความจริง" ดังกล่าวก็สูญหายไปพร้อมกับกาลเวลา ไม่เคยได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากฝ่ายการเมือง

ปี 2550 ภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แต่งตั้ง คตน. โดยมอบหมายให้ "ดร.คณิต" รับผิดชอบ เพื่อค้นหาความจริงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดใน "คดีฆ่าตัดตอน" หรือไม่

"เราทำงานกัน อย่างได้ผล สุดท้ายสามารถบ่งชี้ชัดได้ว่า กรณีดังกล่าวเป็นความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crime against humanity) ได้เกิดขึ้น หลังจากที่มีคนตายหลายพันคน"

แต่ 1 ปีให้หลัง รายงานค้นหาความจริงเรื่องฆ่าตัดตอนก็ลอยหายไปกับสายลมอีกครั้ง เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีคำสั่งไม่ต่ออายุให้คณะทำงาน คตน.

เป็น 2 ครั้งที่ "ความจริง" ในมือ ดร.คณิต ถูกฝ่ายการเมืองเก็บเข้าลิ้นชักแห่งความลับ

กระทั่ง ล่าสุดกับการแต่งตั้ง คอป. เพื่อค้นหาความจริงในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมเดือนพฤษภาคม ปี"53 ดร.คณิตตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งเพื่อค้นหาความจริงอีกครั้ง โดยคำชักชวนจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

จาก บทเรียนทั้ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้เขามีข้อแม้กลับไปว่า "ยินดีที่จะทำหน้าที่ค้นหาความจริง แต่จะไม่ขอเข้าข้องเกี่ยวกับการค้นหาว่าใครผิด-ใครถูก เพราะนั่นคือบทบาทในชั้นของกระบวนการยุติธรรม"

เมื่อสัญญาทั้งหมดลง ตัว "ดร.คณิต" จึงเดินสาย เชื้อเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยตนเอง โดยมีหลักตั้งต้นว่า ในคณะทำงานต้องมีคนจากทุกสี ทุกฝ่าย เพื่อให้มีข้อมูลในมาตรฐานเดียวกัน

"จาตุรนต์ ฉายแสง" คือชายคนแรกที่เขาอยากพบ เพราะความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันตั้งแต่สมัยก่อตั้ง "พรรคไทยรักไทย" โดยเฉพาะครั้งที่ทำงานร่วมกันในกระทรวงยุติธรรม ถือว่าบุคคลนี้รู้มือกันดีอยู่แล้ว

"วีระ มุสิกพงศ์-สนธิ ลิ้มทองกุล" เป็นกลุ่มแกนนำ 2 ฝ่าย 2 สี ที่มีความจำเป็นต้องมีอยู่ในคณะทำงานเดียวกัน เพื่อให้การลงความเห็นจากทั้งหมด ไม่เกิดผลลัพธ์เป็น 2 มาตรฐานให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้ง 3 คนให้คำตอบ "ปฏิเสธ" ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน คณะทำงานในฝันของ "ดร.คณิต" จึงไม่เกิดขึ้น สุดท้ายจึงเกิด 12 คอป.ขึ้นจนถึงปัจจุบัน

หลังผ่านร้อน-หนาวบนเก้าอี้ "ค้นหาความจริง" มาร่วม 20 ปี ดร.คณิตสามารถสรุปบทเรียน กลั่นเป็นข้อเสนอแนะที่สำคัญได้ 6 ประการ ดังนี้

1.ความ วุ่นวายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร ปี 2549 หากต้องการทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบอย่างสันติได้นั้น จำเป็นต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณเสียสละเพื่อชาติ ยุติบทบาททางการเมือง เนื่องจากเป็นชนวนเหตุที่สำคัญของเหตุการณ์ทั้งหมด

2.รัฐบาลต้องเดิน หน้าแก้ไขภาพการหักดิบกฎหมายให้มีความกระจ่างชัด เพื่อลบความทรงจำในแง่ลบของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นในตัวตุลาการให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

3.กรณี ที่ศาลโลกที่คนเสื้อแดง และ ปชป.กำลังดำเนินการอยู่นั้น มีความเห็นว่าไม่สามารถทำได้ จนกว่ารัฐบาลไทยจะได้ลงสัตยาบันใน "ธรรมนูญกรุงโรม" ซึ่งหากศาลโลกเข้ามาเกี่ยวข้องในตอนนี้ จะเสี่ยงที่ทำให้ประเทศเสียเกียรติภูมิในที่สุด

4.ควรตระหนักว่าที่ ผ่านมา มีนักการเมือง พนักงานรัฐจำนวนไม่น้อย หลบหนีกระบวนการยุติธรรมไปต่างประเทศ ยกตัวอย่างผู้ใหญ่คนหนึ่งในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ถูกพิพากษาลงโทษจำคุก แต่สุดท้ายหนีออกนอกประเทศจนคดีหมดอายุความ

5.ขอยกตัวอย่างกรณีการ ทุจริตเรื่องหนึ่ง มี 2 สามีภรรยา ชื่อ Gerald and Patricia Green ร่วมกันทำทุจริตกับหัวหน้าหน่วยงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สุดท้ายศาลในประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินให้มีความผิด ทำเรื่องให้ไทยส่งตัวอดีตผู้ว่าการคนดังกล่าวในฐานะ "ผู้ร้ายข้ามแดน" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 20

6.ควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อาจต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายพิจารณาความอาญาให้ศาลไทย ดำเนินคดีในลักษณะ "การพิจารณาโดยไม่มีตัวจำเลย" ในคดีบางประเภท เช่น คดีความผิดเกี่ยวกับคอร์รัปชั่น เกี่ยวกับการก่อการร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลบหนีออกนอกประเทศอย่างไม่มีความผิด

ทั้ง หมดคือข้อเสนอ-ข้อเท็จจริงส่วนตัวของประธาน คอป.ที่เตรียมเปิดเผยอย่างเป็นทางการ พ่วงท้ายกับผลการค้นหาความจริงฉบับสมบูรณ์ ในวันที่ 17 กันยายนนี้

ทั้ง หมดเป็นความจริงในใจจาก "ดร.คณิต" ที่ยังคงเป็นห่วงว่า หากข้อเสนอแนะสุดท้ายถูกเผยแพร่ อาจถูกฝ่ายการเมืองเก็บเข้าลิ้นชักเป็นครั้งที่ 3

โดยเฉพาะบทสนทนาในวงประชุมครั้งสุดท้ายที่มีกรรมการคนหนึ่งอ้างถึงว่า

"หลัง แถลงข่าวเสร็จ ขอให้คณะกรรมการแยกย้ายกันทันที เพราะผมเชื่อว่าหลังรายงานฉบับนี้ถูกเผยแพร่ คนเสื้อแดงและคุณทักษิณจะเกลียดผมและพวกคุณเข้าไส้"


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ค้นความจริงฉบับสุดท้าย ดร.คณิต เปิดลิ้นชักแห่งความลับ คนเสื้อแดง ทักษิณ เกลียดผมเข้าไส้

view