สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คนยุโรปกับภาวะภาษีที่เพิ่มขึ้น

คนยุโรปกับภาวะภาษีที่เพิ่มขึ้น

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ประเทศต่างๆในยุโรปกำลังหาทางออกให้กับภาระงบประมาณ และปัญหาหนี้สาธารณะ โดยจำเป็นต้องปรับให้ลดภาระหนี้ต่างๆลงสู่ระดับปกติโดยเร็ว

จ่ายภาษี ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อจ่ายด้วยบัตรเครดิต SCB ปลอด ดอกเบี้ย 51 วัน แบ่งชำระ 10 เดือนwww.scbcreditcard.com
Natear น้ำตาเทียมบรรเทาอาการระคายเคืองตา หรือ ตาแห้ง โดยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับดวงตาwww.natear.com
ทัวร์นิวซีแลนด์ 20-26 ตคไคร์สทเชิร์ทเรือกลไฟชมฟ๊อกกลาเซีย ด่วนล่องทะเลสาบชมปลาวาฬทานกุ้งมังกรwww.osamutravel.com

ซึ่งก็ทำได้สองทางคือ ลดรายจ่ายของภาครัฐ และเพิ่มรายได้
 

ประเทศส่วนใหญ่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหา โดยเลือกทำทั้งสองด้าน  ด้านหนึ่งก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาดำเนินมาตรการรัดเข็มขัด ด้วยการปรับลดงบประมาณต่างๆที่มองเห็นว่าจะไม่กระทบกระเทือนต่อภาวะทาง เศรษฐกิจและสังคมมากนัก และไม่ให้กระทบต่อคะแนนนิยมด้วย ส่วนด้านหารายได้ ก็ต้องเก็บภาษีเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากธุรกิจไม่สดใส เก็บภาษีได้น้อยลง จึงต้องหันมาเก็บภาษีจากบุคคลธรรมดา แม้จะไม่ค่อยอยากทำก็ตาม


สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวพาดหัวเรื่องประธานาธิบดีโอลองด์ของฝรั่งเศสจะ ประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้ในส่วนที่เกิน 1 ล้านยูโรต่อปี ให้เป็น 75% หลังจากข่าวออกมา วงการแฟชั่นและสินค้าแบรนด์ดังของฝรั่งเศส ต่างก็ออกมาให้แสดงความไม่เห็นด้วย โดยบอกว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการดึงคนเก่งๆ มีความสามารถให้มาทำงาน


แต่ที่ฮือฮาที่สุด เห็นจะเป็น คุณเบอร์นาร์ด อาร์โนลท์ หัวหน้ากลุ่มสินค้าหรูหรา ของบริษัท LVMHซึ่งเป็นเจ้าของ
แบ รนด์หรูหลายแบรนด์ รวมถึง หลุยส์วิตตอง และเฮนเนสซี ออกมาประกาศว่า จะย้ายไปเป็นพลเมืองของประเทศเบลเยียมซึ่งอยู่ติดกัน แต่ตัวจะยังอยู่ในฝรั่งเศสอยู่  ทำให้ประธานาธิบดีโอลองด์ต้องรีบอกมาแก้ข่าวว่า มาตรการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวดังกล่าว จะเป็นมาตรการที่นำมาใช้ในเวลาสองปี  ยังไม่ได้จะนำมาใช้ในทันที


ในสภาวะที่รัฐบาลของแต่ละต้องใช้จ่ายเงินมากในขณะที่เศรษฐกิจซบเซาลง ทำให้รัฐบาลของหลายๆประเทศปิดหีบไม่ลง ต้องพยายามหารายได้มาสนับสนุนการใช้จ่ายและมาลดหนี้สาธารณะนั้น รัฐบาลต้องง้อประชาชนอยู่พอสมควร โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่การเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นไปได้อย่างเสรี  เพราะหากประชาชนไม่พอใจการดำเนินนโยบาย แล้วย้ายออกจากประเทศ รัฐบาลจะอดได้รับภาษีจากเงินได้ของคนมีรายได้สูงเหล่านั้น


ฐานเงินได้ที่ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดของประเทศต่างๆในยุโรปจะแตก ต่างกัน โดยฝรั่งเศสมีอัตราภาษีสูงสุดที่ 45% และฟินแลนด์ มีอัตราภาษีสูงสุดที่ 49% สำหรับรายได้ส่วนที่เกิน 70,830 ยูโร และ 70,300 ยูโร หรือประมาณ 2.85 ล้านบาท แต่ฟินแลนด์มีภาษีเทศบาลค่อนข้างสูง


เยอรมนีและสเปนอยู่ในกลุ่มที่อัตราภาษีสูงสุดใช้กับฐานรายได้ที่ค่อน ข้างสูงคือ สำหรับเยอรมนี รายได้ในส่วนที่เกินกว่า 250,731 ยูโร (ประมาณ 10 ล้านบาท) ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดคือ 45% และเงินได้ที่เกินกว่า 300,000 ยูโรในสเปน (ประมาณ 12 ล้านบาท) ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดคือ 52%


อัตราภาษีของประเทศที่มีหรือเริ่มมีปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะถูกปรับ ขึ้นมาในช่วง 3-4 ปีนี้  ดิฉันขอยกอัตราสูงสุดมาดูเพื่อเปรียบเทียบนะคะ  สาธารณรัฐไอร์แลนด์ซึ่งเข้าสู่การขอรับความช่วยเหลือก่อนใครเพื่อน ปรับขึ้นอัตราภาษีขั้นสูงสุด จาก 41% เป็น 46%ในปี 2009 เป็น 47% ในปี 2010 และเป็น 48% ตั้งแต่ปี 2011 ถึงปัจจุบัน โดยส่วนของรายได้ที่เกิน 32,801 ยูโร ก็ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดแล้ว


กรีซ ปรับเพิ่มอัตราสูงสุดของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 40% เป็น 45% ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา


โปรตุเกส ปรับเพิ่มจาก 40% เป็น 42% ในปี 2009 มาเป็น 45.88% ในปี 2010 และตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา เรียกเก็บในอัตรา 46.5%


สเปน แม้จะไม่ได้ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ แต่อัตราการว่างงานที่สูงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังวิกฤตซับไพร์ม ทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้น้อย จากเดิมที่เพิ่งลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดจาก 45%เป็น 43%ในปี 2007 ต้องปรับเพิ่มอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากลับขึ้นไปเป็น 45% ตามเดิมในปี 2011 และปรับเพิ่มเป็น 52% ในปี 2012


ส่วนประเทศอิตาลี ยังไม่ได้ขึ้นอัตราภาษีค่ะ อัตราสูงสุด คงที่ 43% มานานพอสมควร และรายได้ที่จะถึงขั้นสูงสุดคือ เกิน 75,000 ยูโร


ประเทศเบลเยียมที่คุณอาร์โนลท์ อยากจะไปเป็นพลเมืองนั้น มีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดที่ 50% และรายได้เพียง 36,300 ยูโร ก็เข้าข่ายนี้แล้ว ดิฉันจึงเข้าใจว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสคงต้องการเสนอฐานภาษีอัตราก้าวหน้า ใหม่ที่เก็บจากคนรายได้สูงๆ มากๆ  ซึ่งหากเก็บจริง ฝรั่งเศสจะกลายเป็นประเทศที่มีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงที่สุดใน โลก แทนที่ประเทศอรูบา ที่มีอัตราภาษี 58.95%


สำหรับในเอเชียแปซิฟิกนั้น จะต่างกัน หากอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา กำลังเติบโต ต้องการสร้างให้คนมาอยู่ในฐานภาษีมากๆ ในช่วงที่ผ่านมา จึงลดอัตราภาษีลง ส่วนประเทศที่พึ่งพาภาษีจากชาวต่างชาติที่มาพำนักและทำงาน ก็มีนโยบายดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเสียภาษีของประเทศตน โดยฮ่องกง สิงคโปร์และเกาหลี เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนค่ะ


ฮ่องกงเก็บภาษีในอัตราเดียวคือ 15% และสามารถหักค่าใช้จ่ายต่างๆได้ก่อนนำมาคำนวณภาษีได้  สิงคโปร์เก็บในอัตราก้าวหน้า สูงสุดที่ 20% สำหรับรายได้ที่เกินกว่า 320,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 8.14 ล้านบาท) ส่วนเกาหลีใต้ อัตราภาษีสำหรับคนเกาหลีใต้สูงสุดคือ 38% ณ รายได้ส่วนที่เกิน 300 ล้านวอน (ประมาณ 9 ล้านบาท) แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ สามารถเลือกเสียในอัตราคงที่คือ 15% ได้ แต่ห้ามหักค่าใช้จ่าย


ญี่ปุ่นจะแตกต่าง เนื่องจากระดับหนี้สาธารณะสูง ประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัย อัตราภาษีสูงสุดจึงสูงถึง 50% หากรายได้เกิน 18 ล้านเยนต่อปี (ประมาณ 7.2 ล้านบาท) และยังต้องจ่ายภาษีท้องถิ่นอีก 10% ของภาษีเงินได้


จีน เก็บภาษีอัตราสูงสุดที่ 45% โดยรายได้ที่ต้องเสียภาษีในอัตราสูงสุดคือรายได้ส่วนที่เกิน 80,000 หยวน ต่อเดือน หรือประมาณ 4.8 ล้านบาทต่อปี


สำหรับออสเตรเลีย อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดคือ 45% สำหรับรายได้ที่เกิน 180,000 ออสเตรเลียนดอลลาร์ (ประมาณ 5.85 ล้านบาท)


จะเห็นว่า งบประมาณของรัฐบาลต้องมีเจ้าภาพ และเจ้าภาพคือ ธุรกิจและประชากรที่ต้องเสียภาษีนั่นเอง  ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ  ประเทศที่ใช้จ่ายเงินของอนาคตไปมาก เช่น บางประเทศในยุโรป ก็ต้องมาเก็บภาษีเพิ่มในภายหลัง


ข้อมูลอัตราภาษี ดิฉันอ้างอิงจาก www.kpmg.com/global ค่ะ ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ โดยมีสถิติน่าสนใจว่า อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดโดยเฉลี่ยของโลกในปี 2012 เท่ากับ 31.93% โดยของประเทศในกลุ่ม OECD เท่ากับ 40.59% ประเทศในกลุ่ม EU เท่ากับ 37.35% กลุ่มเอเชียเท่ากับ 34.93% กลุ่มอเมริกาเหนือ 28.29% และกลุ่มอัฟริกา 27.76%


สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คนยุโรป ภาวะภาษีที่เพิ่มขึ้น

view