จากประชาชาติธุรกิจ
มาแรงแซงโค้ง ปาดหน้าตัวเต็งคว้าเก้าอี้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ไปได้ในที่สุด สำหรับ "ไชยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์"ทั้งที่เพิ่งขึ้นมานั่งเก้าอี้รองปลัดกระทรวงไอซีทีเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะเรื่อง "ดาวเทียม" ในฐานะอดีตผู้อำนวยการสำนักกิจการอวกาศแห่งชาติ จึงอาจไม่น่าแปลกใจนักที่ใครต่อใครจะมองว่า สนิทแนบแน่นกับผู้บริหารกลุ่มชิน บริษัทแม่ไทยคมไปด้วย
"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสพูดคุยกับ "ปลัดกระทรวงไอซีที" ดังต่อไปนี้
- ภารกิจเร่งด่วนที่จะผลักดัน
การผลักดันสมาร์ทเน็ตเวิร์ก คือการทำโครงข่ายของภาครัฐให้เดินตามโครงการ "สมาร์ทไทยแลนด์" เพื่อให้รองรับการแพทย์ทางไกล และ school net ตามนโยบายรัฐบาล ตอนนี้กำลังหารือกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นทีโอที, กสท โทรคมนาคม รวมถึง กสทช. ที่จะเป็นหน่วยงานหลักที่ต้องหารือร่วมกันเพื่อให้สมาร์ทเน็ตเวิร์กเดินหน้าได้โครงข่ายหลักถึงระดับอำเภอแล้ว แต่จะต่อไปให้ถึงผู้ใช้อยู่ระหว่างดำเนินการ งบประมาณที่จะใช้ก็กำลังหารือกับ กสทช. ว่าจะสามารถนำเงินกองทุน USOมาใช้ได้แค่ไหน
- ปัญหาสัมปทานทั้งหลายเคลียร์ต่อ
 |
เรื่องนี้เกี่ยวพันกับคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีการเมืองที่ยึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี (ทักษิณ ชินวัตร) ที่มองว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้กับหลาย ๆ บริษัท อย่างเรื่องสัดส่วนผู้ถือหุ้นของไทยคม ศาลมองว่า อาจทำให้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของสัญญา กำลังดูความเสียหายตามคำพิพากษานั้น เสียหายแล้วหรือยังการแก้ไขสัญญาทำมาตั้งแต่ปี 2547 ตอนนี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาประเมินความเสียหาย และแนวทางต่าง ๆ ที่ต้องมาพิจารณากันต่อไป
- คิดว่ากระทรวงไอซีทีเสียหายไหม
เรื่องไทยคม หลัก ๆ เป็นปัญหาว่า ดาวเทียมไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมนอกสัมปทานหรือเปล่า เงินคืนประกัน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ การเพิ่มทุนก็ผ่านมาหลายปีแล้ว กรณีไอพีสตาร์เกือบ 10 ปีแล้ว ดูแล้วก็ยังไม่เห็นว่ามีอะไรเสียหาย ไอซีทียังได้รับเงินส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทอยู่ ทรัพย์สินยังเป็นของกระทรวงไอซีที
คำพิพากษาศาลฎีกาเป็นเรื่องระหว่างอัยการสูงสุดกับอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคดีทางแพ่งได้มีการฟ้องร้องไปหมดแล้ว ไอซีทีต้องดูว่าต้องหยิบคำพิพากษานี้มาหรือไม่ ต้องปรึกษาอัยการหรือเรื่องเงินประกัน 33 ล้านเหรียญที่ไทยคม 3 เสียก่อนกำหนด ในสัญญาระบุว่า ไอซีทีต้องมอบเงินให้บริษัทเพื่อไปจัดหาทรัพย์สินใหม่มาทดแทนที่เสียหายก็เกิดมีไทยคม 5 ขึ้นมา ซึ่งไทยคม 5 มีมูลค่า 100 ล้านเหรียญ เพิ่มจากเงินประกัน 33 ล้าน ก็ไม่เห็นว่าเสียหายตรงไหน
ในส่วนของการเพิ่มทุนบริษัทไทยคม ตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันชินคอร์ปยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ภายใต้เงื่อนไขสัญญา และถัดจากชินคอร์ปที่ถือหุ้นอยู่ 40% แล้วรองลงไปก็เป็นผู้ที่ถือหุ้นแค่ 2% มองว่า ณ เวลานี้ยังมั่นใจว่าชินคอร์ปยังกำกับดูแลไทยคมได้ ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
- นั่งเป็นบอร์ดไทยคมด้วย
ไม่มีลำเอียงอยู่แล้ว ที่ต้องเข้าไปเป็นเพราะไอซีทีต้องมีคนเข้าไปกำกับดูแลกิจการดาวเทียมให้เป็นไปตามสัญญาที่ทำกันไว้
- เปิดให้บริษัทอื่นมาใช้วงโคจรดาวเทียม
ตำแหน่งวงโคจรทั้ง 6 ถือเป็นสิทธิ์ของประเทศ มีไอซีทีเป็นคนดูแล ซึ่งได้ตกลงร่วมกันกับ กสทช.ที่ต้องหาแนวทางร่วมกันในการทำงาน เบื้องต้นคนที่ต้องการประกอบกิจการดาวเทียมต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. กสทช. โดยขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการจาก กสทช. ขณะที่มิติของการประกอบกิจการดาวเทียมทั่วโลก คนที่ยิงขึ้นไปได้ต้องเป็นผู้ที่ร่วมกับรัฐบาลในการหาตำแหน่งวงโคจร
- มาพร้อมข้อครหาเด็ก การเมือง
ผมว่าเป็นเพราะช่วงท้าย ๆ ที่ปลัดคนเก่า (จีราวรรณ บุญเพิ่ม) ใกล้เกษียณ ท่านได้ลดบทบาทตัวเองลง เลยไม่มีคนเชื่อมระหว่างหน่วยงานที่ต้องเดินตามนโยบาย พอผมเข้าไปดูแล ผู้ใหญ่คงเห็นว่ามีความสามารถ และทำงานร่วมกันได้มากกว่า
- หนักใจ
ไม่หนักใจ เราเป็นข้าราชการประจำ เป็นข้าราชการมืออาชีพ ใครจะขึ้นมาก็ต้องสนองนโยบาย เพราะเป็นรัฐบาลที่มาด้วยความชอบธรรม จากการตัดสินใจของประชาชน เราก็ต้องเดินตามนโยบาย
สำนักงานบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
