สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อะไรนะ..จะสังหารทักษิณเหรอ?

อะไรนะ..จะสังหารทักษิณเหรอ?

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วีระศักดิ์ พงศ์อักษร



"บางคนไม่สมควรที่จะตาย เยี่ยงวีรบุรุษ... แต่หลายท่านสมควรอย่างยิ่ง
เพราะมีคุณค่ามากพอที่จะยกย่องทั้งตอนมีชีวิตและจากโลกนี้ไป"

ข่าวลอบสังหาร...มักคู่กับผู้มากบารมี จึงย่อมมีทั้งคนที่รักและที่ชัง!

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ พลพรรค เจอข่าวนี้ก็ควรให้ระลึกเสมอว่า "มากบารมี"

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ สมัยเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็มีข่าวถูกลอบสังหาร ถึง 4 ครั้ง

ครั้งแรก เกิดขึ้นหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเปรม 2 ผ่านพ้นไปเพียง 1 เดือน วันที่ 16 ก.ค. 2525 ระหว่างไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี มีผู้ก่อการ 3 คน ใช้อาวุธเอ็ม 72 ยิง พล.อ.เปรม แต่พลาดเป้า

หลังจากนั้น ไม่ถึง 1 เดือน การลอบสังหารครั้งที่ 2 วันที่ 15 ส.ค. 2525 มีคนกลุ่มหนึ่งใช้ระเบิดเอ็ม 26 โยนข้ามกำแพงด้านสโมสรกองทัพบกเข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ แรงระเบิดครั้งนั้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ มีเพียงต้นปาล์มล้มและสะเก็ดระเบิดกระจายโดนกระจกหน้าต่างและฝ้าเพดานของห้องนายทหาร และหลังจากนั้นยังมีข่าวลอบสังหารครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4

โดยยังมีข่าวถึงขั้นจะลอบสังหาร ช่วงพลเอกเปรม เปิดพิธีแข่งขันกีฬาที่สนามศุภชลาศัย ด้วยซ้ำ

พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีข่าว "ลอบสังหาร" ก็หลายครั้ง

จากการรวบรวมของ "สำนักข่าวเนชั่น" สรุปออกมาว่า...

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2544 ในช่วงเผชิญคดีซุกหุ้น ภาค 1 การบินไทย เที่ยวบินที่ 114 เกิดเหตุที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินโบอิง 737-4D7 ของ การบินไทย เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2544 เวลา 14.48 น. 35 นาทีก่อนจะถึงกำหนดการบิน ขณะที่เครื่องกำลังจอดอยู่ที่สนามบินดอนเมืองได้เกิดการระเบิดขึ้น

ผลการสอบสวน พบว่า เกิดการสันดาปที่ถังน้ำมันส่วนกลาง ซึ่งอยู่ใกล้กับระบบปรับอากาศซึ่งทำงานอย่างต่อเนื่อง และมีความร้อนสูง ขณะที่เกิดเหตุยังไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง มีเพียงเจ้าหน้าที่จำนวน 8 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย

เที่ยวบินนี้มีบุคคลสำคัญหลายท่านจะเดินทางไปด้วย รวมทั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น และ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ซึ่งจะเดินทางไปร่วมพิธีเปิดศูนย์การค้าสุรวงศ์เซ็นเตอร์ ของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่จังหวัดเชียงใหม่

หลังจากเกิดเหตุ พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงว่า การระเบิดนี้ เป็นการก่อวินาศกรรม เพื่อหวังลอบสังหารตนเอง โดยฝีมือของผู้เสียผลประโยชน์ชาวต่างชาติ (ว้าแดง) เนื่องจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล หลังจากที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานของไทย ตรวจพบหลักฐานที่เชื่อว่าอาจจะเป็นร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ หรือ เซมเท็กซ์ (Semtex)

อย่างไรก็ตาม ต่อมา ในวันที่ 11 เม.ย. 2544 คณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติ ของสหรัฐอเมริกา (National Transportation Safety Board - NTSB) ที่ส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้ามาร่วมสอบสวนด้วย แถลงว่า ได้นำชิ้นส่วนไปทดสอบที่ห้องทดลองของเอฟบีไอ ไม่พบร่องรอยของวัตถุระเบิดแต่อย่างใด และแถลงว่ากรณีนี้คล้ายคลึงกับการระเบิดของเครื่องโบอิง 737 ของสายการบินฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนพ.ค. 2543 ซึ่งเกิดจากความบกพร่องของถังน้ำมันเชื้อเพลิง

ครั้งที่ 2 เดือนมี.ค. 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังโดนหลายฝ่ายตรวจสอบอย่างหนักเรื่องเอื้อประโยชน์ให้ "กลุ่มชินคอร์ป" ในช่วง "สงครามกวาดล้างยาเสพติด" มีการปล่อยข่าวว่า "กลุ่มว้าแดง" ได้ตั้งค่าหัว พ.ต.ท.ทักษิณ 80 ล้านบาท เนื่องจากไม่พอใจนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาด เพราะทำให้สูญเสียผลประโยชน์หลายพันล้านบาท

ครั้งที่ 3 วันที่ 2 ส.ค. 2549 ช่วงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขับไล่ จากกรณีขายหุ้นชินคอร์ปให้กองทุนเทมาเส็ก โดยไม่เสียภาษี ที่บริเวณเส้นทางพิเศษของกองทัพอากาศตัดกับถนนวิภาวดีรังสิต ระหว่างที่ขบวนรถ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เส้นทางดังกล่าวเข้าสู่สนามบิน บน.6 เพื่อไปพม่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ได้ชนเข้าอย่างจังกับรถกระบะของตำรวจทางหลวง ขณะที่อดีตนายกฯ ได้ขึ้นบินเดินทางไปแล้ว ซึ่งตอนแรกทีมรักษาความปลอดภัยมองว่า เป็นการก่อเหตุเพื่อลอบสังหาร จึงได้ตรวจสอบประวัติของผู้ขับขี่รถยนต์ แต่สุดท้ายก็พบว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะผู้ขับขี่เป็นทนายความ และใช้เส้นทางนี้ประจำ

ครั้งที่ 4 วันที่ 24 ส.ค. 2549 เหตุการณ์ "คาร์บอมบ์" ซึ่งมีบางคนเรียกว่าเป็น "คาร์บ๊อง" โดยหน่วยรักษาความปลอดภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ พบรถเก๋งต้องสงสัย จอดอยู่บริเวณข้างสะพานข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวนรถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องผ่านจากบ้านพักไปทำงาน หน่วย รปภ.จึงประสานกับหน่วยอรินทราช 191 และตำรวจท้องที่เฝ้าดู และเข้าจับกุมและตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว พบระเบิดทีเอ็นทีและซีโฟร์ ผูกติดกันไว้ที่กระโปรงท้าย มีการปล่อยข่าวว่า หากระเบิดทำงานมันจะมีรัศมีการทำลายล้างไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร

ต่อมาคนร้ายถูกดำเนินคดี ในความผิด ร่วมกันเคลื่อนย้ายและมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาพยายามฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น องค์คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพ ได้ยกฟ้อง ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคราวนั้น ก็คือ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ซึ่งเวลาต่อมาก็เข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยจนถึงปัจจุบัน

ครั้งที่ 5 ล่าสุด 4 พ.ย. 2555 พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจะเดินทางมาพม่าและมาที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก เพื่อพบกับคนเสื้อแดง มีการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คส่วนตัวของ พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า มีขบวนการที่จะลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงที่เขาจะเดินทางมาพบคนเสื้อแดง ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก โดยระบุว่าเป็นหนึ่งในแผนของฝ่ายตรงข้ามทักษิณ ซึ่งโยงเข้ากับการจับกุมอาวุธสงคราม โดยเฉพาะอาร์พีจี ที่นั่น

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ สมช.ก็ได้รายงานเพิ่มเติมว่า เกี่ยวข้องกับชนกลุ่มน้อย ว้าแดง ไทยใหญ่ ซึ่งโยงกับยาเสพติด

หากไม่นับเรื่อง "คาร์บ๊อง" แล้วหลายครั้ง...วนเวียนกับข่าว "ว้าแดงหรือชนกลุ่มน้อย"

ทั้งหมดจึงเป็นอดีต...ที่บอกได้อย่างหนึ่งว่า "ข่าว" การลอบสังหารอาจจะเป็นของจริงหรือ "ปลอม" ได้ตลอดเวลา แต่ในแง่ของ "ผู้นำ" หรือพลพรรคแล้ว อย่าพึ่งด่วนสรุป "เพียงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง" !!!


แผนลอบฆ่าที่ท่าขี้เหล็ก

ปกรณ์ พึ่งเนตร

กลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์รายวันแทบทุกฉบับ กับข้อมูลของ คุณโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร
ที่อ้างว่ามีกลุ่มบุคคลเตรียมแผนลอบสังหารบิดาของเขา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ระหว่างเดินทางไปจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

ข้อมูลของ คุณโอ๊ค เชื่อมโยงกับข่าวการจับอาวุธสงครามที่เป็นเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ในเขตชุมชนของจังหวัดท่าขี้เหล็ก ห่างจากเจดีย์ชเวดากองจำลองที่คุณทักษิณมีแผนจะไปทำพิธีสักการะไม่มากนัก

ข่าวดังกล่าวได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ทั้งฝ่ายที่เชื่อข้อมูลของโอ๊ค และฝ่ายที่ไม่ให้ราคา มองว่าเป็นการสร้างข่าวอีกครั้งของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคุณทักษิณและกลุ่มผู้สนับสนุน
ผมคงไม่สามารถสรุปได้ว่าข่าวนี้เป็น "เรื่องจริง" หรือ "ไวท์ลาย" แต่จากที่ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงหลายต่อหลายคน ซึ่งมีความเป็นกลางพอสมควร คือ ไม่ได้สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับคุณทักษิณ พอจะต่อภาพได้รางๆ ดังนี้

1. การจับอาวุธสงครามในท่าขี้เหล็กไม่น่าเกี่ยวโยงกับแผนลอบสังหารอดีตนายกฯ โดยมีเหตุผลสนับสนุน ได้แก่
- เครื่องยิงจรวดอาร์พีจี ไม่น่าเป็นอาวุธที่ใช้ลอบสังหารบุคคล เพราะว่าระยะหวังผลเพียง 150 เมตร หากเป็นแผนสังหาร ผู้ที่รับงานจะต้องเข้าไปใกล้เป้าหมายมาก ซึ่งเสี่ยงอันตรายเกินไป และไม่น่าจะมีใครรับจ้างทำ
- หากมีการว่าจ้างชนกลุ่มน้อยให้ปฏิบัติการตามข่าว ก็ไม่จำเป็นต้องจัดหาอาวุธ โดยเฉพาะเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีไปให้ เพราะชนกลุ่มน้อยมีอาวุธประเภทนี้ใช้กันอยู่แล้ว
- วิธีลอบสังหารที่น่าจะได้ผลกว่า คือ การลอบยิงโดย "สไนเปอร์" เพราะระยะหวังผลไกลเป็นกิโลฯ และด้วยสภาพภูมิประเทศก็มีจุดที่สามารถวางตัวมือสังหารได้
- จังหวัดท่าขี้เหล็กเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งคุณทักษิณไม่ควรเดินทางไปอยู่แล้ว เพราะเคยเป็นเขตอิทธิพลของว้าแดง และเคยเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบโดยเฉพาะเหตุลอบวางระเบิดแม้แต่ในช่วงรัฐบาลชุดปัจจุบันของพม่า ล่าสุดคนใกล้ชิดของคุณทักษิณออกมาแจ้งว่าอดีตนายกฯ จะไม่เดินทางไปท่าขี้เหล็กแล้ว หลังมีข่าวลอบสังหาร ซึ่งจริงๆ มีความเป็นไปได้ว่าคุณทักษิณไม่ได้ตั้งใจไปท่าขี้เหล็กตั้งแต่ต้น เพียงแต่สร้างกระแสว่าจะไปเท่านั้น
- ในอดีตเคยมีบุคคลระดับวีไอพีของเกาหลีใต้ถูกลอบสังหารในพม่ามาแล้ว ฉะนั้นพม่าจึงมีประวัติความไม่ปลอดภัยสำหรับบุคคลสำคัญของรัฐต่างประเทศ จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่คุณทักษิณต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง โดยเฉพาะในพื้นที่อ่อนไหวอย่างท่าขี้เหล็ก หากต้องการสักการะมหาเจดีย์ชเวดากอง ก็สามารถไปสักการะองค์จริงที่ย่างกุ้งได้ ไม่จำเป็นต้องสักการะองค์จำลอง

2. แผนลอบสังหารคุณทักษิณอาจมีโอกาสเป็นจริงได้เหมือนกัน แม้จะมีประเด็นไม่น่าเชื่อถือหลายประการข้างต้น เพราะ
- กลุ่มที่ถูกเชื่อมโยงว่ามีแนวคิดจัดการคุณทักษิณ เป็น "นักรบยุคเก่า" จึงอาจใช้วิธีแบบเก่าๆ จนคาดไม่ถึงก็ได้ เช่น ใช้อาร์พีจีถล่ม
- "คนดี" ที่คุณโอ๊คพูดถึง หากตีความในบางบริบทอาจมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับหัวขบวนของกลุ่มที่นัดชุมนุมกันอยู่ และบุคคลผู้นี้ยังมีบารมีในกลุ่มคนมีสีบางกลุ่ม ซึ่งอาจมีอิทธิพลกับชนกลุ่มน้อยบางพวกอีกที
- มีความเชื่อในกลุ่มแกนนำบางส่วนที่ต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ว่า อาจมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นช่วงก่อนปีใหม่ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
- อาจมีความพยายามปฏิบัติการในลักษณะปองร้ายแบบหลวมๆ เพื่อก่อกระแสให้กลุ่มผู้สนับสนุนคุณทักษิณออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งจังหวะเวลาอาจใกล้เคียงกับการเคลื่อนของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล จนอาจกลายเป็นการปะทะกัน และ "เข้าล็อก" ของกลุ่มที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน

3. ไม่ว่าข่าวนี้จะจริงหรือไม่ แต่ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือผู้ที่ออกมาปล่อยข่าวปล่อยข้อมูลนั่นเอง
บทสรุปของเรื่องนี้ ก็คือ สถานการณ์การเมืองของบ้านเรายังเปราะบางอย่างยิ่งแ ละมีโอกาสเกิดความรุนแรงได้ทุกเมื่อ!


ผบช.ภ.5เชื่อแผนลอบสังหาร'ทักษิณ'มีจริง

ผบช.ภาค5เชื่อแผนลอบสังหาร"ทักษิณ"มีจริงชี้ระยะหวังผลการยิงพร้อมข้อเท็จจริงสอดคล้องเผยแม่ทัพภาค3สั่งทหารร่วมตำรวจตรึงชายแดนเข้ม
พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า การจับกุมชาวไทยใหญ่พร้อมยึดกระสุนอาร์พีจีใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ฝั่งตรงกันข้าม กับ อ.แม่สาย จ. เชียงราย ในช่วงรอยต่อที่พ.ต.ท.ทักษิน ชินวัตร วางกำหนดที่จะเดินทางไป จ.ท่าขี้เหล็ก ในเรื่องดังกล่าวได้รับคำสั่งจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้ประสานงานผ่านคณะกรรมการร่วมชายแดนไทย-พม่า หรือ ทีบีซี ซึ่งจากการประสานงานด้านข้อมูลทราบข้อเท็จจริงว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยใหญ่ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางกระสุนอาร์พีจีชนิดทำลายรถถัง 3 ลูก พร้อมกล่องใส่ ที่ใช้สำหรับการยิง 3 ชุด และ อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมแมกกาซีนและเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง

ส่วนจุดที่ถูกจับกุมอยู่ใกล้กับโรงแรม 9 ชั้น ห่างจากเจดีย์ชเวดากองจำลองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปทำบุญประมาณ 1,000 เมตร ส่วนข้อมูลการสอบสวนได้รับแจ้งว่าในการเข้าจับกุมครั้งแรก ผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นผู้ครอบครองของกลางทั้งหมด แต่เป็นการรับฝากไว้และจำไม่ได้ว่าคนที่เอามาให้เป็นใคร แต่หลังจากนำตัวไปสอบสวนอย่างละเอียด ฝ่ายประสานงานให้ข้อมูลว่าเป็นกระบวนการค้าอาวุธ ทั้งหมดนี้คือข้อเท็จจริงที่ได้มา

ส่วนอาวุธที่จับกุมได้ครั้งนี้จะเป็นแผนลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ ทางการไทยไม่มีอำนาจในการเข้าไปร่วมสอบสวนเพราะเป็นคนละประเทศ ต้องเป็นฝ่ายทางเพื่อนบ้านที่จะเป็นผู้ดำเนินการเอง แต่หากทางพม่าต้องการพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากไทย ก็พร้อมจะให้ตามข้อตกลงในกฏหมายความร่วมมือระหว่างประเทศ

ผบช.ภาค 5 กล่าวว่า คดีนี้หากจับกุมในประเทศไทยและดูหลักฐานข้อเท็จจริงประกอบ ก็อาจพิจารณาได้ว่ากระสุนปืนอาร์พีจีมีแค่ 3 ลูก ไม่มีการหีบห่อ ประกอบกับอยู่ในระยะหวังผลของการยิง ก็อาจเป็นได้ถึงการลอบสังหาร ส่วนประเด็นการค้าอาวุธ ปกติของการค้าขายอาวุธต้องแพคเป็นกล่องและค้ากันในจำนวนที่มากกว่านี้

การจับกุมที่เกิดขึ้น พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้แสดงความป็นห่วงและสั่งการให้ พล.ต. สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผบ.กองกำลังผาเมือง ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 5 ตรึงกำลังตามแนวชายแดนบริเวณจังหวัดเชียงรายอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้มีลักลอบกระทำการกระทำผิดในทุกข้อหา


'ถวิล'เชื่อ'ทักษิณ'ไม่ไปท่าขี้เหล็กเลี่ยงเสื้อแดง

"ถวิล"เชื่อ"ทักษิณ"ล้มแผนเหยียบท่าขี้เหล็ก หวังเลี่ยงตอบคำถามเสื้อแดงหลัง"จตุพร"พลาดนั่งรมต. แขวะเลขาฯ สมช.น่าจะลาออกมาเล่นการเมือง
นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เป็นไปได้น้อยมากที่จะมีขบวนการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างที่เดินทางมาท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ตามที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอ้าง เนื่องจากการจับกุมอาวุธสงครามของชาวไทใหญ่นั้นเป็นเหตุที่เกิดขึ้นปกติตามชายแดนที่มักมีขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม ยาเสพติด และปัญหาชนกลุ่มน้อย อีกทั้งการข่าวที่ได้รับแจ้งมานั้นยังพบว่า ทางโรงแรมและหน่วยรักษาความปลอดภัยในท่าขี้เหล็กเองก็ยังไม่ได้รับการยืนยันที่แน่ชัดจากพ.ต.ท.ทักษิณว่าจะมีการเข้าพัก

ทั้งนี้ อาจจะมองได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความตั้งใจที่จะเดินทางมาพบประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ที่นครเนปิดอว์เพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจการค้าตั้งแต่แรกหรือไม่ จึงจำเป็นต้องแสดงตัวให้มวลชนเสื้อแดงเข้าพบด้วย แต่เมื่อเกิดแรงกระเพื่อมจากการปรับคณะรัฐมนตรีที่ไม่มีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. จึงเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงต้องเลี่ยงโดยหยิบเหตุผลด้านความปลอดภัยเป็นข้ออ้าง พลิกแกมให้คนเสื้อแดงเป็นฝ่ายห้ามไม่ให้พ.ต.ท.ทักษิณมาที่ท่าขี้เหล็กแทน

นายถวิล กล่าวอีกว่า การบอกว่าตัวเองถูกลอบสังหารถึง 4 ครั้ง แต่ที่ผ่านมาล้วนไม่เคยมีมูลแทบทั้งสิ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้งการบินไทยระเบิดเมื่อปี 44 หรือเหตุการณ์คาร์บอมที่ยังไม่รู้ว่าเป็นการลอบสังหารจริงหรือจัดฉากนั้น การลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่เรื่องง่ายตามที่ออกมาให้ข่าวกัน ยิ่งลักลอบปฏิบัติการในต่างประเทศยิ่งยากไปใหญ่ ส่วนกรณีที่บอกว่ากลุ่มผู้ค้ายาลงขันกันลอบสังหารนั้นถือว่ามีน้ำหนักน้อย เพราะการปราบปรามยาเสพติดในสมัยพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ นั้นล่วงเลยมาหลายปีแล้ว จะมาทำอะไรตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องรอรายงานผลการสอบสวนชาวไทใหญ่ที่ถูกจับกุมออกมาเป็นที่ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสมช.นั้น อยากเตือนว่า สมช.เป็นหน่วยงานดูแลความมั่นคงของทั้งชาติ บ้านเมืองไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียว หากอยากรับลูกฝ่ายการเมืองมากนักก็ให้ลาออกจากข้าราชการประจำออกมาทำงานการเมืองแทน

นายถวิล กล่าวด้วยว่า หลังจากที่นายพานทองแท้ออกมาโพสต์ข้อความนั้น กลายเป็นว่าทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการออกมารับลูกกันหมด ซึ่งหากอยากทราบข้อเท็จจริงนั้นขอให้ดูคำสัมภาษณ์ของพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ยืนยันว่าการจับกุมอาวุธสงครามกับแผนลอบฆ่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะเขามีข่าวกรองด้านความมั่นคง ย่อมรู้ดีว่าอาวุธสงครามที่ชายแดนนั้นเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย เพราะการไปโจมตีประเทศพม่าว่าไม่มีความปลอดภัยต่อพ.ต.ท.ทักษิณโดยไม่มีมูลความจริงที่ชัดเจนนั้น อาจจะกลายเป็นการกล่าวหาประสิทธิภาพของหน่วยงานความมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่รู้ตัวได้ ทั้งนี้ อยากย้อนถามว่า หากเขาใช้ความมั่นคงในประเทศไทยเป็นตัวละครบ้าง แล้วเราจะรู้สึกอย่างไร


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : อะไรนะ สังหาร ทักษิณ

view