สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พฤติกรรม หกขี้ ของผู้บริโภคปี ห้าหก

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
สรินพร จิวานันต์



หลังจากห่างหายไปศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคกันพักหนึ่ง วันนี้กลับมาพร้อมกับพฤติกรรม "หกขี้" ของผู้บริโภคในปี 2556

สวัสดีค่ะ หลังจากห่างหายไปศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคกันพักหนึ่ง วันนี้กลับมาพร้อมกับพฤติกรรม "หกขี้" ของผู้บริโภคในปี 2556 ซึ่งเป็นทิศทางพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เราจะได้เห็นในปี 2556 นี้ค่ะ

พฤติกรรมหกขี้ นี้มีอะไรบ้าง หลายท่านคงพอเดาได้ เพราะลองย้อนไปดูตัวเราเองแล้วก็อาจจะไม่หนีไปจากนี้เท่าไร มาเริ่มขี้ที่ 1 กันเลยดีกว่าค่ะ นั่นก็คือ “ขี้เกียจ”

คุณเคยสังเกตไหมว่าเวลาอยู่หน้าโทรทัศน์ ได้ดูโทรทัศน์หรือไม่? หรือเวลาที่เปลี่ยนช่อง ใช้เวลาดูในแต่ละช่องที่เปลี่ยนนานเท่าไร่ นั่นแหละคือคำตอบ ผู้บริโภคในปัจจุบันเสพสิ่งที่เรียกว่า Multitasking คือ ผู้บริโภคเรามักจะทำอะไรหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน

เช่น เวลาอยู่หน้าโทรทัศน์ อาจจะดูโทรทัศน์ Chat ผ่าน Smartphone เล่นเฟซบุ๊ค เล่นเกมส์ รวมถึงชอปปิง ทำธุรกรรมออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย การทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้พร้อมๆ กัน จะทำให้ผู้บริโภคไม่มีเวลานิ่งเงียบนานพอที่จะกลั่นกรองความคิด ทำให้ผู้บริโภคมีสมาธิสั้นลง ไม่สามารถโฟกัสในสิ่งๆ หนึ่งได้ในระยะเวลานานๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการคิดน้อยลง ขาดเวลาที่แม้จะจินตนาการที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการคิด เพราะฉะนั้นจึงลงเอยด้วยการ “ขี้เกียจคิด”

นอกจากนี้ผู้บริโภคจะไม่ชอบอ่านบทความอะไรที่ยาวอีกแล้ว เวลาที่ Search หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ก็จะอ่านแบบสแกนเร็ว ๆ เพื่อดูว่ามีข้อมูลที่ต้องการหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ออกไปหาหน้าใหม่ ไม่ต้องมาเสียเวลามานั่งอ่าน แบบซึมซับข้อความทีละบรรทัด

จากงานวิจัยพบว่าการใช้ Eye Tracking ซึ่งเป็นเครื่องมือใช้วัดว่าสายตาของผู้บริโภคสแกนสายตาไปที่จุดใด ซึ่งพบว่าผู้บริโภคในปัจจุบันจะอ่านตัวอักษรเพียงแค่ 18% ของหนึ่งหน้าเท่านั้น ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของตัวอักษรหรือการใส่ข้อมูลแน่นๆ จะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะยิ่งตัวอักษรเยอะ โอกาสของผู้บริโภคที่จะอ่านบทความนั้นๆ ก็จะยิ่งน้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่จะ “ขี้เกียจอ่าน” โดยผู้บริโภคในปัจจุบัน และอนาคตชอบที่จะดูคลิปวีดิโอหรือดูเป็นภาพมากกว่าที่จะอ่าน

อีกทั้งผู้บริโภคในปัจจุบัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปไหนมาไหนอีกแล้ว เพราะผู้บริโภคสามารถเลือกที่จะซื้อของและทำธุรกรรมผ่าน Application ใน Smartphone แทนที่จะไปด้วยตัวเอง อีกไม่นานพวกเราคงเห็นผู้บริโภคไปเดินจ่ายตลาดซื้อของเข้าบ้าน หรือเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าตาม Shop น้อยลง เพราะ “ขี้เกียจออก” เพียงแค่นั่งอยู่บ้าน เลือกสินค้าที่ชอบ แล้วก็จัดส่งสินค้าไปถึงบ้าน หรือแม้กระทั่งจะสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ “คลิก” แม้แต่การเติบโตของธุรกิจอาหารแช่แข็ง ปรุงสำเร็จ กึ่งปรุงสำเร็จ ก็ส่งผลดีตามไปด้วย เพราะผู้บริโภค “ขี้เกียจทำ”

แค่นั้นยังไม่พอ เทคโนโลยีในปัจจุบันยังทำหน้าที่ของมันได้ดีเกินไปจนมนุษยชนอย่างเราๆ แทบจะไม่ต้องคิดอะไร จึงไม่น่าแปลกว่าในอนาคตผู้บริโภคจะขาดเทคโนโลยีไม่ได้ จนอาจจะคิดแทนมนุษย์ในทุกๆ เรื่องเลยด้วยซ้ำ เช่น รถยนต์ในปัจจุบัน เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องจอดรถเอง ไม่ต้องจำทิศทางหรือวางแผนการเดินทาง ไม่ต้องเบรกเอง ไม่ต้องบิดกุญแจ หรือแม้กระทั่งไม่ต้องขับเองด้วยซ้ำ เห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่ามันทำให้ผู้บริโภคขี้เกียจขึ้นได้ขนาดไหน

ความขี้เกียจของผู้บริโภคเอง เป็นเหตุให้วิถีการค้าของห้างร้านจำเป็นต้องปรับตัว นักการตลาดต้องสร้างความสะดวก เข้าถึงง่ายและได้หลายช่องทาง การสื่อสารจึงต้องเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายๆ สื่อด้วยภาพหรือเรื่องราว และแน่นอนผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ก็ต้องมี Innovation ที่ทำให้ผู้บริโภคแทบจะไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำ เพราะเทรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะไปในทาง Automatic อย่างแน่นอนค่ะ

ฉบับหน้ามาติดตามดูขี้อื่นๆ กันต่อคะ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : พฤติกรรม หกขี้ ผู้บริโภค

view