สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ปูส่งซิกทุบม็อบ ผบ.ตร.รับลูกงัดกฎหมายติดหนวด

ปูส่งซิกทุบม็อบ ผบ.ตร.รับลูกงัดกฎหมายติดหนวด

จากไทยโพสต์

“ยิ่งลักษณ์” แข็งกร้าว ส่งสัญญาณทุบม็อบ ลั่นจัดการกับอำนาจต่อต้านประชาธิปไตย อ้างต้องแก้ปัญหาในสภา ไม่ใช่ประท้วงบนถนน “ผบ.ตร.” รับลูกเตรียมชง ครม.ใช้กฎหมายความมั่นคงฯ ปูดลงขัน 6 พันล้านล้มรัฐบาล “ปลอด” ผสมโรงด่ากราดพวกยุคหิน ไล่ไปอยู่ป่าแล้วประกาศเอกราชของตัวเอง ด้านองค์การพิทักษ์สยาม ปัดแช่แข็งประเทศ ย้ำจุดยืนไล่รัฐบาลโกง-ขบวนการล้มเจ้า  เผยอาจปักหลักยืดเยื้อหากมีมวลชนเข้าร่วมจำนวนมาก
    รัฐบาลเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) โดยล่าสุดเมื่อวันพุธ http://www.thaigov.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของรัฐบาลไทย รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “2013: The Year of Opportunity in Thailand” ระหว่างปฏิบัติภารกิจที่สหราชอาณาจักร ตอนหนึ่ง ว่า จะสร้างความมั่นคงทางการเมืองและพื้นฐานประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป โดยยึดหลักนิติรัฐและธรรมาภิบาล ประชาชนใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้ง และจากการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ 
“รัฐบาลจะดำเนินการกับอำนาจ ที่ต่อต้านประชาธิปไตยที่ยังมีอยู่ในประเทศไทย เพราะความมั่นคงทางการเมืองเป็นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการลงทุนและการเติบโต ทางเศรษฐกิจ และรัฐบาลจะเดินหน้าส่งเสริมการปรองดองบนพื้นฐานนิติรัฐ และการเจรจาระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ข้อขัดแย้งทางการเมืองจะต้องแก้ปัญหาในรัฐสภา ไม่ใช่การประท้วงบนถนนและมีความรุนแรง” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ และว่า ดังนั้น ปี 2556 จึงเป็นปีที่สำคัญของไทยที่จะนำวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติ สร้างความมั่นคงทางการเมืองและประชาธิปไตย

สอดรับกับท่าทีของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งเปิดเผยถึงมาตรการควบคุมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ว่า “ทราบว่าทางรัฐบาลจะมอบให้ผมเป็นผู้อำนวยการในการดูแลสถานการณ์ ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งทางรัฐบาลน่าจะมีการใช้กฎหมายฉบับนี้ ในการเข้ามาดำเนินการรับมือการชุมนุม”

พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ตนมองว่าจำเป็นที่ต้องนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาใช้ เพราะเราไม่มีกฎหมายอื่น ก็ต้องใช้เพื่อให้มีอำนาจในการดูแล หลักคือให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 50,000 นายนั้น เป็นการเตรียมกำลังไว้ตามลำดับขั้น ไม่ได้ใช้ในคราวเดียว โดยเป็นลักษณะการเตรียมพร้อมไว้ให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ชุมนุม ซึ่งการระดมกำลังตำรวจนั้น จะเป็นไปตามลำดับขั้นตามแผนกรกฎ 52 ขั้นต้นจะใช้กำลังตำรวจนครบาลเป็นหลัก หากไม่พอจะระดมกำลังจากกองบัญชาการ (บช.) ใกล้ๆ เช่น บช.ภ.1, 2, 7 และตำรวจตระเวนชายแดนมาเสริม เบื้องต้นก็สั่งกำลังเตรียมพร้อมแล้ว

ผบ.ตร.คาดว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมกันจำนวนมาก ฉะนั้นตำรวจจะยึดหลักว่าการชุมนุมคือสิทธิ ตำรวจมีหน้าที่ดูแลให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัยที่สุด ยืนยันว่าไม่มีการบล็อกหรือสกัดผู้ชุมนุมที่มาจากต่างจังหวัด ประชาชนมีสิทธิมาชุมนุม แต่ที่ห่วงคือการมีอาวุธ หรือการแฝงมาของมือที่ 3 ก็ต้องมีการตรวจ มีการวางมาตรการดูแลจุดต่างๆ โดยการดูแลการชุมนุมครั้งนี้มีแผนกรกฎ 52 เป็นแผนหลักใหญ่ แต่จะมีการออกแผนพิเศษเป็นการเฉพาะ โดยตนจะควบคุมบัญชาการเอง ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)

พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวด้วยว่า ส่วนกระแสข่าวที่มีการระบุว่า กลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งมีการลงขันด้วยเงินจำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อล้มล้างรัฐบาลนั้น ก็สอดคล้องกับกระแสข่าวของตำรวจสันติบาล โดยกลุ่มทุนดังกล่าวยังได้หนุนกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในเวลานี้

แบไต๋งัด กม.ติดหนวด

    ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลจะบูรณาการกฎหมายให้ ผบ.ตร. สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และเชิญองค์กรอิสระ สหประชาชาติ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มาเป็นสักขีพยาน ว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ยึดหลักสากล จะได้ไม่มีปัญหาหลังเหตุเกิดแล้วต้องมาดำเนินคดีกัน 

ทั้งนี้ ยังห่วงเรื่องมือที่สาม เพราะหากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนใช้ดุลยพินิจให้ดีว่า ยังที่จะทำตามที่องค์การพิทักษ์สยามคิดหรือไม่ นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พ.ย. ตนจะประชุมตรวจความเรียบร้อยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อีกครั้งหนึ่ง หวังใจว่าพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งคงไม่มาร่วมด้วย เพราะเป็นช่วงสำคัญที่ประเทศไทยได้รับเกียรติจากผู้นำระดับโลก

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงสาเหตุที่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมากถึง 50,000 นายว่า เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนมาเผชิญหน้า และเพื่อดูแลความเรียบร้อยปลอดภัยของประชาชน ขณะที่ประธานรัฐสภาเองได้ทำทางเข้า-ออกที่รัฐสภาให้เรียบร้อยแล้ว หากเข้าข้างหน้าก็ออกข้างหลัง หากเข้าข้างหลังก็ออกข้างหน้า เพราะถ้าเผชิญหน้าปัญหาจะเกิด 

ส่วนกลุ่มทุน 85 รายที่สนับสนุนการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามนั้น ทางสันติบาลรายงานว่า บางกลุ่มมีจำนวนมาก บางกลุ่มมีจำนวนน้อย แต่ตั้งตนเองเป็นกลุ่ม ส่วนนายทุนตนได้ประสานไปแล้ว 4 กลุ่ม ซึ่งเขาก็ได้อธิบายความให้ฟังว่า ใครมาติดต่อเขาบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเขาไม่ให้ ยังมีบ่อนเล็กๆ น้อยๆ อย่างบ่อนบางนา เตาปูน ส่วนแหล่งยาเสพติดยังไม่ชัด ถ้าไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายอย่าไปทำมันก็จบ แต่จะชุมนุม ก็อยากให้ชุมนุมอย่างสงบ ไม่ต่อเนื่อง และอย่ามีเรื่อง แต่จะไปบังคับผู้ชุมนุมไม่ได้ เพราะประเทศประชาธิปไตยก็เป็นอย่างนี้

    ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษควบคุมม็อบหรือไม่ รองนายกฯ บอกว่า ค่อยๆ ปรึกษาหารือ ชี้คนเดียวไม่ได้ ไม่อยากอึกทึกครึกโครม เพราะกฎหมายที่มีอยู่ใช้กันก็พอ แต่ที่ใช้กันไม่ได้ เพราะเราประนีประนอมกัน แต่ตนเป็นห่วงว่าใครมาทำอะไรไม่ดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมจะโกลาหล ส่วนจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเป็นหลักหรือไม่นั้นค่อยมาคิดกัน แน่นอนผู้ที่มาชุมนุมไปสกัดกั้นไม่ได้ แต่ถ้าได้ดูโทรทัศน์อาจเปลี่ยนใจไม่มา เมื่อเห็นการเยือนของผู้นำหลายประเทศ เมื่อประเทศอินเตอร์แล้ว จะมาแช่แข็งประเทศ 5 ปี แล้วจะทำอย่างไร

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บ้านเมืองเราขณะนี้ดีมาก จะเห็นว่าผู้นำประเทศ ระดับประธานาธิบดีจากประเทศต่างๆ ก็มาเยือนประเทศไทยหลายคน โดยผู้นำเหล่านี้เห็นว่าประเทศไทยมาถูกทางแล้ว และมีความมั่นคงในการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่อยู่ๆ มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นคนล้าหลังสมัยยุคหินได้รวมตัวกันและป่าวประกาศจะแช่ แข็งประเทศไทย ทำตัวต่อต้านประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่คนอื่นมีแต่สนับสนุนประชาธิปไตย  

“ผมอยากฝากเตือนคนเหล่านั้นว่า คุณอยากจะดังหรืออย่างไร หรือถ้าคุณคิดอยากจะดังอย่างนี้จริงๆ คุณต้องเข้าป่าและหาเหวสักแห่ง แล้วก็ประกาศประเทศของท่านเอง แล้วก็ปิด จะอยู่แบบลิงแบบค่าง แบบมดแบบปลวกก็ว่าไปเลย แต่กรุณาอย่ามายุ่งกับประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ผมว่าเรื่องนี้น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง เวลากินข้าวผมต้องปิดทีวี เพราะกลัวว่าเวลาเห็นหน้าแล้วจะกินข้าวไม่ลง” นายปลอดประสพกล่าว

สั่ง ผวจ.จับตาผู้ชุมนุม

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่า กระทรวงมหาดไทยต้องจับตามองเป็นพิเศษ โดยได้สั่งกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทุกพื้นที่แล้ว เพราะประชาชนที่จะเข้าชุมนุมคงไม่อาจห้ามได้ แต่ในฐานะที่เป็นผู้ปกครองก็ควรทราบข้อมูลไว้บ้าง มีการโยงใยอะไรหรือไม่ ในวันนี้ต้องจับตาดูทั้ง 76 จังหวัดรวมถึง กทม.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่า ได้รับข้อมูลสอดคล้องกับ ผบ.ตร. ที่มีการลงขันกัน 6,000 ล้านบาทในการล้มรัฐบาล โดยเป็นการระดมทุนของกลุ่มที่เคยล้มรัฐบาลทักษิณเมื่อปี 2549 รวมทั้งกลุ่มทุนใหม่ที่เสียประโยชน์ และได้ทราบข้อมูลจากประชาชนในภาคใต้ว่ามีการส่งคนไปชักชวนประชาชน 11 จังหวัดภาคใต้ให้มาร่วมชุมนุม โดยให้ค่าตอบแทน 1,500 บาทต่อวัน โดยตั้งเป้าจังหวัดละ 7000-10,000 คน และยังทราบอีกว่าใน กทม.และปริมณฑล ก็มีลักษณะเกณฑ์คนคล้ายๆ กัน จึงอยากให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเข้าไปตรวจสอบด้วย

นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อยากแนะนำให้พรรคประชาธิปัตย์ไปบอกกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่นัดชุมนุมในวันที่ 24 พฤศจิกายน ว่าให้กลับไปก่อนดีกว่าหรือไม่ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง ไม่ได้ส่งคนไปร่วม ก็น่าจะไปบอกให้เลื่อนไปก่อน เพราะเดี๋ยวจะแย่งซีนกัน เพราะจะทำให้การอภิปรายของฝ่ายค้านจืดไปด้วย

ที่รัฐสภา นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงมาตรการดูแลความเรียบร้อยในช่วงการอภิปรายรัฐบาลทั้งของฝ่ายค้านและ วุฒิสภาในช่วงระหว่างวันที่ 25-28 พฤศจิกายนนี้ ว่าสภาได้หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหามาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเบื้องต้นจะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ 5 จุด คือบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนโดยรอบอาคารรัฐสภา และอาคารรัฐสภา โดยใช้เจ้าหน้าที่ 300 นาย

ทั้งนี้ จะเน้นดูแลความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญและเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา ซึ่งจะมีการซักซ้อมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และได้ประสานไปยังสำนักพระราชวังเพื่อขอใช้สถานที่เขตพระราชสถานสำหรับเป็น ทางออกฉุกเฉินเพิ่มเติม แต่เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้น และขณะนี้ก็ยังไม่มีการประสานขอกำลังทหารเข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.เป็นต้นไป สภาจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจบุคคลเข้า-ออกบริเวณอาคารรัฐสภามากขึ้น
นาย ธนิก มาสีพิทักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เผยว่า ในการประชุม กมธ. ซึ่งมีนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประธาธิปัตย์ ประธาน กมธ. ตนได้เสนอต่อที่ประชุม ให้เชิญ พล.อ.บุญเลิศมาชี้แจงต่อ กมธ. กรณีเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติและแช่แข็งประเทศ เพราะอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งเป็นล้มล้างการปกครอง ซึ่งที่ประชุมจะเชิญเสธ.อ้ายมาชี้แจงในวันที่  21 พฤศจิกายน

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี ในฐานะโฆษก แถลงที่สนามม้านางเลิ้งว่า หลังจากนี้องค์การพิทักษ์สยามจะมีการแถลงข่าวในเวลา 10.00 น.ของทุกวัน โดยจุดยืนของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามคือ ปฏิวัติการเมืองไทยด้วยอธิปไตยของปวงชน เนื่องจากรัฐบาลไม่ขจัดผู้ที่จาบจ้วงสถาบัน และเป็นรัฐบาลหุ่นเชิด รวมทั้งมีการอนุญาตให้มีการคอรัปชั่นกันอย่างกว้างขวาง ดังนั้นแนวคิดขององค์การพิทักษ์สยาม จึงต้องการที่จะยุติขบวนการทางการเมือง พรรคการเมือง และนักการเมือง ตลอดจนข้าราชการที่ทุจริตคอรัปชั่น แต่ไม่ได้เป็นการแช่แข็งประเทศ 

อพส.ปัดแช่แข็งประเทศ

ทั้งนี้ ระบบการเมืองก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กระบวนการทางกฎหมายก็ยังอยู่เหมือนเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สัตยาบันที่รัฐบาลไทย รวมทั้งองค์กรทั้งหลาย ที่ได้ร่วมทำสัญญาไว้กับองค์กรระหว่างประเทศก็ยังดำรงรักษาไว้อย่างแน่นแฟ้น และอาจจะดีขึ้น เพราะว่าไม่ได้เป็นในแบบผูกขาดอำนาจ แต่เป็นความโปร่งใส

    พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศจะมีช่องว่างของการปกครอง ซึ่งต้องมีผู้เข้ามาจัดการบริหารประเทศโดยนัย 2 ประการ คือ ประเทศไทยมีอำนาจเป็นของปวงชนในการเป็นเจ้าของประเทศ ประชาชนก็จะใช้สิทธิ์ในการต้องการให้มีการบริหารจัดการประเทศ อีกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอำนาจไว้ในฐานะประมุขแห่งชาติ ทรงเข้าใจในปัญหาประชาชน ซึ่งสองประการนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดรัฐบาล แต่ไม่ใช่รัฐบาลพระราชทานแต่อย่างใด

 “องค์การพิทักษ์สยามไม่ได้มีแนวคิดในการที่จะแช่แข็งประเทศ จะแช่แข็งได้อย่างไรในเมื่อประเทศเรามีความเป็นพลวัตในทุกระบบ เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา เทคโนโลยีต่างๆ นั้น ก็ดำเนินไปตามวิถีระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการชุมนุมก็เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ โดยสันติวิธี และปราศจากอาวุธ ซึ่งหากประชาชนจะมากันอย่างมากมายมหาศาลยิ่งดี  เพราะจะเป็นการบ่งบอกถึงปวงประชาชาวไทย ว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขระบบและกติกาควบคุมทางการเมือง รวมทั้งระเบียบวินัยที่จะดูแลบังคับข้าราชการไม่ให้มีการประพฤติมิชอบ”

โฆษกองค์การพิทักษ์สยามกล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้จะไม่ยืดเยื้อ และจะไม่เคลื่อนที่ และไม่มีเป้าหมายที่จะยึดสถานที่ใดๆ ทั้งสิ้น โดย พล.อ.บุญเลิศได้ทำหนังสือนำเรียนต่อ ผบ.ตร.เพื่อแจ้งเจตจำนงและวัตถุประสงค์ขององค์การพิทักษ์สยาม ตลอดจนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยให้กับ มวลชน โดยในวันที่ 24 พ.ย. จะเป็นวันที่ประชาชนออกมาแสดงพลัง ต้องการที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ซึ่งไม่ใช่เป็นการรัฐประหาร แต่จะให้รัฐบาลยุติการบริหารจัดการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมนั้นจะจบภายในวันที่ 24  พฤศจิกายนหรือไม่ พล.อ.ท.วัชระกล่าวว่า วันที่ 24  พฤศจิกายนนั้น หากจบได้ก็ถือว่าดี แต่ถ้าจะยืดเยื้อไปในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายนนั้น ก็อาจเป็นได้ เพราะมวลชนอาจจะไม่สะดวกในวันเสาร์ ซึ่งก็เป็นวิถีหนึ่งแห่งการชุมนุม แต่ไม่ได้มีแนวคิดที่จะยืดเยื้อเป็น 3 วัน 5 วันแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า มีการประเมินยอดผู้เข้าร่วมชุมนุมไว้เท่าไร พล.อ.ท.วัชระบอกว่า ขณะนี้ตัวเลขไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ แต่นับจากนี้จะพยายามรวบรวมตัวเลขที่พิสูจน์ได้ ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มประชาชนรักชาติรักแผ่นดิน ได้มีการลงทะเบียนไว้ชัดเจนประมาณ 5 แสนคน ถ้าหากมาทั้ง 5 แสน ก็ยังถือเป็นแค่กลุ่มเดียว ซึ่งก็ยังมีกลุ่มอื่นๆ ร่วมอีก
ถามว่ากังวลใน เรื่องของมือที่สามหรือไม่ พล.อ.ท.วัชระ กล่าวว่า ถ้าคนมาหนึ่งล้านคนมือที่สามจะกล้าหรือไม่ ขอเรียนว่าเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ตระหนักสูงสุดของ พล.อ.บุญเลิศ เพราะไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย โดยมาตรการรักษาความปลอดภัยก็คงจะเป็นมาตรฐานที่เคยปฏิบัติกันมาจากการ ชุมนุมครั้งก่อน ก็จะเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาวิเคราะห์รวบรวม และจัดตั้งกลุ่มที่มีความชำนาญในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้เข้าร่วม ชุมนุม ทั้งนี้ เมื่อการชุมนุมยืดเยื้อ มือที่สามก็คงปฏิบัติการได้ไม่ง่ายนัก

ขู่ฟันวินัยทหารร่วมม็อบ

    ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ว่า ถ้าเห็นว่าประเทศไทยยังไม่มีประชาธิปไตย ก็ไปร่วมกับเขา ทหารดูแลในส่วนของความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องแยกกันให้ออก ขอให้เข้าใจคำว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่เช่นนั้นก็จะพันกันไปทั่ว พอไม่เห็นด้วยก็บอกทหารไม่รักชาติ ตนคิดว่าไม่ถูก ทหารมีระเบียบวินัย คำว่าวินัยทหาร ร้ายแรงคือสิ่งใดที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ปฏิบัติแล้วไม่ปฏิบัติ ถือว่าขัดคำสั่ง
“เหตุการณ์ใดที่ไม่ได้สั่ง แต่ไปทำก็ถือว่าขัดคำสั่ง ทหารคุมกันได้ด้วยวินัย ข้อสำคัญทุกคนต้องรู้หน้าที่ตนเอง มีความสำนึก ความรับผิดชอบ ถ้าสั่งต้องปฏิบัติ เช่นกับเวลาสั่งทหารไปรบก็ต้องไปรบให้ชนะ โดยสูญเสียน้อยที่สุด ไม่ว่าใครก็ตามขอให้เข้าใจความเป็นทหารว่า ต้องคิดอย่างที่ผมคิด”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้แกว่งไปมาก็อยู่ลำบาก ลูกน้องไม่รู้จะไปทางไหน ตนไม่อยากใช้คำว่าเป็นกลาง ต้องใช้คำว่าทหารเป็นเจ้าหน้าที่ ตราบใดที่รัฐนี้ยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยังมีรัฐบาล ทหารก็ต้องอยู่ในระเบียบวินัย ตนทำได้แต่เพียงมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความห่วงใยว่า ไม่อยากให้เกิดสถานการณ์อะไรรุนแรงขึ้น การเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยก็ดำเนินการไป ไม่อยากให้เกิดเหตุร้ายแรง ทุกอย่างเกิดขึ้นมาหมดแล้ว ทุกคนทราบดีว่ามีการสูญเสียอะไร มีอะไรดีขึ้นหรือไม่ ดังนั้นอะไรที่เสียและไม่ดีอย่าไปทำอีก เรารู้ว่าเราต้องอยู่ตรงไหน ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ประเทศและประชาชนปลอดภัย

    เมื่อถามว่า หากมีทหารคนใดฝ่าฝืนคำสั่งไปร่วมชุมนุม ผบ.ทบ.กล่าวว่า จะต้องไปสอบสวนว่าไปเพราะอะไร ใครสั่ง สั่งเพราะอะไร ไปติดตามสถานการณ์หรือร่วมชุมนุมโดยส่วนตัว แต่ถ้าจะยกขบวนกันไป โดยผู้บังคับบัญชาสั่งการนั้น ไปไม่ได้อยู่แล้ว และที่มีข่าวว่าเอาทหารจักรพงษ์ไปเตรียมการล้อมรอบกรุงเทพฯ ไอ้นี่มันบ้า สมองมันเสื่อม การที่ทหารจะออกไปไหนไม่สามารถไปได้เป็นหมู่ หมวด กองร้อยอยู่แล้ว การเอาทหารออกนอกหน่วยต้องได้รับคำสั่งการเคลื่อนย้ายกำลัง ซึ่งอำนาจอยู่ที่ รมว.กลาโหม, ผบ.สส. และ ผบ.ทบ.

    ต่อข้อถามกรณีศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 5 และรุ่น 10 ออกมาต่อต้านการเคลื่อนไหวของเสธ.อ้ายนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครที่ยังอยู่ในหน้าที่ราชการต้องเป็นอย่างที่ตนเป็น แต่ถ้าเกษียณไปแล้ว อยากจะแสดงความเห็นอะไรก็เป็นเรื่องของท่าน เราต้องเคารพในสิทธิของท่าน เพราะเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาและมีความอาวุโส ท่านรู้ว่าควรต้องทำอะไรอย่างไร เมื่อตัดสินใจทำอะไรออกมา ก็คงคิดใคร่ครวญแล้วจึงทำ ตนไม่บังอาจไม่วิจารณ์อะไรได้ แต่ในส่วนของกองทัพบกต้องฟังคำสั่งตน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและวินัยทหาร

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังแสดงความปากกล้าขาสั่น ซึ่งมีการทำทุกวิถีทางที่จะดิสเครดิตการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม จนกระทรวงมหาดไทยต้องสั่งให้ผู้ว่าฯ จับตาดูความเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ภาคใต้ และยังพยายามพาดพิงว่าประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องด้วย เป็นการทำให้สังคมเข้าใจผิด ยืนยันว่าพรรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมดังกล่าว แต่ก็อยากเตือนรัฐบาลให้ระวัดระวัง ไม่ควรไปท้าทายหรือสบประมาทกลุ่มผู้ชุมนุม

    “การที่ ร.ต.อ.เฉลิมพูดว่ามีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลังการชุมนุม โดยพยายามโยงไปถึง 85 กลุ่ม และโยงทั้งหวยบนดิน บ่อน ยาเสพติด เป็นสูตรสำเร็จของรัฐบาลที่ใส่ร้ายผู้ชุมนุม ถ้าเป็นจริงทำไมไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะรัฐบาลมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ และคิดว่าระดมกำลังตำรวจ 50,000 คนมาดูแลการชุมนุมนั้น เป็นจำนวนที่เกินความจำเป็น ไม่มีเหตุผลที่ต้องระดมกำลังขนาดนี้ เพราะบ้านเมืองก็มีปัญหาอาชญากรรมมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ และให้เป็นไปตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ”

    นายเทพไทกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลปฏิบัติและดูแลการชุมนุมดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา และควรห้ามปรามการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่จะมาคุ้มกันที่ทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา เพราะเป็นการเคลื่อนไหวในลักษณะยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง และการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เรียกร้องให้ผู้ชุมนุม 1.ให้แก้ปัญหาในสภา ก็อยากถามว่านายกฯ เข้ามาในสภาและตอบกระทู้กี่ครั้ง 2.เรียกร้องไม่ให้เคลื่อนไหวเป็นม็อบข้างถนนนั้น แต่สมัยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล ยังสนับสนุนม็อบข้างถนนของคนเสื้อแดงอยู่ และ 3.การเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมไม่ควรก่อให้เกิดความรุนแรงนั้น ก็อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่นิยมความรุนแรง จนก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง ดังนั้นจะพูดเรื่องใดให้ส่งกระจกดูอดีตตนเองก่อน
นาย ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรฯ กล่าวว่า จะเรียกประชุมแกนนำเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัดเตรียมความพร้อม ซึ่งในวันที่ 23 พฤศจิกายน คนเสื้อแดงจะนัดชุมนุมแสดงพลังที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี เพื่อแสดงออกให้ม็อบเสธ.อ้ายเห็นว่า คนรากหญ้าเสื้อแดงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดแช่แข็งประเทศ ไม่ต้องการให้เกิดปฏิวัติ คาดว่าจะมีเสื้อแดงหลายจังหวัดมาร่วมชุมนุมนับหมื่นคน ขอยืนยันว่าจะชุมนุมอยู่ในพื้นที่ ไม่เคลื่อนพล มายัง กทม.แน่นอน เพราะเราไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้า ส่วนการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม มั่นใจว่ารัฐบาลน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้.







ผบ.ตร.เผยข่าวสันติบาล!! ชี้กลุ่มทุนลงขัน"6พันล้าน" ล้มรัฐบาล

จาก มติชนออนไลน์

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่อิมแพ็คอารีน่า เมือทองธานี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ว่า วันที่ 16 พ.ย.เตรียมเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อดูแลการชุมนุม ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นพบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่จะร่วมชุมนุมในครั้งนี้ จะมาจากต่างจังหวัด ส่วนจะมีการชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ รวมถึงแนวทางการเคลื่อนไหว ทางตำรวจได้ประสานกับแกนนำ อพส.อยู่ตลอดเวลา สำหรับการเตรียมความพร้อมมาตรการรักษา ความปลอดภัย สถานที่ราชการสำคัญต่างๆ ก็ทำรองรับไว้แล้ว อย่างที่รัฐสภา ได้มีการต่อบันได เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ในกรณีที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตรงนี้ก็ถือเป็นอีกมาตรการหนึ่ง ที่ตำรวจต้องเข้าไปดูแล และเตรียมความพร้อมไว้แล้ว เนื่องจากมีบทเรียนครั้งก่อน


เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการระบุว่า กลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งมีการลงขันด้วยเงินจำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อล้มล้างรัฐบาลนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่าข้อมูลสอดคล้องกับกระแสข่าวของสันติบาล ทั้งนี้กลุ่มทุนดังกล่าวยังได้หนุนกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในเวลานี้


ผบ.ตร.ชงรัฐใช้พรบ.มั่นคงคุมม็อบเสธอ้าย

จาก โพสต์ทูเดย์

ผบ.ตร. เผย มีการข่าว กลุ่มทุนลงขัน 6,000 ล้าน จ้องล้มรัฐบาล จ่อชงรัฐบาลใช้พรบ.มั่นคงคุมม็อบเสธอ้าย 24 พ.ย.

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันศุกร์นี้( 16พ.ย.)  เตรียมเสนอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ดูแลการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ซึ่งนัดรวมที่บริเวณพระลานพระราชวังดุสิต วันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ส่วนการจัดกำลังในการดูแลพื้นที่ ที่มีการประเมินว่า จะใช้กำลังตำรวจ 50,000 นาย ก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และกำชับให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ซึ่งการชุมนุมเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย

จากการประเมินเบื้องต้นพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่จะร่วมชุมนุมใน ครั้งนี้ จะมาจากต่างจังหวัด ส่วนจะมีการชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ รวมถึงแนวทางการเคลื่อนไหว ทางตำวจได้ประสานกับแกนนำองค์การพิทักษ์สยามตลอดเวลา ส่วนการเตรียมความพร้อม มาตรการรักษาความปลอดภัย สถานที่ราชการสำคัญต่างๆ เช่น รัฐสภา ซึ่งมีการต่อบันได เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็ถือเป็นอีกมาตรการหนึ่ง ที่สำนักงานตำวจแห่งชาติ ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ เนื่องจากมีบทเรียนครั้งก่อน

ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยอมรับว่า กระแสข่าวที่มีการระบุว่า กลุ่มทุนกลุ่มหนึ่ง มีการลงขันด้วยเงินจำนวน 6,000 ล้านบาท เพื่อล้มล้างรัฐบาล สอดคล้องกับกระแสข่าวของสันติบาล โดยกลุ่มทุนดังกล่าวยังได้หนุนกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอีกด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

วันเดียวกันพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. และเจ้าหน้าที่ได้ร่วมประชุมสั่งการในการเตรียมความพร้อมการดูแลความสงบ เรียบร้อยการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้มีการวางกำลังเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความ ปลอดภัย เบื้องต้นยังไม่สามารถสรุปข้อมูลในการจัดกำลังวางไว้โดยรอบภายในพื้นที่ได้ ส่วนจะใช้จำนวนตำรวจประมาณ 5 หมื่นนาย ตามที่ร.ต.อ.เฉลิม คาดการณ์ไว้หรือไม่นั้น คิดว่าหากมีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาเป็นจำนวนมากก็อาจจะจำเป็นต้องกำลัง ตำรวจมากด้วยเช่นเพื่อรักษาความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าไม่น่ามีปัญหาเกี่ยวมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้แต่อย่างไร


"ปลอด"กร้าวไล่ม็อบต้านรัฐเข้าป่า

จาก โพสต์ทูเดย์

"ปลอดประสพ" ไล่ม็อบเสธ.อ้ายเข้าป่าไปตั้งประเทศเอง ซัดพวกต่อต้านประชาธิปไตย

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในวันที่ 24 – 25 พ.ย.นี้ว่า บ้านเมืองเราขณะนี้ดีมาก จะเห็นว่าผู้นำประเทศระดับประธานาธิบดีจากประเทศต่างๆ ก็มาเยือนประเทศไทยหลายคน โดยผู้นำเหล่านี้เห็นว่าประเทศไทยมาถูกทางแล้ว และมีความมั่นคงในการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่อยู่ๆ มีคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นคนล้าหลังสมัยยุคหินได้รวมตัวกันและป่าวประกาศจะแช่แข็งประเทศไทย ทำตัวต่อต้านประชาธิปไตย ทั้งๆที่คนอื่นมีแต่สนับสนุนประชาธิปไตย ไม่น่าเชื่อว่า มีคนกลุ่มเล็กๆ ที่ไม่มีสติสัมปชัญญะบังอาจตั้งกลุ่มต่อต้านประชาธิปไตยขึ้นมา และเที่ยวป่าวร้องชวนผู้คนให้ออกมาต่อต้านประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“ผมอยากฝากเตือนคนเหล่านั้นว่า คุณอยากจะดังหรืออย่างไร หรือถ้าคุณคิดอยากจะดังอย่างนี้จริงๆ คุณต้องเข้าป่าและหาเหวสักแห่งแล้วก็ประกาศประเทศของท่านเองแล้วก็ปิด จะอยู่แบบลิงแบบค่าง แบบมดแบบปลวกก็ว่าไปเลย แต่กรุณาอย่ามายุ่งกับประเทศไทยและกรุงเทพมหานคร ผมว่าเรื่องนี้น่ารังเกียจและน่าขยะแขยง เวลากินข้าวผมต้องปิดทีวี เพราะกลัวว่าเวลาเห็นหน้าแล้วจะกินข้าวไม่ลง”นายปลอดประสพ กล่าว


เฉลิมเล็งเชิญยูเอ็นสังเกตการณ์ม็อบ

จาก โพสต์ทูเดย์

เฉลิม เล็งเชิญ ยูเอ็นสังเกตการณ์ ม็อบ ยัน ไม่ทำรุนแรง ยอมรับห่วง มือที่สาม พร้อมรับโอบาม่า18พย.

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในวัน 24 พ.ย. ว่า การชุมนุมในครั้งนี้ถือเป็นการสิทธิ์ที่ชอบ และเชื่อว่าผู้ชุมนุมจะเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นและกฎหมาย ทั้งนี้ตนจะไม่ควบคุมสถานการณ์เอง แต่มอบหมายให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งนอกจากจะเชิญองค์กรอิสระเพื่อสังเกตการณ์การชุมนุมแล้ว จะเชิญให้ องค์การสหประชาชาติ และ ผู้สื่อข่าวต่างชาติเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย และที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าไม่ใช้หน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมนั้น ตนเข้าใจ แต่ต้องการให้สังเกตการณ์ ว่าเจ้าหน้าที่ทำตามหลักสากล จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง พร้อมทั้งยอมรับว่าตนยังมีความเป็นห่วงในเรื่องมือที่ 3 หากเกิดเหตุอะไรขึ้นมาจะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ จึงอยากให้ประชาชนคิดให้รอบคอบว่าถึงเวลาหรือยังที่จะทำตามที่องค์การ พิทักษ์สยามคิด

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ตนจะประชุมตรวจความเรียบร้อยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง หนึ่ง และจะเน้นให้ใช้สันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรงเพราะรัฐบาลไม่ได้มองว่าผู้ชุมนุม เป็นศัตรู ส่วนการเกณฑ์คนมาร่วมชุมนุมนั้นทางการข่าวทราบว่ามีการดำเนินการอย่างไร แต่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เพราะถือเป็นสิทธิ์ และทางรัฐบาลจะไม่สกัดกั้นผู้ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุม ส่วนสาเหตุที่ต้องการใช้เจ้าหน้าที่เป็นจำนวนมากเพราะไม่ต้องการให้มีการ เผชิญหน้า ทั้งนี้เมื่อวานที่ผ่านมาตนก็ไปประสานไปยังประธานสภา ซึ่งก็ได้ทำทางออกไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไม่มีการเผชิญหน้าก็จะไม่มีปัญหาเมื่อถามถึงการพิจารณาใช้กฎหมายพิเศษ ในการควบคุมการชุมนุมนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรึกษาหารือกันจะคิดคนเดียวไม่ได้ และกฎหมายที่อยู่มันก็พอ แต่ที่ใช่ไม่ได้เพราะการบังคับใช้มีการประนีประนอมกัน

“กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รายงานว่ามีทั้งหมด 85 กลุ่ม ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่มีจำนวนคนมากและน้อย ส่วนนายทุนในการชุมนุม ผมได้โทรศัพท์ไปยังกลุ่มนายทุน 4 กลุ่ม ก็ได้รับการอธิบายว่ามีใครติดต่อไปบ้างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ให้การสนับสนุน แต่ก็ยังมีนายทุนพวกบ่อนเล็กๆน้อยๆ บางนา, เตาปูน, ส่วนแหล่งยาเสพติดยังไม่ชัดเจนแต่บ่อนมีแน่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ส่วนที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตสมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ ออกมาระบุว่าสถานการณ์สุกงอมแล้วนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนก็มีความนิยมรัฐบาล และที่ว่าสถานการณ์สุกงอมนั้นมองในไหน หากเป็นรัฐบาลชุมนี้เป็นเพียง 3 วันในสายตาของ น.ต.ประสงค์ ก็บอกสุขงอมแล้ว แต่หากเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คงต้องต่อเวลา

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการอารักขา นายบารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ว่า ได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และได้มีการวางแผนการไว้อย่างเรียบร้อยแต่ไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้ และในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) จะประชุมย้ำอีกครั้งหนึ่งแต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อม ทั้งนี้ได้มีการสรุปการรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของโอบาม่า แล้ว ซึ่งเขาก็มีความพอใจ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีผู้ชุมนุมต่อต้านสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในเรื่องนั้นยังไม่มีแต่อย่างใด


สภาเตรียมทางออกฉุกเฉินรับมือม็อบบุก

จาก โพสต์ทูเดย์

สภาพร้อมรับมือ! เตรียมทางออก-บันไดฉุกเฉิน ให้สส.-สว. หากม็อบบุก เตรียมกำลัง 300 นาย ดูแลความปลอดภัย

นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงมาตรการดูแลความเรียบร้อยในช่วงการอภิปรายรัฐบาลทั้งของฝ่ายค้านและ วุฒิสภา ในช่วงระหว่างวันที่ 25-28 พ.ย.นี้ ที่คาดว่าจะมีกลุ่มมวลชนต่างมารวมตัวชุมนุมทั้งคัดค้านและสนับสนุนรัฐบาลว่า ทางสภาได้หารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหามาตรการรักษความปลอดภัย โดยเบื้องต้นจะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ 5 จุด คือบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนโดยรอบอาคารรัฐสภา และอาคารัฐสภา โดยใช้เจ้าหน้าที่ 300 นาย

ทั้งนี้จะเน้นดูแลความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญและเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา ซึ่งจะมีการซักซ้อมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายให้เกิดความเข้าใจตรงกัน และได้ประสานไปยังสำนักพระราชวังเพื่อขอใช้สถานที่เขตพระราชสถานสำหรับเป็น ทางออกฉุกเฉินเพิ่มเติม พร้อมทั้งได้มีการทำบันไดฉุกเฉินสำหรับ ส.ส. และ ส.ว. บริเวณด้านหลังอาคารรัฐสภาความสูง 3 เมตร ในกรณีหากมีกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา แต่เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้น และขณะนี้ก็ยังไม่มีการประสานขอกำลังทหารเข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.เป็นต้นไป สภาจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจบุคคลเข้า-ออก บริเวณอาคารรัฐสภามากขึ้น

รองประธานสภาฯ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนเมืองไทยระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.นี้ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากฝ่ายบริหารว่าจะมีกำหนดการเดินทางเยือน รัฐสภาหรือไม่ จึงยังไม่มีการเตรียมมาตรการดูแลความเรียบร้อย


ทนายร้องศาลรธน.หยุดม็อบเสธอ้าย

จาก โพสต์ทูเดย์

ชมรมทนายความผู้รักความเป็นธรรมร้องศาลรธน.หยุดเสธอ้ายจัดชุมนุมล้มล้างรัฐบาล 24พ.ย.

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ตัวแทนชมรมทนายผู้รักความเป็นธรรม เข้ายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ฟ้อง พล.อ.บุญเลิศ แก้ประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เพื่อขออำนาจศาลระงับให้ผู้ถูกร้องและกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามออกมาเคลื่อน ไหวชุมนุมล้มล้างรัฐบาล ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 24-25 พ.ย. อีกทั้งยังขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี ตามมาตรา 264 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพื่อให้ยุติการชุมนุมตามวันและเวลาดังกล่าวก่อนศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากการกระทำของกลุ่ม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เข้าข่ายตามมาตรา 68 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ
         
นายหนึ่งดินกล่าวว่า การกระทำขององค์การพิทักษ์สยามที่จะออกมาชุมนุมล้มล้างการทำงานของรัฐบาล เข้าข่ายตามมาตรา 68 ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในฐานะของความเป็นกบฏ จึงขออำนาจศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว เพื่อยุติการออกมาชุมนุม แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญเองจะไม่มีอำนาจหน้าที่ในส่วนนี้อย่างชัดเจน หากยังจำได้เมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์ร้องเรียนว่าร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเข้าข่ายตามมาตรา 68 ซึ่งศาลท่านก็ได้มีความเห็นไปยังประธานสภาเพื่อขอให้เลื่อนการลงมติสำหรับ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวออกไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำตัดสิน


ทนายแดงตะเพิด 7 ตุลาการฯใช้อำนาจเกินขอบเขต

จาก http://www.thlive.com

Tuesday, July 17th, 2012

หนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความคนเสื้อแดง จี้ 7 ตุลาการฯ ลาออก หลังใช้อำนาจเกินขอบเขต ม.68 จ่อฟ้องเอาผิดต่อศาลอาญา 19 ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงพร้อมคณะ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เพื่อเรียกร้องการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 7 คน ยกเว้นนายชัช ชลวร และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับคำร้องทั้ง 5 คำร้อง ในกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ตามมาตรา 68 หรือไม่ โดยนายหนึ่งดิน กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวของตุลาการฯ ทั้ง 7 คน ถือว่าเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือรัฐธรรมนูญ เพราะในมาตรา 68 ไม่ได้ระบุถ้อยคำว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคำร้องตามมาตรา 68 แต่อย่างใด อีกทั้งยังมองว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่มีข้อเสนอแนะให้ทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือให้แก้รัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้น ถือเป็นการกระทำที่ก้าวล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งที่ควรเป็นอำนาจของรัฐสภา กรณีดังกล่าวนี้เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญได้ล้มล้างการปกครองฯ เสียเอง

พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเคารพกฎหมายและแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก อย่างไรก็ตามในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ตนและคณะจะไปยื่นเอาผิดตุลาการฯ ทั้ง 7 คน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาอีกด้วย.


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ปู ส่งซิก ทุบม็อบ ผบ.ตร. รับลูก กฎหมายติดหนวด

view