จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
หน.ปชป.ย้ำดีเอสไอตั้งธงจ้องเล่นงานยัดข้อหาขัดขืน จนท. ยันพรรคพร้อมร่วมมือ จวก “สุกำพล” ก่อนถอดยศปัดให้แจ้ง ชี้สายไปแล้ว ให้แก้ต่างศาลปกครอง-ป.ป.ช.เอง ย้อนเลขาฯ สมช. ทราบข่าวแดงเทียมจ้องป่วน อพส.ดันนิ่งไม่ทำหน้าที่ ดัก “ค้อนปลอม” อย่าป้อง “ปู” ต้องแยกซักฟอกจำนำข้าวอาจไม่เกี่ยว พณ. ตอบแทนไม่ได้ จี้นายกฯ อภิปรายให้ ปชช.มั่นใจ
วันนี้ (20 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกผู้ที่บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่านพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2553 ไปชี้แจงว่า พรรคประชาธิปัตย์และบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออยู่แล้ว แต่ที่ต้องร้องขอความเป็นธรรมเพราะขณะนี้ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำ หน้าที่สอบสวนไม่ค่อยมีเหตุผลในการเรียกบุคคลเข้าชี้แจง หรือการเรียกเอกสาร โดยมีการพยายามยกข้อกฎหมายขู่ว่าเป็นการขัดขืนเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ไม่มีใครมีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งในกรณีของพรรคก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงแล้ว แต่เอกสารเป็นจำนวนมากจึงยังไม่สามารถจัดส่งให้ได้ แต่กลับทำหนังสือว่ามีการขัดขืนเจ้าหน้าที่และหาทางเล่นงาน ซึ่งเป็นการตั้งธงชัดเจน
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่าให้เวลาตนชี้แจงเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องการปลดออกจากราชการ ทหารว่า ตนเคยทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปก่อนหน้านี้ แต่ พล.อ.อ.สุกำพลกลับลงนามในคำสั่งปลดตนในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งตนก็นำเรื่องไปร้องต่อศาลปกครอง และยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงอยากถามว่า ทำไม พล.อ.อ.สุกำพลถึงรอจนวันที่ 16 พ.ย.จึงทำหนังสือให้ตนเข้าชี้แจง ทั้งที่การดำเนินการขณะนี้เลยขั้นตอนที่ตนจะเข้าชี้แจง เพราะมีการลงนามคำสั่งปลดออกแล้ว พล.อ.อ.สุกำพลควรไปแก้ไขที่ศาลปกครอง หรือ ป.ป.ช.ดีกว่า และถึงตนไปชี้แจงและมีการเพิกถอนคำสั่งย้อนหลังไม่ได้ เพราะคำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.แล้ว ซึ่งตนต้องดำเนินการตามกระบวนการของศาลปกครองจึงจะสามารถเพิกถอนคำสั่งย้อน หลังได้
“ผมไม่มีความจำเป็นต้องย้อนไปกระบวนการนั้น พล.อ.อ.สุกำพลถูกฟ้อง 2 ที่แล้ว จึงมาบอกว่าจะทบทวนนั้นเลยขั้นตอนไปแล้ว ซึ่งในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ผมจะเดินทางไปที่ศาลปกครอง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงกรณี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมาระบุว่าจะมีคนเสื้อแดงเทียม 5 พันคนเข้ามาป่วนการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ว่า หากรัฐบาลทราบว่ามีคนมาป่วนก็ควรดำเนินการเตรียมจับ ซึ่งหากปล่อยให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่มีการชุมนุมก็แสดงว่ารัฐบาล บกพร่องเพราะรัฐบาลรู้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนการที่รัฐบาลออกคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสกัดกั้นประชาชนที่จะเข้า ชุมนุมกับ อพส.นั้น ตนคิดว่ารัฐบาลต้องพยายามสื่อสารและรับฟัง ซึ่งต้องไม่พยายามสร้างเงื่อนไขเติมความขัดแย้ง
ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าหากการอภิปรายเรื่องจำนำข้าวจะถือว่าพาดพิงกระทรวงพาณิชย์ จะให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงชี้แจงได้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประธานสภาต้องดูว่าเนื้อหาอภิปรายว่าอย่างไร เพราะการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก็ไม่ใช่อำนาจของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเรื่องจำนำข้าวมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวงถึงต้องมีคณะกรรมการ นขช. แต่หากมีการอภิปรายพาดพิงตัวรัฐมนตรีก็ใช้สิทธิ์พาดพิงได้ แต่หากการถามถึงเรื่องความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบ
“เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว เป็นการนำข้อเท็จจริงมาอภิปรายสอบถามวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งนายกฯก็ควรทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ ว่าในฐานะผู้นำรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของนายกฯ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
