จากประชาชาติธุรกิจ

เปิดขุมทรัพย์เก้าอี้ประธาน ส.อ.ท.นั่งเป็นบอร์ดตั้งแต่ชุดเล็กจนถึงบอร์ดระดับชาติกว่าครึ่งร้อย ผลประโยชน์ทางตรงทางอ้อมตรึม ทั้งแบงก์กรุงไทย-คปภ.-กองทุนประกันภัย-บีโอไอ แถมมีสิทธิมีเสียงในการกำหนดนโยบาย รู้ข้อมูลอินไซด์ เผยเกมชิงอำนาจในสภาอุตฯยังวุ่นไม่จบ "พยุงศักดิ์-สันติ" ดึงการเมืองแก้ปัญหาขัดแย้ง

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยังวุ่นวายตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล กับกลุ่มนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ต่างอ้างสิทธิเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมโดยถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเข้ามาไกล่เกลี่ยหาทางออก นำไปสู่การตีความตาม พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 2530 ว่า การดำเนินการของฝ่ายใดถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีผลต่อตัวผู้ดำรงตำแหน่งต่อไป

นายสมมาตร ขุนเศรษฐ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ตัวแทนฝ่ายสนับสนุนนายสันติ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมรายละเอียดด้านกฎหมายนำเสนอกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าขั้นตอนการเปิดประชุมสภาอุตฯ เมื่อ 6 พฤศจิกายน ที่มีการถอดถอนนายพยุงศักดิ์ และแต่งตั้งนายสันติ เป็นประธาน ส.อ.ท.คนใหม่ ถูกต้องตามกฎหมาย และมั่นใจว่า เมื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบจะเป็นฝ่ายถูกต้อง เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าปัญหาที่เกิดขึ้นจะจบลง หลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการบริหาร (กบ.) เพื่อเดินหน้าบริหาร ส.อ.ท.ต่อไป

"ผมเชื่อมั่นในกระบวนการฝั่งเราว่าจะชนะ ควรยอมรับสิ่งที่สมาชิกต้องการมากที่สุดจะดีกว่า หลังจากนี้พร้อมจะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่มองว่า เมื่อการเมืองเข้ามาสนับสนุนนายพยุงศักดิ์เราก็ยังมองว่าเราชนะ เราไม่ได้เตรียมความพร้อมในกรณีที่เราแพ้ไว้เลย"

ด้านนายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก รองประธานและประธานสภาอุตฯ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน เปิดเผยว่า พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2530 ระบุไว้ชัดเจนว่า ส.อ.ท.จะต้องเป็นองค์กรที่ "ไม่มี" การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเกิดความขัดแย้งนายพยุงศักดิ์ กลับใช้การเมืองแก้ปัญหา แทนที่จะหารือเพื่อแก้ปัญหาภายในมากกว่า ยิ่งตอกย้ำความผิดของนายพยุงศักดิ์ให้มากขึ้นไปอีก

ขณะนี้ ส.อ.ท.ถือว่าเกิดภาวะ "สุญญากาศ" เพราะต่างฝ่ายต่างกังวลว่า หากดำเนินการอะไรในช่วงที่ยังไม่สรุปว่าใครถูกใครผิด อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ โดยเฉพาะการเซ็นอนุมัติเงินเดือนให้กับเจ้าหน้าที่ภายใน ส.อ.ท. ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครจะเซ็น

"ส่วนหนึ่งของ พ.ร.บ.สภาอุตฯ แม้ไม่มีการกำหนดให้ปลดประธานได้ แต่เมื่อนายพยุงศักดิ์ไม่ยอมเข้าประชุมสภาอุตฯ ที่ผ่านมา ทั้งที่สมาชิกส่วนใหญ่ต้องการให้มาชี้แจง จึงผลักดันให้โหวตถอดถอน หากได้คุยกันคงไม่เกิดเหตุการณ์นี้"

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานเข้ามาว่า พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2530 กำหนดบทบาทหน้าที่ของประธาน ส.อ.ท.ได้ดังนี้ 1) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาคเอกชน ในการประสานนโยบายและดำเนินการกับภาครัฐ 2) ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบอุตสาหกรรม 3) ศึกษาและหาทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการประกอบอุตสาหกรรม 4) ส่งเสริม สนับสนุนการศึกษา วิจัย อบรม เผยแพร่วิชาการ และเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุตสาหกรรม

5) ตรวจสอบสินค้า ออกใบรับรองแหล่งกำเนิด หรือใบรับรองคุณภาพสินค้า 6) ให้คำปรึกษา และเสนอแนะแก่รัฐบาล เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรม

7) ส่งเสริมนักอุตสาหกรรม และเป็นแหล่งกลางสำหรับนักอุตสาหกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อประโชน์ต่อวงการอุตสาหกรรม 8) ควบคุมดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบอุตสาหกรรม และ 9) ปฏิบัติกิจการอื่น ๆ ตามกฎหมายกำหนด

ภายใต้บทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้ ในกฎหมาย นอกจากประธาน ส.อ.ท.จะสามารถใช้สิทธิใช้เสียงในการเจรจาต่อรองผลประโยชน์กับภาครัฐ ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีส่วนในการกำหนดนโยบายระดับชาติ และรับรู้ข้อมูล จากที่นั่งเป็นกรรมการ อนุกรรมการ และคณะทำงานจำนวนมาก

อย่างนายพยุงศักดิ์มีรายละเอียด ระบุในประวัติส่วนตัวเกี่ยวกับตำแหน่งทางการบริหาร ทั้งโดยตำแหน่งประธาน ส.อ.ท. และในนามส่วนตัว อาทิ เป็นประธานคณะกรรมการหลายชุดของ ส.อ.ท. ได้แก่ ประธานคณะกรรมการสถาบันสิ่งแวดล้อมเพื่ออุตสาหกรรม, ประธานคณะกรรมการสถาบันจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิล, คณะกรรมการสถาบันน้ำ, คณะกรรมการสถาบัน SMI, คณะกรรมการสถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์, คณะกรรมการสถาบันรหัสสากล, คณะกรรมการสถาบันส่งเสริมความเป็นเลิศอาร์เอฟไอดีแห่งประเทศไทย

เป็น กรรมการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ประธานคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบสังคม บมจ.ธนาคารกรุงไทย, ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการ ประกันภัยพิบัติ, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค

ด้าน เศรษฐกิจ แรงงาน เกษตร อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.), คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพช.) สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ, คณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.), คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า, คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) คณะกรรมการสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ, คณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติ, คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ, คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริหารชายฝั่งทะเลตะวันออก, คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามมาตรา 67 วรรคสอง

ด้านพลังงาน เป็นกรรมการในคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, คณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์, คณะกรรมการกำหนดนโยบานการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความรู้ความสามารถ พิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, คณะกรรมการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, คณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ

นอกจากนี้ยังนั่งเป็นคณะกรรมการด้านการศึกษา ด้านสังคม สาธารณกุศลอีกหลายสิบคณะ

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน