สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดใจสาวแอร์ฯ คาเธ่ย์ อยากสาดกาแฟใส่พวก ชินวัตร แค่คิดก็ผิดด้วยหรือ!?

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

กลายเป็นประเด็นร้อนโลกออนไลน์ เมื่อสาวแอร์โฮสเตส สายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิค ออกมาระบายความอัดอั้นตันใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า “Honey Lochanachai” ใน ทำนองว่าเธอรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องทำหน้าที่ให้บริการคนในตระกูลชินวัตร จนไม่อยากทำงานไฟลต์นี้ พร้อมทั้งระบุวลีเด็ดส่งท้ายว่า แม้วันนี้ นางสาวแพทองธาร จะไม่ถูกเธอเอากาแฟสาดหน้า แต่เธอก็จะต่อสู้เพื่อไม่ให้พวกเขาอยู่เป็นเสนียดจัญไรบนแผ่นดินไทยอีกต่อไป
       
        ทำเอากลุ่มคนรักทักษิณเป็นเดือดเป็นแค้นแทน ออกมารวมตัวกันเรียกร้องโดยใช้ชื่อว่า “ชมรมไทยเดินทาง” สร้างความกดดันสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค และสาวแอร์ฯ คู่กรณี ให้ออกมาเคลียร์ กระทั่งล่าสุด สายการบินได้แถลงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กว่าสาวแอร์ฯ ได้พ้นสภาพความเป็นพนักงานของบริษัทแล้ว
        
        ขณะเดียวกันสาวแอร์ฯ ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กตัวเองอีกครั้ง โดยระบุว่า ได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทีมข่าว Live จึงต่อสายตรงเพื่อติดต่อขอสัมภาษณ์เธอ และเธอก็พร้อมเปิดใจคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
       
       สปิริตพอ ขอลาออกเอง
       
        การตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่เคยทำงานมาถึง 24 ปี คงเป็นสิ่งที่ลำบากใจมาก แต่เพื่อแสดงสปิริตความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เนื่องจากเธอเห็นว่าส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพพจน์ของบริษัท ประกอบกับแรงกดดันรอบข้างที่เจอ ก็น่าเห็นใจเธออยู่ไม่น้อย ที่ต้องถอนตัวจากอาชีพแอร์โฮสเตสที่เธอเป็นมาครึ่งค่อนชีวิต
       
        เธอให้สัมภาษณ์หลังจากตัดสินใจลาออกมาไม่นานว่า “ตอนนี้ได้ลาออกจากบริษัทสายการบินต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว แต่กำลังเคลียร์เกี่ยวกับเรื่องงาน เราทำงานเป็นพนักงานในบริษัทใหญ่ จึงต้องขอเวลาเคลียร์เรื่องเอกสาร เคลียร์เรื่องเงินกับระบบเสียก่อน ซึ่งทางบริษัทเขาให้เวลา 1 อาทิตย์ค่ะ”
       
       “จริงๆ ไม่ทราบว่าผลจากการโพสต์มันจะออกมาแบบนี้ เราไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต มีผลกระทบต่ออะไรทั้งนั้น ตอนนั้นเราบินอยู่ต่างประเทศ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จนเพื่อนส่งข่าวมาบอก”
       
        ขณะที่ข้อความโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอก็ได้ระบุถึงเรื่องการลาออกด้วย ว่า “วันนี้ผึ้งได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคแล้วค่ะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพ พจน์ของบริษัท
       
       ผึ้งขอขอบคุณและเข้าใจความรู้สึกของ เพื่อนๆ ทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่กฎระเบียบต่างๆ ที่มีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กร เราในฐานะสมาชิกขององค์กรก็ต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เหมือนกับกฎหมายที่มีไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ทุกคนก็ควรที่จะเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน
       
        ผึ้งจึงอยากขอให้ทุกคนสนับสนุนการตัดสินใจ ของผึ้งด้วยนะคะ และโปรดอย่าตั้งข้อรังเกียจสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิกในการรักษามาตรฐานของบริษัทเลยค่ะ”
       
       สมัยนี้จะหาความเป็นธรรมในยุคอันธพาลครองแผ่นดิน เห็นทีคงยาก!
       
       ในเมื่อสาวแอร์ฯ คิดว่าจะสาดกาแฟใส่คนที่เธอไม่ชอบ แต่เธอก็ยังไม่ได้ทำ และต้องออกจากงาน โดนกดดันจากกลุ่มคนเสื้อแดง หากเปรียบเทียบกับ สส.ของพรรคเพื่อไทย จ่าประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ที่พูดกลางสภา “ฝันว่านอนกับคุณรังสิมา” มันเป็นการพูดดูถูกผู้หญิงทั้งประเทศว่าเป็นคนใจง่าย แต่ทั้งสองกรณีเป็นแค่การพูดถึง แต่ยังไม่ได้ทำ แต่ผลสะท้อนกลับต่างกัน สาวแอร์ฯ รับผิดชอบด้วยการออกจากงาน ส่วนจ่าประสิทธิ์ มีทั้งยศตำรวจ ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมือง กลับไม่โดนไล่ออกจากการเป็น ส.ส. และจะให้ลาออกเองก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ได้มีความคิดที่จะรับผิดชอบต่อสังคมแม้แต่น้อย การลงเอยแบบนี้สังคมสองมาตรฐานอย่างชัดเจน
       
       “เราเคารพในความคิดของทุกคน คนเรามีสิทธิที่จะชอบ ไม่ชอบใครก็ได้ เราเป็นคนธรรมดา ก็ย่อมมีทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบ ไม่ว่าคุณจะเป็นที่รู้จักหรือไม่มีใครรู้จักเลย มันไม่สำคัญเท่าที่เราทำอะไรให้แก่สังคมบ้าง
       
       ใครจะชอบทักษิณก็ชอบไป ไม่เป็นไรเป็นธรรมดา เขาชอบของเขา เราชอบของเรา แต่ที่ผึ้งไม่ชอบทักษิณเพราะเขาโกง จาบจ้วงในหลวง ซึ่งจริงๆ คนไทยควรรักในหลวง เราไม่ควรแตกแยกอย่างนี้ ให้คนในสังคมตัดสินเองดีกว่าว่าคนที่ทำสิ่งไม่ถูกต้อง ทำผิดกฎหมาย ไม่มีความรับผิดชอบ จะทำให้ประเทศชาติเสียหายมากแค่ไหน แต่ถ้าทุกคนมีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ไม่ทำสิ่งที่เกิดโทษแก่สังคม บ้านเมืองเราก็จะสงบสุข เหมือนตอนนี้ผึ้งทำผิดกฎระเบียบ ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำด้วยการลาออกจากบริษัท”
       
       ข้อคิดที่มากกว่าวลีเด็ด “กาแฟสาดหน้า”
       
       หากลองทบทวนถึงถ้อยวลีที่เธอโพสต์ ข้อความที่ยาวยืดเป็นหน้ากระดาษ เชื่อเลยว่าบางคนที่ไปประท้วงหน้าบริษัทสายการบินคาเธ่ย์ยังไม่เคยอ่านเลย ด้วยซ้ำ ก็พลันแห่ยกพวกกันไปแบบไร้สติ คิดกันแต่เพียงว่าพวกตนถูกไว้ก่อน แต่หากลองคิดด้วยสติปัญญาสักนิด คำพูดเหล่านั้นน่าจะให้อะไรมากกว่าจะจดจำได้แค่คำว่า 'กาแฟสาดหน้า' “ขณะนั่งเครื่องบิน ฉันนั่งสงบสติอารมณ์จนดีขึ้น แล้วก็คิดได้ว่า คนตระกูลนี้มันทำลายความสุขของคนไทยมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกมันทำลายความสุขและความดีอีก ใจก็สงบขึ้นมาบ้าง”
       
        “ว่าจะเข้าไปพูดถากถางพ่อมันก่อนเครื่องลงดีมั้ย แต่แล้วสติก็ทำงานมากกว่าอารมณ์...อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง”
       
       “ฉันนั่งสงบใจคิดขณะเครื่องลง ความรู้สึกของเสธ.อ้ายตอนที่พูดว่า 'เสธ.อ้ายได้ตายไปแล้ว' เมื่อเย็นวานนี้ คงเจ็บปวดมากกว่าฉันตอนนี้นัก...บอกตัวเองว่า เราต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม อย่างน้อยวันนี้ ฉันเอาชนะความโกรธ ความเกลียดอย่างรุนแรงที่มีอยู่ ไม่ให้มันมามีอำนาจสร้างปัญหาเพิ่มทุกข์ให้ฉันได้”
       
       ข้อความทั้งหมดหากนำมาคิดในทางกลับ กัน ถ้าเธอไม่ได้พาดพิงถึงคนในตระกูลดัง มีบริวารที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีคอยขนาบข้าง ที่ใครหน้าไหนเข้ามาแตะต้องไม่ได้ ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แถมส่วนใหญ่เป็นข้อความอธิบายถึงการยับยั้งชั่งใจได้ โดยไม่ได้ลงมือทำจริงๆ แต่เผอิญเจอพวกชอบเสี้ยม มารุมด่า ขู่สารพัดต่างๆ นานาจนเป็นกระแสใหญ่โต ผลสุดท้ายต้องจบด้วยการลาออก มันยุติธรรมกับผู้หญิงคนหนึ่งหรืออย่างไร?
       
        หากลองคิดแบบใจเป็นกลาง มันเป็นแค่การคิดและโพสต์คุยเพื่อเมาท์กับเพื่อนในเพจส่วนตัว ที่คนทั้งประเทศเขาก็ทำกัน บางคนแรงกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ถูกแชร์ต่อกันปลุกปันกระแสให้เป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้นเอง
       
       ถึงแม้จะพบกับคนที่เกลียดมาก แต่ก็ระงับได้! ถ้าระงับไม่ได้ กาแฟคงสาดหน้าอุ๊งอิ๊งไปแล้ว และนั่นหมายถึงมันไม่ได้เป็นแค่ความคิด อดีตสาวแอร์ฯ จึงขออธิบายเรื่องนี้อีกครั้งว่า
       
        “จริงๆ แล้ว จุดประสงค์แค่ต้องการบอกกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน 'ถึงแม้จะเจอคนที่เกลียด ก็ระงับสติอารมณ์ทำงานของตัวเองต่อไปได้' เพื่อนทุกคนเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว เราทุกคนที่ทำงานจะช่วยเหลือกันตลอด รับรู้อารมณ์ความรู้สึกระหว่างกัน เมื่อเจอสิ่งไม่สบายใจในการทำงาน เราจะปรับหาทางแก้ไขตามสถานการณ์ เพื่อให้ผู้โดยสารรับการบริการที่ดีที่สุด”
       
       

       
        “สิ่งที่โพสต์ลงไป เพื่อนๆ ก็เข้าใจเจตนาของเรา เพราะทุกคนรู้ว่าเราใฝ่ธรรมะ หากถ้าลองคิดดูดีๆ การที่เรามีสติ ระงับอารมณ์โกรธได้ จะทำให้เราทำงานได้ตามปกติ เหมือนในข้อความที่โพสต์สะท้อนความคิดว่า เมื่ออารมณ์โกรธเกิดขึ้น ต้องระงับด้วยสติปัญญา ส่วนคนที่ไม่เข้าใจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง หากคิดกันแต่เรื่อง 'สาดกาแฟ' ก็ต้องปล่อยให้เขาคิดไป”
       
       วิจารณ์แซด! คนโลกไซเบอร์
       
        อย่างไรก็ตาม หลังจากสาวแอร์ฯ โพสต์ข้อความไปไม่นานก็มีคนนำเรื่องราวนี้ไปแชร์กันว่อนเน็ต ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมามากมาย โดยส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับเธอด้วยการกดไลค์ แต่อีกส่วนหนึ่งก็แสดงความไม่เห็นด้วย และคิดไม่ผิดที่คนกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีความเห็นเดียวกับพวกที่มาร้องเรียน หน้าสายการบินคาเธ่ย์ และรุมสวดอดีตสาวแอร์ฯ เมื่อวันก่อน จนยุติด้วยการลาออก ทำให้คนส่วนหนึ่งเห็นใจเธอ และออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
       
        “ได้อ่านเต็มๆ กันรึยัง…คนไทยเป็นแบบนี้ ใช้อารมณ์เยอะๆ สมองน้อยๆ…มันเป็นบทสนทนาของเพื่อนๆ กลุ่มที่ไม่ชอบทักษิณเหมือนกัน พูดสนุกๆ ว่าเอากาแฟสาดเลยมั้ย (ไม่เคยพูดกันบ้างรึไง ประมาณ เดี๋ยวโดนเตะ แบบพูดประชดแค่ให้สะใจ) และแอร์ฯ เขาก็เล่ารายละเอียดว่าเค้าไม่อยากเป็นคนเลว และต้องเอาชนะตัวเองให้ได้ และเขาก็ทำสำเร็จ ชนะอารมณ์และเลือกที่จะไม่ทำอะไร ผมว่าเราควรยกย่องเธอมากกว่า ว่าขนาดคนที่เธอเกลียดเข้าเส้น รังเกียจอย่างกับขี้ เธอยังข่มอารมณ์ และเอาชนะอารมณ์ได้ เราต้องยกย่องเธอในเรื่องนี้
       
        แต่เรื่องเปิดเผยข้อมูลผู้โดยสาร คงจะผิดจริง ถ้าจะลงโทษก็ควรลงโทษเรื่องนี้ ไม่ใช่ข้อ 1 และ 3 ที่จดหมายเรียกร้อง เพราะแมร่งโค-ตร ไร้สาระเลย”
       โดย : แตกต่างไม่แตกแยก
       
        “แอร์สาว ก็แค่ตัวหนังสือโพสต์…คนอื่นโพสต์ด่า แรงกว่าแอร์สาว ตั้งเยอะแยะ ยูทูบแสดงสดก็มี แต่แอร์สาวซวย…นี่ขนาดยังไม่ได้ราดหัวซะหน่อยก็ซวยซะแล้ว ตระกูลชินนี่แรงจริงๆ ที่ออกตัวแรงล่าสุดก็ลิ่วล้อทั้งหลาย”
       โดย : แมววัด
       
        “โฮ้ย-ยิ่งใหญ่จริงจริ้งพวก 'ชินวัตร'...ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าโดนไล่ออกแล้วยังไม่ถึงใจก็ไปฟ้องศาลโลกเลย ไม่ก็ใช้ศาลเตี้ยเอาชีวิตเสียเลยดีไหม? จะได้สะใจและสบอารมณ์แนวร่วมชินวัตรทั้งโลก...เฮ้อ!”
       โดย : Hello_Stranger
       
        “คงต้องการแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดหัวใจต่อทักษิณและวงศ์วาน ใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างแอร์ฯ คนนั้นกับอุ๊งอิ๊ง และอุ๊งอิ๊งก็ไม่ถือสาหาความแล้ว คนอื่นไม่รู้ไปเสือกอะไรด้วย”
       โดย : ชาวกรุง
       
        “จริงๆ แล้วน้องแอร์โฮสเตส ก็ไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่คิดอยากทำ เพราะใช้สติระงับอารมณ์ พยายามใช้เหตุผลความเป็นมืออาชีพระงับอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว มันผิดด้วยหรือความเห็นส่วนตัว น้องแอร์โฮสเตส ไม่ได้ทำอะไรผิด เอาใจช่วยนะน้อง ขอให้เข้มแข็ง สู้ สู้ ขอให้น้องมีสุขภาพกายใจแข็งแรง มีพลังที่จะสู้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่อไป ตามวิถีทางที่ถูกต้อง”
       โดย : michaeltawan
       
        “ถึงจะอยากจะสาดกาแฟใส่ แต่ก็ไม่คิดจะทำ ดังนั้นมันก็เป็นแค่ความอยาก ไม่ได้ผิดอะไร ทุกคนล้วนมีความอยาก ลองตรองกันให้ดีครับทุกสี ถ้าแค่ความอยากยังผิด สิทธิเสรีภาพของพวกคุณจะลดลง”
       โดย : young_gun
       
       หากมองอย่างเป็นกลาง การโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ย้ำว่า>>พื้นที่ส่วนตัว แค่อยากให้กลุ่มเพื่อนๆ ที่มีความเห็นเดียวกันได้อ่าน เหมือนกับที่หลายคนโพสต์ด่ากัน แต่บังเอิญถูกคนโลกไซเบอร์กระจายขยายความคิดให้คนที่มีความเห็นต่างรับรู้ เอาไปต่อความยาวสาวความยืดกันไม่จบสิ้น ปกป้องคนตระกูลชินกันสุดฤทธิ์แบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม สงสัยคงต้องยอมแพ้ให้กับเสรีภาพทางความคิดที่ไม่มีอยู่จริง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เปิดใจ สาวแอร์ฯ คาเธ่ย์ อยากสาดกาแฟ พวกชินวัตร แค่คิดก็ผิดด้วยหรือ

view