จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
ตรงเป้า
ศรรามา
เป็นเรื่องธรรมดาของการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ย่อมมีปากเสียงมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงมีการชิงไหวชิงพริบ ของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล แต่การประชุมจะเรียบร้อยหรือวุ่นวาย อยู่ที่คนเป็นประธานบนบัลลังก์
การอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และอีก 3 รัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2555 มีการถ่ายทอดสดทั้งโทรทัศน์และวิทยุ ประชาชนทั้งประเทศรับทราบด้วยหูรับรู้ด้วยตา
แม้วันเวลาจะผ่านไป แต่สาธุชนยังมีความรู้สึกร่วมกัน จนกระทั่งทุกวันนี้
รังเกียจ ขยะแขยง สะอิดสะเอียน สลดหดหู่ ต่อพฤติกรรมของ ส.ส.ถ่อยเถื่อน ไร้วุฒิภาวะ ไร้จริยธรรม ที่แสดงออกในสภาทรงเกียรติและศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นวาทกรรมต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์เขต 6 พรรคเพื่อไทย ที่มีต่อ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์
“สมมติว่าถ้าผมฝันไปนอนกับคุณรังสิมาจะเป็นอะไรไหม”
เชื่อว่า ผู้คนทั้งประเทศ ต้องตะลึงกับวาจาบัดซบ ที่หลุดออกมาจากปาก ส.ส.ผู้ทรงเกียรติแห่งเมืองช้าง เพราะมันสื่อความหมายถึงเรื่องเพศอย่างชัดแจ้ง แทนที่จะสำนึกในพฤติกรรมของตัวเอง ยังมีหน้าออกมาแถลงนอกห้องประชุมว่า ตนมีสิทธิ์ในการประท้วงตามข้อบังคับของการประชุม และจะทำหน้าที่ในลักษณะนี้ต่อไป
จ่าประสิทธิ์ เป็น ส.ส.สุรินทร์ เขต 6 ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 6 ประกอบด้วย อำเภอศีขรภูมิ (เฉพาะตำบลระแงง ตำบลจารพัต ตำบลตรมไพร ตำบลหนองเหล็ก เทศบาลตำบลระแงง และเทศบาลตำบลผักไหม) อำเภอสังขะ (เฉพาะตำบลทับทัน ตำบลขอนแตก ตำบลพระแก้ว และตำบลตาคง) อำเภอลำดวน และอำเภอศรีณรงค์ ราษฎรในเขตเลือกตั้งนี้ทั้งหมด 169,469 คน ผู้มีสิทธิลงคะแนน 124,760 คน ประชาชนในเขตนี้รู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรม ส.ส.ของท่าน
ผู้คนได้ยินชื่อ ส.ส.คนนี้เป็นครั้งแรก หลังจากเลือกตั้งผ่านไปไม่กี่เดือน เมื่อจ่าประสิทธิ์ออกมาทวงถามเงินสวัสดิการของพรรคเพื่อไทย ที่จ่ายให้ ส.ส.ระบบเขตเดือนละ 1 แสนบาท (ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเดือนละ 5 หมื่นบาท) จ่าประสิทธิ์ขึ้นเสียงว่าตัวเองยังไม่ได้รับเงินส่วนนี้เลย นับเป็นการโปรโมทชื่อตัวเองให้สังคมรู้จักเป็นงานชิ้นแรกในตำแหน่ง ส.ส.
หลังจากนั้น ทุกครั้งที่มีการประชุมสภาถ่ายทอดสด จ่าประสิทธิ์มีผลงานอันบรรเจิดอย่างเดียวคือ การประท้วง ด้วยถ้อยคำอันชินหู ด้วยน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชนิดที่ใครลอกเลียนไม่ได้ ยกเว้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่นำไปล้อเลียนบนเวทีปราศรัย เสียงเหมือนจ่าประสิทธิ์เปี๊ยบ
“กระผมจ่าสิบตำรวจ ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ขอประท้วงผู้อภิปราย ตามช้อบังคับที่.....” และบางครั้งก็ประท้วงประธานสภา แล้วแต่จังหวะและโอกาส
รังสิมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมของจ่าประสิทธิ์ เคยมาพบเธอบอกว่าเธอเป็นดาวสภา มีคนรู้จักทั่วประเทศ ถ้าเวลาเธอลุกขึ้นพูด เขาจะหาจังหวะประท้วงแบบหาเรื่องกัน เขาจะได้ลงหน้งสือพิมพ์หน้า 1 ได้ออกโทรทัศน์ ได้โปรโมตตัวเอง เพราะเขาเป็น ส.ส.หน้าใหม่
รังสิมา บอกว่า คนประเภทนี้น่าจะมีปัญหาทางจิต เพราะเขาเคยประท้วงและว่าเธอ “ฉี่ฉุน” บางครั้งก็เรียกเธอในสภาว่า “เจ๊”
จ่าประสิทธิ์ ถูก ส.ส.หญิงพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นเรื่องถึง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สอบสวนจริยธรรม อันมีโทษขั้นต่ำว่ากล่าวตักเตือน และโทษขั้นสูงส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการถอดถอนจากสถานภาพ ส.ส.
ขณะเดียวกัน ร.ท.หญิง สุนิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ยื่นเรื่องต่อ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ให้สอบสวนจริยธรรม นางผุสดี ตามไท ซึ่งอภิปรายพาดพิงถึงบนายกรัฐมนตรี และนำคำพูดของจ่าประสิทธิ์มาดัดแปลง “ถ้ามีท่านในนี้ฝันว่า ได้นอนกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์บ้าง จะได้หรือไม่”
น่าเสียดาย ส.ส.ผุสดี เธอไม่น่าจะนำคำพูดไม่เป็นมงคล มาย้อนใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งๆ ที่เธอมีการศึกษาสูง และการอภิปรายก็มีคุณภาพ จัดอยู่ในประเภท ส.ส.น้ำดีคนหนึ่ง
ใช่แต่ประชาธิปัตย์จะเป็นเจ้าภาพจริยธรรมเท่านั้น นายสุรชัย ศุภมิตรมนตรี ประธานเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์อาสาพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกรรมการเครือข่าย ก็มายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ให้ดำเนินการกับจ่าประสิทธิ์ด้วย แม้จะเป็นคนสุรินทร์ด้วยกันก็ตาม แต่คนสุรินทร์อย่างเขาอับอายที่มี ส.ส.อย่างนี้
แต่จ่าประสิทธิ์ ก็ไม่ว้าเหว่ ยังมีผู้หญิงนางหนึ่งออกมายืนเคียงข้างเขา เธอชื่อ นางระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช เจ้าของข้าวต้มมัดเมียหลวง มุมมองของนางระเบียบรัตน์ต่อคำพูดของจ่าประสิทธิ์ ว่า เป็นสีสันน่ารัก เป็นโจ๊กการเมือง ทำให้สภาคลายเครียด
ทุกวันนี้ ประชาชนเบื่อหน่ายการเมืองน้ำเน่า เอือมระอากับการประท้วงของ ส.ส.ที่ไร้สาระ เพียงเพื่อปกป้องบุคคล เพียงเพื่อขัดจังหวะการอภิปราย และเพียงเพื่อโปรโมทตัวเอง เห็นกันแจ่มแจ้งจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ เข้ามาในห้อง ส.ส.เพื่อไทยจะเสนอหน้าประท้วงฝ่ายค้านกันระงม
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ คำนึงถึงเรื่องนี้บ้างไหม อย่าอ้างแต่ว่าข้อบังคับการประชุมระบุไว้ เมื่อ ส.ส.ลุกชึ้นยกมือประท้วง ก็ต้องให้สิทธิแก่ผู้นั้น มันถึงเวลาจะต้องแก้ไขข้อบังคับหรือยัง เพราะการประชุมที่วุ่นวายส่วนใหญ่ ก็มาจากการประท้วงสะเปะสะปะนี่แหละ อย่างน้อยต้องจำกัดการประท้วงขีดวงไว้บ้าง แต่ละคนมีสิทธิ์ประท้วงได้วันละกี่ครั้งก็ว่าไป
ส.ส.มีสิทธิประท้วงนั่นไม่ว่ากัน แต่การประท้วงต้องคำนึงถึงอะไรควรหรือมิควร ไม่ใช่ยกมือประท้วงตะพึดตะพือเฉกเช่นจ่าประสิทธิ์ ถ้าไม่แก้ไขข้อบังคับเรื่องการประท้วง ก็ไม่มีทางระบายน้ำเน่าออกจากสภาได้
คนเป็นประธานในการประชุม ก็ต้องทำหน้าที่ให้เป็นกลางที่สุด นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ได้รับคำชมว่า ท่านนั่งตัวตรง ส.ส.ผมขาวพรรคเดียวกันอย่าง นายสุนัย จุลพงศธร ย่อมรู้ดี ส่วนนายเจริญ จรรย์โกมล ค่อนข้างเอียง แต่ก็ไม่ถึงกับออกหน้าออกตา ไม่เหมือน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เอียงกระเท่เร่แทบตกเก้าอี้
ช่วงหนึ่งของการอภิปราย คิวฝ่ายค้านเหลือผู้อภิปราย 1 คน จึงจะให้สิทธิ์รัฐมนตรีที่ถูกพาดพิงชี้แจง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ยกมือขอชี้แจง นายสมศักดิ์ หันไปบอกว่า ให้ฝ่ายค้านอีกหนึ่งคนอภิปรายก่อน จากนั้นจึงจะถึงคิว “พวกเรา” ถ้าคนเป็นประธานยังมีความคิดติดในกะโหลกศีรษะ.......นั่นพวกเขา นี่พวกเรา มันก็ไม่สมควรเป็นประมุขนิติบัญญัติ
ประชาชนเสียดายภาษีที่ให้เป็นเงินเดือน ส.ส.ถ่อย อย่าให้ความรู้สึกอย่างนั้นก้าวล่วงไปถึงประธานสภาเลย...... นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ต้องชวน จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ไปส่องกระจกด้วยกัน ณ บัดนี้
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
