สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เปิดคลิป อภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์บีบีซีปัดสั่งฆ่าปชช. แต่โชคร้ายที่มีผู้เสียชีวิต ลั่นรับคำตัดสินศาล

เปิดคลิป"อภิสิทธิ์"ให้สัมภาษณ์บีบีซีปัดสั่งฆ่าปชช. แต่โชคร้ายที่มีผู้เสียชีวิต ลั่นรับคำตัดสินศาล

จากประชาชาติธุรกิจ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านของไทย ให้สัมภาษณ์กับรายการ บีบีซี เวิลด์ นิวส์ ของสำนักข่าวบีบีซี กรณีการสั่งสลายการชุมนุมเมื่อปี 2010 (พ.ศ. 2553) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 90 ราย โดยนายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ไม่ได้มีคำสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน และกล่าวว่าจะต่อสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และพร้อมยอมรับคำตัดสินของศาล

นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า คิดว่าทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และเราก็เป็นฝ่ายตั้งกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาเพื่อมาสอบสวนการตายของผู้ชุมนุม และนั่นก็นำมาสู่การรับผิดชอบ โดยมีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง รวมถึงคณะตำรวจ และกลไกในกระบวนการยุติธรรมซึ่งต้องดำเนินการ แต่ว่าข้อกล่าวหาตนนั้นเกินเลยไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ขณะนั้นคือมีประชาชนยึดพื้นที่ใจกลางเมือง และมีประชาชนที่ติดอาวุธ มีการปาระเบิด และปาเข้าใส่ประชาชน เราไม่ได้แม้แต่เข้าไปสลายการชุมนุม แต่เราเพียงแค่ตั้งด่านตรวจเช็ค และก็มีการต่อสู้กันบนถนน และโชคร้ายที่มีประชาชนเสียชีวิต
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า รายงานที่ละเอียดที่สุดนั้นทำโดย คอป. และมีราว 20 กรณีที่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของฝ่ายผู้ประท้วง ซึ่งมีอาวุธ ทั้งนี้มีเพียงแค่ 2 กรณีเท่านั้นที่มีการสรุปว่าเป็นการตายจากการถุกกระสุนปืนซึ่งใช้ในกองทัพ อย่างไรก็ตามต้องจำด้วยว่าผู้ชุมนุมได้ขโมยอาวุธจากกองทัพไป และในการจะกล่าวหาที่เจาะจงเช่นนี้ ต้องรู้เกี่ยวข้อหาที่ถูกแจ้งไว้เสียก่อน
"การแจ้งข้อหาต่อผมในขณะนี้ คือการเสียชีวิตของคนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีรถตู้คันหนึ่งพยายามฝ่าแนวกั้นของทหาร จากนั้นจึงมีการยิงขึ้น ผู้ตายนั้นเพียงแต่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็โชคร้ายที่เขาถูกยิง"นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เสียใจที่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีคำสั่งก็ชัดเจนว่าพวกเขาควรใช้กระสุนจริงอย่างไรภายใต้สถานการณ์แบบไหน คำสั่งซึ่งออกโดยรองนายกรัฐมนตรี (สุเทพ เทือกสุบรรณ) นั้น ประการแรกเพื่อป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของประชาชนคนอื่น และพวกเขาต้องใช้อย่างระมัดระวังสูงสุด และถ้ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้อาวุธต่อคนเหล่านี้ที่บางครั้งก็ปะปนอยู่กับฝูงชน ... พวกเขาก็ควรหลีกเลี่ยง และถ้าการใช้คำสั่งนี้แปลว่าพวกเราสั่งให้มีการฆ่าคน ตนคิดว่าไม่แฟร์
"ผมได้เข้าร่วมการประชุมหลายครั้งทั่วโลก กรณีการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ก็มีบางคนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตน และก็ต้องมีการสอบสวน การมีผู้เสียชีวิตควรถูกตัดสินหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ไม่มีที่ไหนที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมารับผิดชอบกับปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบคำถามบีบีซีที่ตั้งคำถามว่านี่เป็นเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งยิ่ง ใหญ่ของประเทศครั้งหนึงในสถานการณ์ที่มีอภิสิทธิ์เป็นผู้นำประเทศในขณะนั้น ว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เรามีการประท้วงโดยมีประชาชนที่มีอาวุธเข้าร่วม หากนี่เป็นการประท้วงโดยสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญ และถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าพวกเขาไม่มีชายชุดดำ ซึ่งมีอาวุธ ยิงตำรวจ ยิงประชาชน ยิงทหาร ก็จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น
ทางบีบีซีได้ถามนายอภิสิทธิ์ว่ารู้สึกอย่างไร ที่กรณีเหล่านี้กำลังจะกำหนดความทรงจำของผู้คนในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกฯอยู่ในอำนาจขณะนั้น ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร คิดว่าประชาชนรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2552 และ 2553 และสิ่งที่แตกต่างก็คือ ในฐานะรัฐบาล เราเป็นรัฐบาลแรกที่อนุญาตให้ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ และศาลทำงานในเรื่องนี้ และผมยอมรับไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร แม้แต่จะเป็นคำตัดสินประหาร ตนก็จะยอมรับ และขอให้อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกในรัฐบาลชุดนี้ให้พวกเขาปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาก็มักจะหาทางออกกฎหมายนิรโทษกรรมพวกเขาเองเสมอ ทั้งนี้ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเช่นใดก็จะยอมรับ

“อภิสิทธิ์” แจงบีบีซี โวยข้อหาสั่งฆ่า ปชช.ไกลจากความจริง ถามกลับจะสู้กลุ่มติดอาวุธยังไง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

อดีตนายกฯ ยันข้อหาสั่งฆ่าประชาชนไกลจากความเป็นจริง เพราะผู้ชุมนุมยึดใจกลางเมือง มีอาวุธ ปาระเบิดและยิงปืนใส่ โต้รายงานฮิวแมนไรต์วอตช์ เผยรายงาน คอป.มีตั้ง 20 คดีตายเพราะฝีมือผู้ชุมนุม ถามกลับถ้าไม่ใช้กระสุนจริงจะเอาอะไรไปสู้กลุ่มติดอาวุธ ลั่นเสียใจแต่ต้องป้องกันตัวเอง เชื่อประชาชนอีกมากรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมพิสูจน์ความยุติธรรมในศาล หากพิพากษาผิดถึงประหารพร้อมยอมรับ

              เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บีบีซี ที่ประเทศอังกฤษ กรณีการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลังการสลายการชุมนุมเสร็จสิ้นได้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความ จริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ หรือ คอป. เพื่อสอบสวนการเสียชีวิตของผู้ชุมนุม รวมถึงตำรวจและกลไกในกระบวนการยุติธรรม
       
       นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าตนสั่งฆ่าประชาชนนั้นห่างไกลจากความเป็นจริง เพราะสถานการณ์ขณะนั้นผู้ชุมนุมได้ยึดสถานที่สำคัญใจกลางเมือง มีอาวุธ มีการปาระเบิดและยิงปืนเข้าใส่ประชาชน ซึ่งเราไม่ได้เข้าไปสลายการชุมนุม เพียงแค่ตั้งด่านตรวจและมถูกโจมตี เกิดการต่อสู้ตามท้องถนน โชคร้ายที่มีประชาชนเสียชีวิต ขณะเดียวกันยังปฏิเสธว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากการยิงของทหาร แม้จะอ้างถึงรายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ที่ระบุว่าผู้เสียชีวิตเกือบทุกคนถูก ทหารยิง แต่ก็มีรายงานที่ละเอียดที่สุดนั้นทำโดย คอป. และมีราว 20 กรณีที่ผู้เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของฝ่ายผู้ชุมนุมซึ่งมีอาวุธ
       
       “เรามีการสอบสวนอยู่ราว 20 กรณี เพียงแค่ 2 กรณีเท่านั้นที่มีการสรุปว่าเป็นการตายจากการถูกกระสุนปืนซึ่งใช้ในกองทัพ แต่ก็ต้องจำด้วยว่าผู้ชุมนุมได้ขโมยอาวุธจากกองทัพไป ในการจะกล่าวหาที่เจาะจงเช่นนี้ คุณต้องรู้เกี่ยวข้อหาที่ถูกแจ้งไว้เสียก่อน การแจ้งข้อหาต่อผมในขณะนี้ คือการเสียชีวิตของคนที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุมเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ มีรถตู้คันหนึ่งพยายามฝ่าแนวกั้นของทหาร จากนั้นจึงมีการยิงขึ้น ผู้ตายนั้นเพียงแต่ออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็โชคร้ายที่เขาถูกยิง แต่ถ้าจะพูดว่ารัฐบาลเป็นผู้สั่งทหารให้ฆ่าประชาชนก็ไม่ได้ตรงตามสิ่งที่ เกิดขึ้นทีเดียว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
       
       เมื่อถามว่าการอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงนั้น เสียใจต่อการตัดสินใจดังกล่าวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าไม่ได้ใช้กระสุนจริงจะสู้กับกลุ่มคนที่ติดอาวุธได้อย่างไร ตนเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีคำสั่งก็ชัดเจนว่าพวกเขาควรใช้กระสุนจริงอย่างไรภายใต้สถานการณ์แบบ ไหน คำสั่งซึ่งออกโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น เพื่อป้องกันตัวเอง เพื่อป้องกันการเสียชีวิตของประชาชนคนอื่น พวกเขาต้องใช้อย่างระมัดระวังสูงสุด
       
       ทั้งนี้ ถ้ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้อาวุธต่อคนเหล่านี้ ที่บางครั้งก็ปะปนอยู่กับฝูงชน พวกเขาก็ควรหลีกเลี่ยง และถ้าการใช้คำสั่งนี้แปลว่าพวกเราสั่งให้มีการฆ่าคน ตนคิดว่าไม่ยุติธรรม เพราะอย่างกรณีการประชุมกลุ่มประเทศ G-20 ก็มีบางคนเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ของตน และก็ต้องมีการสอบสวน การมีผู้เสียชีวิตควรถูกตัดสินหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย แต่ไม่มีที่ไหนที่นายกรัฐมนตรีจะต้องมารับผิดชอบกับปฏิบัติการใดๆ ก็ตาม
       
       นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ตนเองมีอำนาจว่า เป็นครั้งแรกที่เรามีการประท้วงโดยมีประชาชนที่มีอาวุธเข้าร่วม หากนี่เป็นการประท้วงโดยสันติ ภายใต้รัฐธรรมนูญ และถูกกฎหมาย สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าพวกเขาไม่มีชายชุดดำซึ่งมีอาวุธ ยิงตำรวจ ยิงประชาชน ยิงทหาร ก็จะไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น และไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาที่ผู้คนจะจดจำภาพในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง พร้อมกับย้ำว่า จะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แต่หากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็พร้อมจะยอมรับโทษ แม้ว่าจะเป็นโทษประหารชีวิตก็ตาม
       
       “ผมคิดว่าประชาชนจำนวนมากรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2552 และ 2553 และสิ่งที่แตกต่างก็คือ ในฐานะรัฐบาล เราเป็นรัฐบาลแรกที่อนุญาตให้ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ และศาลทำงานในเรื่องนี้ และผมยอมรับไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร แม้แต่จะเป็นคำตัดสินประหาร ผมก็จะยอมรับ และผมก็ขอให้อดีตนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และสมาชิกในรัฐบาลชุดนี้ให้พวกเขาปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขาก็มักจะหาทางออกกฎหมายนิรโทษกรรมพวกเขาเองเสมอ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมถามอยู่เสมอ ผมต้องการถูกฟ้องร้อง ผมจะต่อสู้ ผมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาล และไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามที่มีคำพิพากษาว่าผมผิด ผมก็จะยอมรับ” นายอภิสิทธิ์กล่าว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เปิดคลิป อภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ บีบีซี ปัดสั่งฆ่าปชช. โชคร้าย มีผู้เสียชีวิต ลั่นรับคำตัดสินศาล

view