สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คนขายชาติพ.ศ.2556

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

คดีปราสาทพระวิหารยังคงเป็นประเด็นร้อน ซึ่งคาดว่าศาลโลกจะมีคำตัดสินมาในช่วงปลายปีนี้

วันนี้จะพูดถึงเบื้องหลังที่เชื่อว่ามีส่วนที่ทำให้ไทยต้องเสียปราสาทพระ วิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก ในความเป็นจริงของเวลานั้น เราสู้กับฝรั่งเศสไม่ใช่สู้กับเขมร เพราะเขมรเป็นเพียงมารับช่วงต่อจากฝรั่งเศสเท่านั้น คดีที่จะเล่าต่อไปนี้จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฝรั่งเศสโดยตรง เรียกว่า “คดีจารกรรมของฝรั่งเศสในประเทศไทย” ที่จารชนฝรั่งเศสล้วงตับไทยเอาไปให้เขมรสู้ในศาลโลก และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ไทยแพ้คดี ในเมื่อคู่ต่อสู้รู้หมดว่าเราจะมาไม้ไหน จะสู้ในรูปแบบใด เขาดักทางได้หมดและเรามารู้ก็ต่อเมื่อสายไปเสียแล้ว

คดีจารกรรมฝรั่งเศสถือว่าเป็นคดีต่อต้านการจารกรรมที่หน่วยต่อต้านข่าวกรองของไทยในขณะนั้น ได้ทำได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ตั้งแต่มี “สิ่งบอกเหตุ” หรือ “สิ่งนำสืบ” นำไปสู่การ “สืบสวน” จนทำให้รู้ว่าใครคือ “สปอนเซอร์” ใครคือเจ้าหน้าที่สืบราชการลับ หรือเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของฝรั่งเศสที่มาทำงานคดีนี้ในไทย โดยแฝงตัวมาหรือที่เรียกว่ามีการ “อำพรางอย่างเป็นทางการ” ด้วยการเป็นนักการทูตอยู่ในสถานทูตฝรั่งเศสประจำไทยเพื่อให้มีเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต ใครคือ “สายลับหลัก” และ “สายลับปฏิบัติการ” ทั้งหมดมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง จนได้หลักฐานเพียงพอและนำไปสู่การจับกุม ส่งฟ้องศาลและศาลตัดสินลงโทษจารชนที่เกี่ยวข้องทั้งไทยและฝรั่งเศสคนละหลาย ปี

เจ้าหน้าที่รู้เรื่องนี้ในครั้งแรกได้อย่างไร มีอะไรที่เป็นสิ่งบอกเหตุที่นำสืบต่อไป บางท่านบอกว่า จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นได้ปรารภว่า เวลาทูตฝรั่งเศสมาพบปะหารือข้อราชการ ทำไมทูตฝรั่งเศสรู้ตื้นลึกหนาบางของไทยดี ทั้งที่บางเรื่องเป็นการประชุมลับ หน่วยข่าวจึงต้องรับไปทำต่อ อีกท่านหนึ่งบอกว่า มีผู้หวังดีแจ้งให้ทราบว่า ข้าราชการในทำเนียบนายกรัฐมนตรีบางคนซึ่งมีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยผิดปกติ จึงได้มีการขยายผลสืบสวน จนพบเครือข่ายจารกรรมฝรั่งเศสในประเทศซึ่งขยายตัวอย่างกว้างขวาง

เจ้าหน้าที่ข่าวกรองฝรั่งเศส ซึ่งอำพรางตัวมาเป็น “เลขานุการโท” ในสถานทูตฝรั่งเศส เป็นผู้วางแผนปฏิบัติการทั้งหมด โดยใช้คนไทยเชื้อชาติฝรั่งเศส 2 คน คือ ยอนนา ชอง ปอล ปรั๊ก และ มิแชล ลามาช ซึ่งพูดภาษาไทยได้ โดยเฉพาะคนหลังเรียนที่โรงเรียนฝรั่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ มีเพื่อนฝูงเป็นคนไทยมากมาย เป็น “สายลับหลัก” จนนำไปสู่การ “รีครูต” ข้าราชการไทยในกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องมาเป็น “สายลับปฏิบัติการ” คอยส่งความลับทางราชการให้

ข้าราชการไทยที่ถูกจัดตั้งเป็นสายลับเท่าที่พิสูจน์ทราบได้มี 6 คน คนหนึ่งทำงานอยู่ในทำเนียบนายกรัฐมนตรี อีกคนทำงานอยู่กองกลาง กระทรวงมหาดไทย อีกคนทำงานอยู่ในสำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีมหาดไทย อีกคนทำงานในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มีตำรวจสองคน คนหนึ่งทำงานอยู่ฝ่ายสารบรรณ กรมตำรวจ และอีกคนเป็นเวรนำสาร ทั้งหมดล้วนเข้าถึงเอกสารลับของทางราชการทั้งสิ้น

สำหรับค่าตอบแทนที่ได้รับนั้น สายลับรายหนึ่งสารภาพภายหลังว่าได้เดือนละ 1 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากในช่วงเวลานั้น เพราะผู้จบปริญญาตรีได้เงินเดือน เดือนละ 900 บาท

เมื่อส่วนราชการหนึ่งต้องส่งเอกสารลับในซองปิดผนึกไปยังมีส่วนราชการ หนึ่ง เช่น จากมหาดไทยไปทำเนียบฯ และกระทรวงต่างประเทศ หรือจากกรมตำรวจไปกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ สายลับที่ทำหน้าที่นำสารแทนที่จะส่งไปโดยตรง กลับนำไปมอบให้กับ มิแชล ลามาช ที่สวนลุมพินีบ้าง ที่ใกล้สถานทูตฝรั่งเศสบ้าง และรอคอยเอาคืนมา ซองเอกสารลับจะถูกเปิดในสถานทูต ถ่ายสำเนาไว้ และนำกลับคืนให้ผู้นำสารให้นำส่งต่อไปยังจุดหมาย โดยผู้รับไม่รู้เลยว่าซองนี้ได้ถูกเปิดเรียบร้อยแล้ว ทำอย่างนี้เป็นประจำ

เป็นที่น่าตกใจที่จากการตรวจสอบภายหลังการจับกุม พบว่า ใน ช่วงปี 2501–2508 สำเนาโทรเลขที่รับ-ส่งระหว่างกรุงเทพฯ กับสถานทูตไทยในต่างประเทศ ที่หลุดรั่วไปถึงฝรั่งเศสมีจำนวนไม่น้อยกว่า 576 ฉบับ ส่วนหนึ่งในนั้นเป็นความลับเกี่ยวกับท่าทีของไทยในการต่อสู้คดีเขาพระวิหาร ทั้งนี้ ไม่รวมถึงเอกสารลับอื่นๆ อีกนับร้อยฉบับ ถือว่าเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย จึงไม่แปลกใจที่ว่า เวลาสถานทูตไทยในยุโรปได้รับคำสั่งให้ไปค้นหาเอกสารประวัติศาสตร์ที่หอสมุด แห่งชาติ ปรากฏว่าฝรั่งเศสเอาไปก่อนทุกครั้ง ซึ่งเวลานั้นเจ้าหน้าที่ไทยก็สงสัยว่าทำไมหาเอกสารนี้ไม่เจอสักที เพิ่งมาถึงบางอ้อก็ต่อเมื่อคดีนี้ถูกเปิดเผย

คดีจารกรรมแบบนี้จำนวนไม่น้อยที่ทางการมารู้ในภายหลัง เรียกว่ากว่าจะรู้ก็ช้าไปแล้ว ดังนั้น การสร้างจิตสำนึกด้านการรักษาความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะ รปภ.เป็นมาตรการป้องกัน ถ้าคนไทยช่วยกันเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่ง พอเห็นอะไรผิดปกติก็รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น

ปี 2505 ไทยเสียปราสาทพระวิหารจากคดีจารกรรมฝรั่งเศส ที่มีจารชนเป็นคนไทยขายชาติ ในปี 2556 เราไม่ทราบว่า ไทยจะมีคนไทยขายชาติ ที่ทำให้ไทยต้องสูญเสียดินแดนเพิ่มเติมอีกหรือไม่อย่างไร

วันนี้ฝรั่งเศสและกัมพูชาไม่จำเป็นต้องสร้างจารชน (Secret Agents) เช่นในอดีต สิ่งที่ฝรั่งเศสและกัมพูชาน่าจะได้ไว้แล้ว เราเรียกว่า “สายลับอิทธิพล” (Agent of Influence) ที่ไม่จำเป็นต้องซุกซ่อนตัวเหมือนเช่นจารชน แต่เป็นคนที่มีตำแหน่งใหญ่โต เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในวงสังคม และอาจมีรูปและข่าวออกในหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง บาง คนอาจเป็นรัฐมนตรีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลในการกำหนด เปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตรงข้าม หรือแอบไปตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามโดยที่ประชาชนไม่รู้

สายลับอิทธิพลน่ากลัวมากกว่าจารชนทั่วไป เพราะสายลับอิทธิพลสามารถผลักดันให้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ กับฝ่ายตรงข้ามได้ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหายยิ่งกว่าการกระทำของจารชนเสียอีก และเป็นการยากสำหรับหน่วยต่อต้านข่าวกรองในการสืบสวนจับกุม นอกจากให้สังคมแซงก์ชัน วันนี้ ท่านผู้อ่านพอจะมองเห็นคนไทยที่เป็นสายลับอิทธิพลให้กับฝรั่งเศสและกัมพูชา หรือให้กับชาติอื่นบ้างไหม

ผลของคดีปี 2556 จะซ้ำรอยกับปี 2505 เพราะมีคนไทยขายชาติหรือคนไทยหัวใจเขมร หรือไม่อย่างไร


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : คนขายชาติ พ.ศ.2556

view