จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ขำ เคืองใจ
ลีลาใหม่ตามสไตล์คิดบวกนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตรด้วยการเปิดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ อธิบายถึงโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภายใต้การใช้งบประมาณปี 57 และเตรียมออกพ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อกู้เงินจากสถาบันการเงินภายในประเทศก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนคึกคักถนัด ตา
ไม่ว่าเป็นโครงการรถไฟฟ้า 10 สาย โครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 หรือโครงการรถไฟความเร็วสูงที่แม้เป็นแผนอยู่ในกระดาษกระทรวงคมนาคมรอให้ ชาติต่างๆเสนอก่อนตัดสินใจ แต่ก็สามารถสร้างกระแสให้ทุกฝ่ายตื่นตัวเดินไปตามฝันรัฐบาลที่อาจเป็นจริง ได้ในไม่ช้า
แม้ทีดีอาร์ไอ จะออกมากางข้อมูลทางวิชาการหักล้างเปเปอร์ยิ่งลักษณ์ในวันโชว์ไมค์เดี่ยวต่อ หน้าผู้บริหารระดับสูง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ว่าคนไทยจะเลิกจนภายใน 13 ปี ยังไกลเกิน แต่การที่ยิ่งลักษณ์เลือกเล่นบทหาญกล้าฟุ้งไว้ก่อนพี่ชายสอนไว้ ย่อมได้ภาพบวกกลับมาถึงตนเองและรัฐบาล
คีย์แมนใกล้ตัวนายกฯปู วางเกมนี้มานาน นับตั้งแต่นายกฯบริหารประเทศผ่านมากว่า 1 ปี ถึงเวลาต้องเปลี่ยน เพราะหากให้นายกฯคลุกอยู่กับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ยิ่งจะทำให้สภาพรัฐบาลอยู่ในลักษณะซอยเท้าอยู่กับที่ จะหันซ้ายแลขวาต้องเจอแต่เสียงวิจารณ์ ทำเพื่อพี่บ้าง ทำเพื่อคนคนเดียวบ้าง แต่ถ้ารู้จักกล้าตัดสินใจเดินหน้าอย่างมั่นคงมองผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก วังวนของปัญหาความขัดแย้งการเมืองก็จะกลายเป็นเรื่องรอง
ตรงนี้เองปูเลือกแล้ว เลือกกรรเชียงหนีสารพันปมการเมืองที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งอีกทั้งโปรแกรม เดินหน้าพัฒนาประเทศยังจัดวางรออยู่อีกหลายรายการ ตั้งแต่ส่งสัญญาณผ่านบิ๊กข้าราชการให้เตรียมเขย่าโครงสร้างราชการอีกระลอก ด้วยการปรับยุบกระทรวง โอนย้ายสำนักงานมาเป็นกรม ตั้งองค์กรมหาชนเพื่อให้การทำงานคล่องตัว
คิวต่อไป เปิดทำเนียบเชิญภาคเอกชน นักธุรกิจ ที่มีบทบาทต่อการลงทุนเมกกะโปรเจคทั้งหลายร่วมรับฟังยุทธศาสตร์พัฒนาชาติ ฉายภาพให้เห็นถึงการทำงานแบบทุกองคาพยพร่วมขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมกัน
รัฐบาลประเมินแล้ว ปัญหากวนใจที่มาจากปมขัดแย้งทางการเมืองในส่วนของกลุ่มปฏิปักษ์อ่อนแรง เพราะในเมื่อรัฐบาลพักเงื่อนไขการเมืองเพื่อคนคนเดียว ฝ่ายต่อต้านยากหาประเด็นเคลื่อนไหว ขณะที่ประเด็นร้อนว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ใช้วิธีโยนเผือกร้อนใส่มือคณะ กรรมการซื้อเวลา ถึงขนาดพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและมือกฎหมายยอมรับตอนนี้ปล่อยให้นักวิชาการ 3สถาบันศึกษาก่อน และรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เรียกรัฐบาลไปหารืออีกครั้ง ส่วนพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ถูกแช่แข็งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงหมดเงื่อนไขฝ่ายต่อต้านออกมาโจมตี
เว้นเสียแต่ปมข้อพิพาทปราสาทพระวิหารที่กำลังเป็นคดีอยู่ระหว่างการไต่ สวนของศาลโลก ซึ่งนายกฯปูกำลังใช้ทุกวิถีทางในการสร้างความเข้าใจประชาชนให้ตรงกันพยายาม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นรักษาอธิปไตยของชาติอย่างแท้จริง
มองในแง่ดี หากการทำงานของคณะทำงานต่อสู้คดีพระวิหารทำหน้าที่อย่างเต็มที่ คำพิพากษาออกมาในทางบวกย่อมส่งผลให้ปลดชนวนระเบิดการเมืองลูกนี้ออกไปได้ รัฐบาลปูได้คะแนนเพิ่มอีกต่างหาก
…………………..
คราวนี้เหลือแต่พวกเดียวกันคอยเป็นฝุ่นผงขัดจังหวะ นั่นก็คือแกนนำคนเสื้อแดงที่ดูอึดอัดรัฐบาลแต่ทำอะไรได้ไม่มาก เพราะการได้รับผลประโยชน์ผ่านตำแหน่งต่างๆค้ำคอ จะด้วยถูกยัดชื่อให้เป็นส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ตบโบนัสผ่านตำแหน่งเทกระโถน
ถึงกระนั้น การที่แกนนำเลี้ยงมวลชนเอาไว้ จำเป็นต้องมีกิจกรรมเพื่อรักษามวลชน สร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองต่อไป จึงไม่แปลกที่จะเห็นแกนนำหลุดโผตำแหน่งการเมืองสมคบคิดแกนนำวางบิล เล่นบทนักต่อสู้ออกมาเขย่ารัฐบาลตัวเอง เหตุเพราะมีสัญญาณส่งเข้ามาหนักขึ้นเรื่อยๆว่าพี่น้องเพ่งเล็ง จากการที่แกนนำออกมานอนสบายในห้องแอร์แต่พี่น้องอีกจำนวนหนึ่งยังถูกคุมขัง
หลายคนบ่นน้อยอกน้อยใจเขียนจดหมายผ่านกรงขัง “ พวกมันไม่เคยดูดำดูแดง” บางฉบับสับเต็มๆเจ็บเข้ากระดองใจ “ พวกเราเหลือง-แดง ต่างตกเป็นเหยื่อการเมือง”
"ไอ้ที่อ้างอุดมการณ์ประชาธิปไตยเข้มข้น ตามหาประชาธิปไตยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ที่แท้แค่ฯพณฯจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เหยียบหัวมวลชนขึ้นเสวยอำนาจเท่านั้นเอง"
ไม่ว่าจะเป็นแกนนำส่งภาษาเหวงๆ บอกกำลังให้นายกฯลงนามรับรองให้ศาลอาญาระหว่างประเทศมีสิทธิเหนืออาณาเขต สอบสวนเหตุการณ์กระชับพื้นที่ ซึ่งข้อเท็จจริงตามท้องเรื่องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะการจะให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามาสอบสวนได้ ต่อเมื่อ กลไกกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศนั้นๆมีปัญหาระดับล่มสลายหรือไร้รัฐ อีกทั้งจะมีผลกระทบต่อสถาบันระดับสูง ซึ่งมือกฎหมายระดับพรรค คนในรัฐบาลรับรู้ต่อสภาพที่เกิดขึ้นแม้แต่รมว.ต่างประเทศคนปัจจุบันก็เพิ่ง ตั้งสติได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ มีหรือนายกฯจะกล้าลงนาม
แต่ขบวนการแกนนำผู้เหยียบฐานมวลชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินก็ยังคงร้องแรก แหกกระเชอ ถามว่าทำไมยังดื้อตาไสเพราะต้องการรักษาเครดิตตัวเองไม่ให้มวลชนตีจาก
เท่านั้นไม่พอ จะด้วยการประดิษฐ์ปฏิญญญาสวยหรู ”ปฏิญญาเขาใหญ่” เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการบีบบังคับสภาให้โหวตวาระ 3 ไปเลย ชัดเจนว่าเป็นแค่ปฏิญญาแกนนำสวมเขาให้พี่น้องมวลชน เมื่อฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์เมินข้อเสนอโดยให้ความสำคัญกับการตั้งคณะกรรมการ ศึกษาแนวทางการประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรียกได้ว่าต้องการศึกษาให้รอบคอบรับฟังข้อแนะนำจากทุกภาคส่วนไม่ใช่เออออ ห่อหมกยึดตามกฎหมู่ภายของแกนนำวางบิลมามีอิทธิพลนำ
เช่นเดียวกับที่แกนนำสุมหัวในห้างดังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แสร้งลดกระแสเรียกร้องจากพี่น้องมวลชนด้วยการจัดกิจกรรมต่อยอดการเคลื่อนไหว พรก.นิรโทษกรรม ที่กำลังแผ่วเบาลง โดยออกมาแสดงจุดยืนอีกรอบให้ออกพรก.นิรโทษกรรมในจังหวะที่กลุ่มแดง 29 ม.ค. ซึ่งเป็นส่วนผสมของกลุ่มเคลื่อนไหวล้มกฎหมายหมินเบื้องสูงมาตรา 112 นัดรวมพลวันที่ 29 ม.ค. ตั้งแต่เช้า ยกพลมายื่นหนังสือบีบบังคับนายกฯในวันประชุมครม. ต้องออกพรก.นิรโทษกรรมให้ได้ ณ บัดนาว ก่อนเปิดปราศรัยกดดันยาวถึงสี่ทุ่มหน้าทำเนียบฯ
แน่นอนทำให้พี่น้องได้เห็นการแสดงความจริงใจของแกนนำอีกรอบ ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มไหนก็ตาม ถ่ายทอดออกทีวีสีแดงเรียกเรทติ้ง ส่วนการหวังผลสำเร็จแค่ภาพลวงตา
รู้ๆกันอยู่ การออกพรก. ต้องเข้าเงื่อนไขมาตรา 184 ตามรัฐธรรมนูญ ระบุ “ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัตสาธารณะ “ พิจารณาแค่นี้ โดยไม่ต้องรอให้ถึงด่านศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แจ่มแจ้งแดงแจ๋ รายละเอียดพรก.นิรโทษกรรมไม่มีเนื้อหาตรงไหนเข้าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ตรงกันข้ามขืนตัดสินใจออกพรก.รังแต่จะสร้างความขัดแย้งวุ่นวายขึ้นใหม่ขัด จังหวะนายกฯกำลังเดินแผนยุทธศาสตร์พัฒนาชาติ
เมื่อภาครัฐบาลไม่เล่นด้วย ยิ่งตอกย้ำไม่ว่าเสนออะไรต่อมิอะไรมาที่รัฐบาลไม่รับลูก กระแสก็ยิ่งซัดกลับไปที่แกนนำต้องหาวิธีแก้ต่างแก้ตัวพี่น้องต่อไป สุดท้าย คงต้องเปิดแผนสองอาจให้ดันเป็นพ.ร.บ. เรียกว่าต้องลื่นไหลไว้ก่อนเพื่อความอยู่รอด
ทว่าทำบ่อยๆ มวลชนจับทางได้ จะเป็นผลลบย้อนกลับมาเล่นงานแกนนำ
โหรทำเนียบฯจับยามสามตา เมื่อนายกฯปูมาถูกทางแสดงความมุ่งมั่นพัฒนาชาติเขี่ยความขัดแย้งการเมืองพ้น ตัว ย่อมทำให้อนาคตรัฐบาลรุ่ง แต่สำหรับแกนนำคนเสื้อแดงที่กำลังแสดงบทสองหน้าดิ้นสร้างมูลค่าเพิ่มหวัง รักษามวลชนให้อยู่ใต้อาณัตินั้น วันหนึ่งพี่น้องรู้ทันก็ถึงเวลาแกนนำชะตาขาด
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน