จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
จับอาการรัฐบาลเวลานี้เห็นได้ว่าค่อนข้างสงบนิ่งจากเดิมที่เคยพยายามอยาก ทำประชามติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ก็ดูเงียบไป
ด้านหนึ่งต้องการเลี่ยงไม่อยากสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งให้เกิดขึ้น เพราะนั่นจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐบาลยังมีอภิมหาโครงการอย่างการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรออยู่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยหวังจะใช้เป็นผลงานชิ้นโบแดงสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ในอนาคต
แต่กับ “ข้อพิพาทกรณีปราสาทพระวิหาร” รัฐบาลกลับเลือกที่จะเคลื่อนไหวเต็มตัว แม้ว่ากว่าที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก จะตัดสินคดีนี้จะยังอีกนานในช่วงประมาณปลายปีก็ตาม
งานนี้ยิ่งลักษณ์มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นแม่งานคนสำคัญกับการทำคำชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนในทุกประเด็น
ยิ่งใกล้เดือน เม.ย. ที่ตัวแทนของไทยจะต้องขึ้นศาลโลกชี้แจงด้วยวาจาครั้งสุดท้ายใกล้เข้ามามาก เท่าไหร่ ยิ่งทำให้รัฐบาลต้องเร่งให้ข้อมูลกับประชาชนในทุกๆ ด้านมากขึ้นเท่านั้น
แผนดำเนินการหลักที่เริ่มมีให้เห็นแล้วคือ การตั้งคณะเผยแพร่ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ
แบ่งงานกันชัดเจนเป็นที่เรียบร้อย กระทรวงต่างประเทศรับผิดชอบในการชี้แจงเกี่ยวกับการต่อสู้คดีและนโยบาย รัฐบาล ส่วนกระทรวงกลาโหมชี้แจงเฉพาะเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดนเท่านั้น แต่ถึงจะแบ่งงานกันรับผิดชอบก็จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนใหญ่แล้วกระทรวงการต่างประเทศต้องเป็นผู้รับผิดชอบ หลักอยู่ดีในฐานะเป็นฝ่ายการเมือง ส่งผลให้ต้องเร่งสื่อสารกับประชาชนให้มากขึ้นไปอีก
ดังจะเห็นได้จากการเริ่มทยอยออกคำชี้แจงผ่านรูปแบบต่างๆ เช่น “หนังสือ 50 ปี 50 ประเด็นถามตอบ กรณีปราสาทพระวิหาร” ไปจนถึงการขอความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวชาย แดนไทยกัมพูชาทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่
ขณะเดียวกันมีแนวความคิดนำเสนอสารคดีในรูปแบบทั่วไปและการ์ตูนเผยแพร่ทาง โทรทัศน์ หวังย่อยความซับซ้อนของข้อพิพาทให้เป็นเรื่องเข้าใจง่ายสำหรับประชาชน ทุกกลุ่มที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนได้รับข้อความที่รัฐบาลสื่อสารออกไป
ที่สำคัญ “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รมว.ต่างประเทศ ยังได้รับมอบนโยบายจากนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ลงมาอีกว่า กระทรวงต้องให้ความร่วมมือกับสื่อมวลชนในการให้สัมภาษณ์เรื่องปราสาทพระ วิหารให้มากที่สุด ทั้งในรูปแบบที่เป็นและไม่เป็นทางการ รวมทั้งการเข้าไปร่วมเวทีวิชาการของภาคประชาชนที่เปิดอภิปรายในประเด็นนี้ เพื่อหวังใช้ช่องทางนี้สื่อสารกับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ได้ให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติเช่นกัน ผ่านช่องทางการให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงและรัฐมนตรีเข้าไปชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
เปิดโอกาสให้ สว.และฝ่ายค้านที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของรัฐบาลสามารถสอบถามผู้ บริหารกระทรวงได้อย่างเต็มที่ ก่อนหน้านี้ก็มีทั้ง “วีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก หัวหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร หรือแม้แต่ตัวรัฐมนตรีเองก็ยังมาชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ.ด้วยตัวเอง
การดำเนินการทั้งหมดนี้รัฐบาลตั้งใจใช้เป็นข้อหักล้างคำครหาของฝ่ายตรง ข้ามที่มักโจมตีรัฐบาลไม่จริงใจกับการต่อสู้คดี แต่กลับวางตัวเป็นโฆษกให้กับกัมพูชาแทน และลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กำลังมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างน้อยแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามต่อสู้คดีเต็มที่ ไม่ได้เออออกับกัมพูชาเสียทีเดียว เพียงแต่ไม่ได้ดำเนินการตอบโต้ตามกระบวนการทางการทูต ในกรณีที่กัมพูชาให้สัมภาษณ์พาดพิงประเทศไทยเท่านั้น เพราะนายกฯ เองอาจมองว่าไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบตามแนวชายแดน
ดังนั้น จึงเลือกมาให้ความสำคัญกับพลเมืองในประเทศเข้าใจรัฐบาลแทน เพราะนายกฯ เชื่อลึกๆ ว่า ถ้าสามารถเพิ่มระดับความถี่ของการสื่อสารกับประชาชนเรื่อยๆ แบบนี้ต่อให้ปลายปีศาลโลกจะตัดสินให้ไทยเป็นฝ่ายแพ้สถานการณ์ในประเทศก็ไม่ น่าจะเกิดความตึงเครียดจากประเด็นชาตินิยมที่ฝ่ายตรงข้ามเตรียมนำมาใช้เป็น เงื่อนไขล้มรัฐบาลด้วยการมองว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังเป็นต้นเหตุของการสูญเสียดินแดน
เหนื่อยกับการพูดซ้ำๆ ในตอนนี้ดีกว่าไปเหนื่อยตอนสู้กับม็อบในอนาคต
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน