สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เอเชียระอุ มะกันได้ประโยชน์กระตุ้นค้าอาวุธ-ปิดล้อมจีน

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...พันธสิทธิ เจริญพาณิชย์พันธ์

กลายเป็นประเด็นร้อนฉ่าขึ้นมาบนเวทีโลกที่ต้องจับตามองอย่างกระชั้นชิด สำหรับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศกร้าวว่าพร้อมเปิดฉากทำสงครามกับเกาหลีใต้ ขณะที่ทางฝั่งของเกาหลีใต้ก็ไม่น้อยหน้า โดยล่าสุดประธานาธิบดีหญิงเหล็ก ปาร์กกึนเฮ ได้ออกมาสวนทันควันว่าถ้าหากถูกรุกรานก่อน ก็พร้อมตอบโต้กลับด้วยกำลังเช่นกัน

ภาวะความขัดแย้งดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ผุดขึ้นมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้หลายประเทศในเอเชียได้เกิดภาวะการเผชิญหน้าจากความขัด แย้งเรื่องพรมแดนมาอย่างต่อเนื่องไล่ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบัน เช่น ความขัดแย้งเรื่องหมู่เกาะระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ความขัดแย้งหมู่เกาะทะเลจีนใต้ระหว่างจีนกับหลายชาติในอาเซียน รวมไปถึงพรมแดนจีนกับอินเดีย

แม้ว่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะกระทบกระเทือนต่อภาวะความ มั่นคง และความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่กำลังเป็นไปด้วยดี ทว่าในอีกมุมหนึ่งภาวะความตึงเครียดดังกล่าวกำลังทำให้บางประเทศ โดยเฉพาะชาติที่มีบริษัท และหน่วยงานในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารยักษ์ใหญ่อย่างพญาอินทรี สหรัฐ ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ

ข้อมูลจากรอยเตอร์สเผยว่า ในปี 2012 ยอดการขายอาวุธของกองทัพสหรัฐประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกขยายตัวขึ้นถึง 5.4% จากปีก่อน หรือที่ 1.37 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ยอดขายอาวุธโดยกองทัพให้กับรัฐบาลต่างชาติทั้งปีนั้นมีมูลค่าสูงถึง 6.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ในอนาคตก็คาดว่าสหรัฐจะได้รับประโยชน์จากการขายอาวุธมากขึ้น เพราะผู้นำชาติต่างๆ ในเอเชียที่ผงาดขึ้นมามีอำนาจต่างมีนโยบายและทิศทางในการวิ่งเข้าหาอ้อมอก สหรัฐมากขึ้น เช่น การผงาดขึ้นมาของผู้นำ ฝ่ายขวา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ในต้นปีที่ผ่านมา

ล่าสุด ญี่ปุ่นได้สั่งซื้อเครื่องบินรบรุ่นใหม่ เอฟ35 จำนวน 40 ลำ จากสหรัฐเข้ามาแทนที่ฝูงเครื่องบินรบ เอฟ4 แล้ว โดยดีลดังกล่าวมีมูลค่าทั้งหมดสูงกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ทางฝั่งของเกาหลีใต้ สิงคโปร์ ก็มีข่าวว่ากำลังสนใจที่จะสั่งซื้อเครื่องบินรบรุ่นดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ขณะที่ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม (เอสไอพีอาร์ไอ) ก็ยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน โดยเผยว่าในช่วงปี 20082012 เอเชียได้แซงหน้าตะวันตกขึ้นเป็นผู้นำเข้าอาวุธมากที่สุดในโลก หรือคิดเป็น 47% ของการสั่งซื้ออาวุธทั้งโลก ขณะที่ทางสหรัฐก็ยังคงครองความเป็นเจ้าผู้ส่งออกขายอาวุธในโลกอยู่เหมือน เดิม โดยคิดเป็น 30% ของการส่งออกขายอาวุธทั่วโลก

นอกเหนือจากความขัดแย้งในเอเชียที่มากขึ้นจะเป็นตัวเร่งให้หลายชาติต้อง เร่งระดมสั่งซื้ออาวุธจากสหรัฐแล้ว ในอีกด้านหนึ่งความขัดแย้งนั้นก็ยังเป็นตัวช่วยผลักดันให้หลายประเทศใน เอเชียหันเข้ามามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหรัฐมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับการที่สหรัฐกำลังหันมามุ่งเน้นและให้ความ สำคัญกับการปกป้องและพัฒนาความสัมพันธ์ในเอเชียอย่างพอดิบพอดี ดังเห็นได้จากการเร่งเข้าไปชักชวนให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียเข้าร่วมเจรจาในกรอบเอฟทีและเอทีพีพี

เพราะขณะนี้หลายชาติในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่น อินเดีย เริ่มมีความไม่สบายใจต่อการเติบโตของจีนที่นับวันจะทวีความกร้าวแกร่งขึ้น ดังนั้นทำให้ชาติเหล่านี้จึงต้องการหาประเทศที่ใหญ่พอๆ กัน หรือมากกว่าอย่างสหรัฐ เข้ามาคานอำนาจและอิทธิพลของพญามังกรจีนเอาไว้

ดังนั้น นี่จึงเปรียบเหมือนเป็นโอกาสทองที่สหรัฐจะใช้การปูทางบุกเข้ามาในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก พร้อมกับเข้ามาสกัดกั้นอิทธิพลของจีน ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจไปในคราวเดียวกัน เรียกได้ว่า “ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว”

นอกจากนี้ จากกรณีความขัดแย้งระหว่างสองเกาหลี ที่สหรัฐกำลังแสดงบทบาทด้วยการพยายามส่งความช่วยเหลือทางการทหารแก่กองทัพ รัฐบาลกรุงโซล ก็ถือเป็นภาพสะท้อนชัดเจนว่าสหรัฐกำลังต้องการแสดงให้พันธมิตรในเอเชียรู้ ตัวว่าสหรัฐมีความสามารถมากพอในการคุ้มครองความปลอดภัย ส่งสัญญาณว่าต้องการข่มเกาหลีเหนือและจีนไปในตัว

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สถานการณ์ที่ตึงเครียดในเอเชียเสมือนหนึ่งเป็นการช่วยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับสหรัฐโดยแท้


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เอเชีย มะกัน ได้ประโยชน์ กระตุ้น ค้าอาวุธ ปิดล้อมจีน

view