สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พรรคประชาธิปัตย์ต้องปฏิรูปครั้งใหญ่

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ นักวิชาการ ศูนย์เอเซียศึกษา ม.ฮาร์วาร์ด

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเห็นคนไม่ดีเข้ามาอยู่ในอำนาจ

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่สามารถยอมรับกับการคอร์รัปชั่นของทักษิณและพวกพ้องได้

ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากเห็นการใช้อำนาจบีบบังคับองค์กรอิสระ ข้าราชการ และแทรกแซงสื่อ

อีกทั้งการเอาพวกพ้องเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจต่างๆ ผมเป็นคนคนหนึ่งที่ดีใจได้เห็นพี่น้องลุกฮือขึ้นมา เพื่อต่อต้านสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ถูกต้อง

ผมตื่นเต้นมากกับการตื่นตัวทางการเมืองของคนไทยทั้งชาติ แต่สิ่งที่ผมอาจจะคิดต่างจากพี่น้องหลายๆ คนก็คือ

ผมคิดว่าเรามีวิธีเดียวที่เราจะกำจัดระบอบทักษิณได้อย่างเบ็ดเสร็จก็คือ การที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องชนะการเลือกตั้ง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้ทางพรรคมุ่งเน้นไปที่สิ่งนี้มากซักเท่าไร

ผมยังให้ความเชื่อมั่นกับระบอบประชาธิปไตยและกลไกของมันที่จะล้างระบบของตัวเอง แต่สิ่งนี้ต้องใช้เวลาและความอดทน อาจจะไม่ใช่การเลือกตั้งครั้งนี้ แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ สถานการณ์การเมืองตอนนี้จะไม่มีทางแก้ไขได้ด้วยรัฐประหาร หรือ “สภาประชาชน”

ผมไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นคนแต่งตั้ง ซึ่งที่จำเป็นที่สุดในการทำให้พรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งมีอยู่ 4 ข้อที่ผมอยากพูดถึง คือ

1.พรรคต้องเปลี่ยนอุดมการณ์ทางการเมืองที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นแบบอนุรักษนิยม หรือฝั่งขวามากเสียจนเกิน (Conservative/Right) มาเป็นตรงกลางมากขึ้น (Center) กล่าวคือ พรรคต้องแยกตัวให้ออกจากฝ่ายทหาร หรือฝ่ายตุลาการ

การกระทำเช่นนี้ได้ก็คือ การปฏิเสธการแทรกแซงจากทหารอย่างชัดเจน ต้องเลิกพูดเรื่องนายกฯ พระราชทาน หรือเรื่องสภาประชาชน

ที่ทำให้สื่อถึงการพยายามคุมอำนาจจากชนชั้นกลาง นี่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพราะบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากประเทศต่างๆ

ผมขอยกตัวอย่างจากพรรคการเมืองอิสลาม ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานวิจัยของผม การที่กลุ่มอย่างเช่น Muslim Brotherhood ในอียิปต์ Hamas ในปาเลสไตน์ หรือพรรค AKP ของตุรกี ที่ในอดีตเป็นกลุ่มสุดโต่ง มีนโยบายเพียงอย่างเดียว คือ จะเอากฎหมายอิสลามมาเป็นกฎหมายปกครองประเทศแบบเบ็ดเสร็จ

แต่แล้วพรรคเหล่านี้ก็มีการพัฒนาขยับจุดยืนของตัวเองให้มาอยู่ตรงกลางมากขึ้น ใช้วาทกรรมในเชิงอิสลามน้อยลง หรือใช้แบบเลือกกลุ่มคน

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ พรรคเหล่านี้สามารถดึงเสียงจากฝ่ายตรงข้าม หรือพวกที่อยู่ตรงกลางจนชนะการเลือกตั้งในที่สุด หลักการนี้เป็นหลักการพื้นฐานของรัฐศาสตร์

2.นโยบายรากหญ้าของพรรคประชาธิปัตย์ต้องจับต้องได้ และต้องดำเนินการไปเลย ถึงแม้จะแพ้การเลือกตั้งในครั้งนี้ก็ตาม

ผมขอยกตัวอย่างกลุ่มพรรคอิสลามอีกครั้ง กล่าวคือ พรรคอย่างเช่น Muslim Brotherhood หรือ Hamas นั้น ใช้ยุทธวิธีลงมือทำนโยบายระดับรากหญ้าจริงหลายปี ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นพรรคการเมืองลงแข่งเลือกตั้ง มีการจัดตั้งคลินิกตรวจสุขภาพ จัดตั้งโรงเรียนโปรแกรมต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชาวบ้านจริง และกระทำแข่งขันกับภาครัฐโดยตรง

พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเรียนรู้อะไรได้หลายอย่างจากการลงมือปฏิบัตินโยบายเช่นนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ทางพรรคหรือกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคจะจัดสรรหาหมออาสาสมัครจากเครือข่ายของตน เพื่อไปตรวจสุขภาพให้กับชาวบ้านในภาคต่างๆ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมที่อยู่ฝ่ายตัวเองอยู่แล้วจัดอบรมเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือสารสนเทศ หรืออินเทอร์เน็ตให้กับชาวบ้านเพื่อใช้ทำมาหากิน จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนแรงแค้นของกลุ่มที่สนับสนุนพรรคอยู่เป็นแรงเชิงบวกให้ผู้สนับสนุนเหล่านี้มาเป็นอาสาสมัคร เป็นครูไปสอนน้องๆ ชาวบ้านในต่างจังหวัด การลงมือทำนโยบายเช่นนี้ น่าจะทำให้พรรคได้ความเชื่อมั่นจากชาวบ้านที่มีอคติต่อพรรคมากเพิ่มขึ้น

3.เป็นสิ่งจำเป็นมากที่ประชาธิปัตย์ต้องสรรหา “คนดี” จริงๆ มาอยู่ในพรรค และต้องกำชับ (ออกสื่อ) ถึงความสำคัญของการไม่ทุจริตการเลือกตั้งเสียเอง

ผมขอบอกตามตรงว่า รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่ท่านสุเทพ ซึ่งเคยมีคดีติดตัวเรื่องคอร์รัปชั่น ผันตัวเองมาเป็นผู้นำม็อบต่อต้านคอร์รัปชั่น(ผมทำใจด้วยการให้เหตุผลว่า อย่างน้อยท่านก็สู้คดีอยู่ในเมืองไทย และกล้าเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหา ไม่เหมือนท่านที่หนีไปอยู่ดูไบ)

ที่พูดมานี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเป็นพรรคที่สะอาดอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยได้ ตัวพรรคเองก็ต้องมีบทลงโทษกับสมาชิกพรรคของตนเอง ถ้าจับได้ว่าทุจริตห้ามมายุ่งเกี่ยวข้องกับพรรคโดยเด็ดขาด

ในที่สุดแล้วพรรคก็สามารถพูดได้เต็มปากว่า “ประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่สะอาด” ไม่ใช่แค่ “สะอาดกว่า” ในเชิงเปรียบเทียบกับฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น

หากมั่นใจว่าพรรคของตนปราศจากคนโกงแล้ว จะทำให้การกล่าวหาหรือฟ้องร้องฝ่ายตรงข้ามมีน้ำหนักมากขึ้น

นอกเหนือไปกว่านั้น ทางพรรคต้องพยายามนำมวลชนที่สนับสนุนตนเองจัดเป็นเครือข่ายต่อต้านการทุจริตการเลือกตั้งอย่างจริงจัง เช่น จัดหาอาสาสมัครไปสอดส่องดูแลตามคูหาเลือกตั้ง เพื่อรายงานและป้องกันการทุจริต เป็นต้น

4.พรรคต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารมวลชนมากกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าเป็นไปได้อาจจะว่าจ้างนักประชาสัมพันธ์มืออาชีพเข้ามาช่วยทั้งภายในและนอกประเทศ (เพื่อแข่งกับอีกฝ่ายที่จ้างเอาๆ) ผมมีประสบการณ์ตรงของจุดบกพร่องของพรรคประชาธิปัตย์ในข้อนี้

ผมใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาหลายปี และได้พบปะกับนักวิชาการและนักการเมืองชาวสหรัฐที่สนใจเมืองไทย ไฮไลต์ของผมคือการได้พบกับประธานาธิบดี บิล คลินตัน ตอนประมาณปี 2008 ซึ่งเราได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเมืองไทย คลินตัน บอกกับผมว่า เขาคิดว่ารัฐบาลชวน 2 (1997-2001) เป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา เป็นรัฐบาลที่โดนเลือกมากู้วิกฤตเศรษฐกิจโดยเฉพาะ และเต็มไปด้วย Technocrats ทันทีที่ผมได้ยิน ผมก็คิดไปเลยทันทีว่า แล้วเราแพ้คุณทักษิณในการเลือกตั้งปี 2001 ได้ยังไง สำหรับผมแล้วผมคิดว่าข้อผิดพลาดในรัฐบาลนั้นคือ การสื่อสารต่อประชาชนที่ทำได้ไม่ดีพอ ท่านศุภชัยก็เป็น Technocrat

ท่านธารินทร์ก็เป็น Technocrat ส่วนคุณสุรินทร์ก็ได้แต่พยายามสร้างความเชื่อมั่นบนเวทีโลก รัฐบาลชุดนั้นเหมือนกับทำงานเพลินจนลืมสื่อสารกับประชาชนของตนเอง และนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้ทักษิณจับประเด็นชาตินิยม (Nationalism) บวกกับการแบรนดิ้งพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นพรรคของคนรุ่นเก่า ข้อบกพร่องของพรรคประชาธิปัตย์ข้อนี้ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน และต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน

สิ่งที่ผมกล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเร่งการปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่ จุดจบของดราม่าการเมืองครั้งนี้จะมาถึงก็ต่อเมื่อประชาธิปัตย์สามารถกล่าวได้เต็มปากว่าตนเองชนะการเลือกตั้ง เราต้องกำราบทักษิณด้วยการยึดอาวุธที่สำคัญที่สุดของเขา

อาวุธที่ทำให้เขาสามารถสร้างความแตกแยกทำลายล้างประเทศได้มาถึงขนาดนี้ สำนวนภาษาอังกฤษของวิธีการนี้ก็คือ “beating him at his own game” อย่างน้อยที่สุดก็ต้องชนะในระบบบัญชีรายชื่อ (ถึงแม้จะแพ้ในแบบเขต ซึ่งเคยทำได้มาแล้วตอนปี 2007 ที่แข่งกับนายสมัคร สุนทรเวช) เพื่อเพิ่มความชอบธรรมในการเป็นฝ่ายค้านให้กับตนเอง ถ้าชนะในระบบบัญชีรายชื่อ ก็จะสามารถบอกได้ว่าประชาชนเลือก “พรรคประชาธิปัตย์” มากกว่าพรรคคู่แข่ง

จะแพ้ก็แค่การเลือกตัวบุคคล เพราะฉะนั้นการแถลงหรือมติของพรรคใดๆ นั้น อาจจะมีความชอบธรรมมากกว่าฝ่ายรัฐบาลเสียด้วยซ้ำ แล้วถ้าชนะ Popular Vote ได้ แต่อาจจะแพ้จำนวน สส.รวมก็จะยิ่งดีใหญ่ เพราะจะสามารถอ้างได้เต็มที่ว่าพรรคตนได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ (เหมือนนายอัลกอร์ ในการเลือกตั้งปี 2000 ของสหรัฐ หรือนายอันวาร์ อิบรอฮิม ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของมาเลเซีย) ถ้ายังแพ้ในการแข่งขันในรูปแบบต่างๆ อยู่ ก็ต้องปรับปรุงพรรคกันไปเรื่อยๆ ยื่นมือไปพูดคุย ทำความเข้าใจกับประชาชนที่เลือกฝ่ายตรงข้ามต่อไป

วิธีการที่กล่าวมานี้ ผมยอมรับว่าช้า และต้องใช้ความอดทนสูง เราอาจจะต้องทนเห็นการคอร์รัปชั่นที่สูงขึ้น นโยบายที่ทำลายล้างระบบเศรษฐกิจมากขึ้น แต่เราต้องคิดอยู่เสมอว่าเราได้พิสูจน์แล้วว่าเสียงของประชาชนถึงแม้ว่าจะเป็นเสียงที่อาจจะเป็นส่วนน้อย ก็สามารถกำหนดขอบเขตการใช้อำนาจของรัฐบาลได้ การประท้วงสามารถทำได้ตามหลักสากล แต่เราก็ต้องเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้กับข้อผิดพลาดอย่างแท้จริง เพราะนั่นคือความหมายของสังคมประชาธิปไตย การพยายามตัดวงจรอุบาทว์โดยวิถีทางที่ไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น ไม่สามารถเป็นไปได้ ถ้าเราคิดว่าประชาชนที่เลือกทักษิณขึ้นมาก็มีสิทธิ มี 1 เสียง และเป็นมนุษย์เหมือนกับเรา


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : พรรคประชาธิปัตย์ ต้องปฏิรูป ครั้งใหญ่

view