สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

กลุ่มประเทศ GCC

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ พร้อมรับAECหรือยัง โดย ณกฤช เศวตนันทน์ Thai.attorney@hotmail.com

กลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ Gulf Cooperation Council หรือ กลุ่มประเทศ GCC ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน

GCC ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1981 มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการทูต เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ตลอดจนถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมอันดีงามระหว่างประเทศสมาชิก รวมทั้งมุ่งมั่นในการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศในกลุ่ม GCC เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า กับประเทศอื่น ๆ นอกกลุ่ม

ปัจจุบันรัฐบาลของประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC แต่ละประเทศ กำลังเร่งพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในประเทศของตนให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกเฉพาะสินค้าน้ำมันเพียงอย่างเดียว


นอกจากนี้ รัฐบาลของประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC ทุกประเทศ มีนโยบายสนับสนุนให้ภาคเอกชนของตนลงทุนทั้งภายในประเทศและเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของกลุ่ม GCC โดยเน้นการลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ด้วยการจัดหาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ให้เช่าที่ดินในราคาถูก เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทั้งสาธารณูปโภค การคมนาคมขนส่ง และการสื่อสาร ตลอดจนให้สิ่งจูงใจด้านภาษี โดยลดอัตราภาษีนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ อีกทั้งเร่งปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายการลงทุน เพื่อให้เอื้อต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนจากต่างประเทศ

กลุ่มประเทศ GCC ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอำนาจซื้อสูง ประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC ทั้ง 6 ประเทศมีประชากรรวมกันประมาณ 27 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะมั่งคั่งและมีอำนาจซื้อสูง


อาทิ ประชากรของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงถึงกว่า 9,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และประชากรของซาอุดีอาระเบีย มีรายได้เฉลี่ยต่อคนกว่า 7,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็นต้น กำลังซื้อที่สูงส่งผลให้ความต้องการบริโภคสินค้าและบริการของประเทศเหล่านี้สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าที่มีความจำเป็นแก่การดำรงชีพ เช่น อาหารแปรรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป และวัสดุก่อสร้าง

สิ่งสำคัญคือประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC ทุกประเทศล้วนมีทางออกสู่ทะเล การคมนาคมขนส่งสินค้าทางเรือจึงมีความสะดวกอย่างยิ่ง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้า และการส่งออกต่อไปยังภูมิภาคอื่น ๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลเกื้อหนุนต่อการเข้าไปลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในกลุ่ม GCC ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ นอกจากน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติแล้ว GCC ยังมีทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ที่สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ จำนวนมาก อาทิ ทองคำ ทองแดง และแร่เหล็ก ซึ่งล้วนมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ

การพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่ม GCC ส่งผลให้รายได้ประชาชาติจากภาคอุตสาหกรรมของกลุ่ม GCC เพิ่มขึ้นกว่า 66% จาก 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1982 เป็น 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 1998

จากการที่กลุ่มประเทศ GCC เป็นตลาดที่มีกําลังซื้อสูง ทำให้สนใจที่จะขยายการค้ากับประเทศอื่น ๆ ด้วย กลุ่มประเทศ GCC กลายเป็นตลาดหนึ่งที่หลายประเทศในอาเซียนให้ความสนใจ แต่ที่ผ่านมาการค้ากับ GCC ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และมีเพียงไม่กี่ประเทศที่สามารถเจรจาการค้ากับ GCC ได้สําเร็จ

มีเพียงประเทศสิงคโปร์ที่สามารถสรุปผลการเจรจา FTA กับ GCC สำเร็จภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี และมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2556 โดย GCC ได้เปิดตลาดสินค้าให้กับสิงคโปร์ถึงร้อยละ 99 ของรายการสินค้าทั้งหมด และทั้ง 2 ฝ่ายยังได้เจรจาเปิดตลาดการค้าบริการและการลงทุนเพิ่มอีกด้วย

นอกจากนี้ มาเลเซีย ยังเป็นอีกประเทศหนึ่งในอาเซียน ที่ได้มีการลงนามกรอบความตกลงทางเศรษฐกิจไปแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2554 กรอบความตกลงดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ รวมถึงเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่าย และมีเป้าหมายที่จะนําไปสู่การเจรจาจัดทํา FTA ในอนาคต

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ของไทย เคยกล่าวถึงโอกาสทางการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนทั้งไทยและ GCC ว่า น่าจะเป็นในสาขาการเชื่อมโยง ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน

การคมนาคมขนส่ง และการสื่อสาร การก่อสร้างและภาคบริการสาขาอื่น ๆ SMEs ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และการท่องเที่ยว

การที่ประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย ต่างมีความร่วมมือทางการค้ากับกลุ่มประเทศ GCC ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประเทศมาเลเซียสามารถจัดทํา FTA ได้เป็นผลสําเร็จ จะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกที่ไทยและมาเลเซียเป็นคู่แข่งกัน อาทิ เครื่องจักรกล โลหะมีค่า เครื่องจักรไฟฟ้า ยางและผลิตภัณฑ์จากยาง ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เป็นต้น

เนื่องจากสินค้าดังกล่าวต่างเป็นสินค้าส่งออกในระดับต้น ๆ ของทั้งไทยและมาเลเซีย ที่ส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ GCC ดังนั้นประเทศไทยจึงไม่ควรมองข้ามการขยายตลาดสินค้าไปยังตลาด GCC อันเป็นตลาดที่มีกําลังซื้อสูง ทั้งยังเป็นตลาดส่งออกหลักลําดับที่ 9 ของไทยอีกด้วย โดยในปี 2556 การส่งออกของไทยไปยัง GCC มีมูลค่าสูงถึง 7,704,043 ล้านเหรียญสหรัฐ

การที่สิงคโปร์และมาเลเซียประสบความสําเร็จในการร่วมมือทางการค้ากับ GCC ก่อนประเทศไทยนั้น จึงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องพิจารณาหาทางแก้ ซึ่งเราพบว่าปัญหาสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศสมาชิกกลุ่ม GCC คือการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้และความชำนาญเฉพาะด้าน รวมทั้งขาดประสบการณ์ในด้านการจัดการที่ดี ทำให้มีความจำเป็นต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างชาติอีกมาก

นี่จึงอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนไทย


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : กลุ่มประเทศ GCC

view